ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลสหรัฐฯให้ทุนการศึกษาแก่ฮุนมณี (Hun Many) บุตรชายอีกคนหนึ่งของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน แห่งกัมพูชา เพื่อไปศึกษาต่อที่สถาบันการกลาโหมอันมีชื่อเสียงโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทำให้เขากลายเป็นทายาทคนที่สองของครอบครัวนี้ ที่ได้ไปร่ำเรียนในอเมริกา ด้วยเงินจากภาษีอากรของชาวอเมริกัน สื่อออนไลน์หลายสำนักตีพิมพ์เผยแพร่ข่าวนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฮุนมณีกำลังจะไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยป้องกันชาติอเมริกัน (American University of National Defense) ซึ่งเป็นสถาบันด้านกลาโหมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน และผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียนทั้งหมด 175,000 ดอลลาร์
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเปิดเผยเรื่องนี้ในงานมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe University) ในกรุงพนมเปญเมื่อวันพฤหัสบดี(14)ที่แล้ว
ฮุนเซนยังบอกด้วยว่า พล.ต.ฮุนมาเนต บุตรชายคนโตของเขาก็ไปเรียนโรงเรียนนายร้อยเวสต์พ้อยต์อันมีชื่อเสียง ด้วยเงินทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมเป็นค่าเล่าเรียน 245,000 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการเปิดเผยตังเลขเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ไม่เคยมีผู้ใดทราบมาก่อนเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาของฮุนมณี ซึ่งนายกฯ กัมพูชากล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนขอ เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบขอใคร “แต่รัฐบาลสหรัฐฯ เขาอยากจะให้ เขาอยากให้ลูกผมไปเรียนทหารที่นั่น”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลกับประชาชนชาวอเมริกันที่ให้ทุนแก่บุตรชายทั้งสองคน ซึ่งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 420,000 ดอลลาร์
ฮุนมาเนตเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ในปี 1999 จากนั้นก็กลับไปรับราชการทหารในกัมพูชาโดยติดยศนายร้อยตรีสังกัดกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งเป็นหน่วยรบทันสมัยที่สุด มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย ขณะที่นักสังเกตการณ์กล่าวว่า เป็นกองกำลังป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจโดยฝ่ายตรงข้ามของบิดา
มีรายงานว่า ฮุนมาเนตกลับไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวอร์จิเนีย แต่ไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย จนกระทั่งในปี 2008 จึงมีการเผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการว่า บุตรชายคนโตของฮุนเซน “ได้รับ” ปริญญาเอกสาขาเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบริสตอล ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ
หลังรับราชการรวม 10 ปี นับตั้งแต่เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยท์ ในเดือน ต.ค. 2009 ด้วยวัย 31 ปี ฮุนมาเนตได้เลื่อนยศเป็นนายพลจัตวา ประดับดาวสีทองบนบ่าดวงแรก กลายเป็นนายพลหนุ่มที่สุดของกองทัพ และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำคือบิดาของตนอีกด้วย
อีก 15 เดือนต่อมาคือ เดือน ม.ค. 2011 รัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.เตียบัญ ได้ทำพิธีประดับดาวสีทองให้อีก 1 ดวง กลายเป็น “นายพล 2 ดาว” หรือนายพลตรีวัยเพียง 33 ปี และยังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 อีกตำแหน่งหนึ่ง
ปกติระดับกองพลน้อยจะมีผู้บัญชาการเป็นนายทหารยศนายพลจัตวา การแต่งตั้งให้ฮุนเมาเนตเข้าบัญชาการกองพลน้อยนี้ ดูเหมือนเป็นความพยายามหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมให้แก่การติดยศนายพลตรีของเขา โดยให้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำไปในขณะเดียวกันด้วย
ฮุนมาเนตไม่ค่อยตกเป็นข่าวคราวในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ แต่กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ รวมทั้งฝ่ายทหารของไทยในเดือน ก.พ.ปีนี้ เมื่อไปปรากฏตัวที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร
พล.ต.หนุ่มนั่งโต๊ะร่วมประชุมกับ พล.อ.เจียดารา รองผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน กับ พล.ต.สเรย์เดิ๊ก ผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ กับนายทหารระดับสูงอีกหลายนาย โดยมีน้องชายวัย 28 ปี คือ พ.ท.ฮุนมณี นั่งอยู่เคียงข้าง
ฮุนเซนให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า บุตรชายไปที่ชายแดนในฐานะผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจป้องกันชายแดนอีกด้วย นอกเหนือจากภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย
ฮุนมณีเป็นทายาทคนที่ 4 ของครอบครัวผู้นำ จากทั้งหมด 5 คน และเป็นลูกชายคนเล็กในจำนวนทั้งหมด 3 คน ถัดจากฮุนมาเนตกับฮุนมานิต มีพี่สาว 1 คนคือ ฮุนมะนา กับน้องสาวอีก 1 คน คือ ฮุนมะลิ
นอกจากนั้นฮุนเซนยังเคยมีบุตรสาวอีก 1 คนเป็นคนที่ 6 คือ ฮุนมะลิส ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม แต่ได้ประกาศยกเลิกไปเมื่อปี 2007 โดยฮุนเซนกล่าวหาเป็น “เลสเบี้ยน” ส่งไปเรียนสหรัฐฯ แต่เรียนไม่จบ
