เวลา 10.00 น. วานนี้ (20 ก.ค) ชาวบ้านใน จ.เชียงราย ซึ่งใช้ชื่อว่าเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน จ.เชียงราย และเครือข่ายบ้านมั่นคงเมือง จ.เชียงราย นำโดยนายวิรัตน์ พรหมสอน ประธานเครือข่าย ประมาณ 100 คน ได้ไปชุมนุมกันที่หน้าอาคารศาลากลาง จ.เชียงราย 750 ปี เพื่อขอยื่นข้อเรียกร้องผ่านว่าที่ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้เสนอไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี และนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะสายงานราชการ ให้แก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนโดยให้จัดทำเป็นวาระแห่งชาติ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักใช้เครื่องกระจายเสียงบอกกล่าวข้อเรียกร้อง ซึ่งใช้ชื่อหนังสือว่า "การจัดการที่ดินโดยชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย" จากนั้นนำตู้ไปรษณีย์จำลองระบุที่อยู่และภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ประชาชนได้เขียนจดหมายเสนอข้อเรียกร้องตามข้อเรียกร้องของชาวบ้านส่งไปเพื่อการแก้ไขด้วย
จากนั้นบรรดาแกนนำ นำโดยนายวิรัตน์ และนายชัญญา เด่นตระกูล ตัวแทนเครือข่ายบ้านมั่นคง อ.เมือง จ.เชียงรายโดยมีเนื้อหาว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนมาโดยตลอดและยังมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการที่ดินสาธารณะเพื่อส่วนรวมด้วย และช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเมืองไม่เป็นเสถียรภาพโดยอยู่ภาวะระส่ำระส่ายกระทั่งการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาปรากฏว่าชาวเชียงรายและคนไทยส่วนใหญ่ได้เทคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้อาศัยความมีเสถียรภาพทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน ผ่านการแถลงนโยบายที่จะให้กับรัฐสภาชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
โดยข้อเรียกร้องต่างๆ มีอยู่ 7 เรื่องหลักคือให้จัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินให้เป็นข้อมูลสาธารณะเพื่อบริหารจัดการอย่างเป็นธรรม ใช้รูปแบบโฉนดชุมชนป้องกันการบุกรุกป่า จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดิน จัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้า ยกเลิกคดีคนจนเกี่ยวกับคดีป่าและที่ดิน และไม่ให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2551 ที่สร้างความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชุมชน
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมาเกิดจากเรื่องหลักคือความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โดยที่ดินที่หลักอยู่ในมือของกลุ่มนายทุนถึง 95% และคนจนมีที่ดินเป็นของตัวเองแค่ 10% ดังนั้นรัฐบาลใหม่จะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินเป็นวาระแห่งชาติ โดยถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ทำตามนี้ก็ถือว่าไม่น่ารัก เพราะถือว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็เทคะแนนเสียงให้อย่างท่วมท้น
จากนั้นบรรดาแกนนำ นำโดยนายวิรัตน์ และนายชัญญา เด่นตระกูล ตัวแทนเครือข่ายบ้านมั่นคง อ.เมือง จ.เชียงรายโดยมีเนื้อหาว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของประชาชนมาโดยตลอดและยังมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการที่ดินสาธารณะเพื่อส่วนรวมด้วย และช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเมืองไม่เป็นเสถียรภาพโดยอยู่ภาวะระส่ำระส่ายกระทั่งการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาปรากฏว่าชาวเชียงรายและคนไทยส่วนใหญ่ได้เทคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้อาศัยความมีเสถียรภาพทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน ผ่านการแถลงนโยบายที่จะให้กับรัฐสภาชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
โดยข้อเรียกร้องต่างๆ มีอยู่ 7 เรื่องหลักคือให้จัดระบบข้อมูลการถือครองที่ดินให้เป็นข้อมูลสาธารณะเพื่อบริหารจัดการอย่างเป็นธรรม ใช้รูปแบบโฉนดชุมชนป้องกันการบุกรุกป่า จัดตั้งกองทุนธนาคารที่ดิน จัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้า ยกเลิกคดีคนจนเกี่ยวกับคดีป่าและที่ดิน และไม่ให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2551 ที่สร้างความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชุมชน
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมาเกิดจากเรื่องหลักคือความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โดยที่ดินที่หลักอยู่ในมือของกลุ่มนายทุนถึง 95% และคนจนมีที่ดินเป็นของตัวเองแค่ 10% ดังนั้นรัฐบาลใหม่จะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินเป็นวาระแห่งชาติ โดยถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ทำตามนี้ก็ถือว่าไม่น่ารัก เพราะถือว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก็เทคะแนนเสียงให้อย่างท่วมท้น