การปรากฏตัวของบุตรชายผู้นำทั้งสองคนที่ชายแดน ทำให้มีการเล่าลือกันว่า พล.ต.ฮุนมาเนต เป็นผู้บัญชาการศึกอย่างแท้จริงในการปะทะกับฝ่ายไทยครั้งนั้น และเป็นความพยายามของฮุนเซนที่จะ “ปั้น” บุตรชายให้ได้รับการยอมรับจากสังคม ซึ่งอาจจะหมายถึงการสืบทอดอำนาจทางการเมืองในอนาคตอีกด้วย
ฮุนมณีกำลังจะไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยป้องกันชาติอเมริกัน (American University of National Defense) ซึ่งเป็นสถาบันด้านกลาโหมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน และผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียนทั้งหมด 175,000 ดอลลาร์
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเปิดเผยเรื่องนี้ในงานมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe University) ในกรุงพนมเปญเมื่อวันพฤหัสบดี(14)ที่แล้ว
ฮุนเซนยังบอกด้วยว่า พล.ต.ฮุนมาเนต บุตรชายคนโตของเขาก็ไปเรียนโรงเรียนนายร้อยเวสต์พ้อยต์อันมีชื่อเสียง ด้วยเงินทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมเป็นค่าเล่าเรียน 245,000 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการเปิดเผยตังเลขเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ไม่เคยมีผู้ใดทราบมาก่อนเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาของฮุนมณี ซึ่งนายกฯ กัมพูชากล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนขอ เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบขอใคร “แต่รัฐบาลสหรัฐฯ เขาอยากจะให้ เขาอยากให้ลูกผมไปเรียนทหารที่นั่น”
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกัมพูชาได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลกับประชาชนชาวอเมริกันที่ให้ทุนแก่บุตรชายทั้งสองคน ซึ่งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 420,000 ดอลลาร์
ฮุนมาเนตเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ในปี 1999 จากนั้นก็กลับไปรับราชการทหารในกัมพูชาโดยติดยศนายร้อยตรีสังกัดกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งเป็นหน่วยรบทันสมัยที่สุด มีภารกิจในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย ขณะที่นักสังเกตการณ์กล่าวว่า เป็นกองกำลังป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจโดยฝ่ายตรงข้ามของบิดา
มีรายงานว่า ฮุนมาเนตกลับไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวอร์จิเนีย แต่ไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย จนกระทั่งในปี 2008 จึงมีการเผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการว่า บุตรชายคนโตของฮุนเซน “ได้รับ” ปริญญาเอกสาขาเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบริสตอล ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ
หลังรับราชการรวม 10 ปี นับตั้งแต่เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยท์ ในเดือน ต.ค. 2009 ด้วยวัย 31 ปี ฮุนมาเนตได้เลื่อนยศเป็นนายพลจัตวา ประดับดาวสีทองบนบ่าดวงแรก กลายเป็นนายพลหนุ่มที่สุดของกองทัพ และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำคือบิดาของตนอีกด้วย
อีก 15 เดือนต่อมาคือ เดือน ม.ค. 2011 รัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.เตียบัญ ได้ทำพิธีประดับดาวสีทองให้อีก 1 ดวง กลายเป็น “นายพล 2 ดาว” หรือนายพลตรีวัยเพียง 33 ปี และยังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 อีกตำแหน่งหนึ่ง
ปกติระดับกองพลน้อยจะมีผู้บัญชาการเป็นนายทหารยศนายพลจัตวา การแต่งตั้งให้ฮุนเมาเนตเข้าบัญชาการกองพลน้อยนี้ ดูเหมือนเป็นความพยายามหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมให้แก่การติดยศนายพลตรีของเขา โดยให้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำไปในขณะเดียวกันด้วย
ฮุนมาเนตไม่ค่อยตกเป็นข่าวคราวในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ แต่กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ รวมทั้งฝ่ายทหารของไทยในเดือน ก.พ.ปีนี้ เมื่อไปปรากฏตัวที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ในพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร
พล.ต.หนุ่มนั่งโต๊ะร่วมประชุมกับ พล.อ.เจียดารา รองผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน กับ พล.ต.สเรย์เดิ๊ก ผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ กับนายทหารระดับสูงอีกหลายนาย โดยมีน้องชายวัย 28 ปี คือ พ.ท.ฮุนมณี นั่งอยู่เคียงข้าง
ฮุนเซนให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า บุตรชายไปที่ชายแดนในฐานะผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจป้องกันชายแดนอีกด้วย นอกเหนือจากภารกิจต่อต้านการก่อการร้าย
ฮุนมณีเป็นทายาทคนที่ 4 ของครอบครัวผู้นำ จากทั้งหมด 5 คน และเป็นลูกชายคนเล็กในจำนวนทั้งหมด 3 คน ถัดจากฮุนมาเนตกับฮุนมานิต มีพี่สาว 1 คนคือ ฮุนมะนา กับน้องสาวอีก 1 คน คือ ฮุนมะลิ
นอกจากนั้นฮุนเซนยังเคยมีบุตรสาวอีก 1 คนเป็นคนที่ 6 คือ ฮุนมะลิส ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรม แต่ได้ประกาศยกเลิกไปเมื่อปี 2007 โดยฮุนเซนกล่าวหาเป็น “เลสเบี้ยน” ส่งไปเรียนสหรัฐฯ แต่เรียนไม่จบ
การปรากฏตัวของบุตรชายผู้นำทั้งสองคนที่ชายแดน ทำให้มีการเล่าลือกันว่า พล.ต.ฮุนมาเนต เป็นผู้บัญชาการศึกอย่างแท้จริงในการปะทะกับฝ่ายไทยครั้งนั้น และเป็นความพยายามของฮุนเซนที่จะ “ปั้น” บุตรชายให้ได้รับการยอมรับจากสังคม ซึ่งอาจจะหมายถึงการสืบทอดอำนาจทางการเมืองในอนาคตอีกด้วย