xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค”สั่งคุมเข้มชายแดนไทย แขมร์ฉลอง3ปีขึ้นทะเบียนเขาวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “มาร์ค” สั่งเจ้าหน้าที่ดูแลชายแดนไทย ระหว่างกัมพูชาจัดงานฉลองครบรอบ 3 ปี การขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหาร ย้ำทุกรัฐบาลต้องรักษาอธิปไตย ตอก “เพื่อไทย” เคยมีบทเรียนจากปี 51 ด้านบัวแก้ว แถลงก่อน “ฮุนเซน” จะเข้าพื้นที่ซับซ้อนต้องขออนุญาตไทย ระบุการถอนตัวจากภาคีมรดกโลกของไทยยังไม่มีผล ด้านโฆษกฯ แขมร์ ประกาศชัยชนะเหนือไทย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาเตรียมจัดงานฉลองครบ 3 ปีประสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลการเฉลิมดังกล่าว หากมีการรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทยจะต้องมีการประท้วง

สำหรับประเด็นที่จะให้มีการบริหารร่วมกันในพื้นที่ข้อพิพาทในพื้นที่ของไทยที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ด้วยเพื่อหยุดปัญหาสงครามระหว่างทั้งสองประเทศคนไทยจะยอมรับได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรูปแบบว่าจะมีผลกระทบกับอธิปไตยและดินแดนหรือไม่ ซึ่งในเรื่องของอธิปไตยต้องไม่ให้เสียอยู่แล้ว และเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ต้องยืนยันอย่างนั้นเช่นกัน หากใครคิดเป็นอย่างอื่นเชื่อมั่นว่าคนไทยก็ต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยน่ามีบทเรียนกรณีที่ได้ไปดำเนินการไว้เรื่องปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551

“เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยจะต้องเร่งหาข้อยุติในนโยบายแต่ละเรื่อง โดยต้องมีการรับฟังเสียสะท้อนและเตรียมมาตรการรองรับให้ดีเพราะยังมีเวลาจากวันนี้ไปจนถึงวันแถลงนโยบาย ขณะเดียวกันเราอย่าไปหวั่นไหวมากต่อการแสดงออกในเรื่องต่างๆ ของกัมพูชา แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลไทยมากกว่า” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

***ฮุนเซนต้องขออนุญาตก่อนเข้าพท.ทับซ้อน

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางไปร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี ปราสาทพระวิหาร ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ว่า ทางการไทยได้ติดตามและประสานหน่วยงานระหว่างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด หากสมเด็จฯ ฮุนเซน จะเดินทางผ่านเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 4.6 ตารางกิโลเมตร ต้องแจ้งให้ทางการไทยและขออนุญาตเข้าพื้นที่ดังกล่าวเช่นเดียวกับการเดินทางมายังพื้นที่ดังกล่าวในครั้งที่แล้ว

“ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ จากฝ่ายกัมพูชา โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามอย่างใกล้ชิดว่าคณะของสมเด็จฯ ฮุนเซน จะใช้เส้นทางใดเดินทางไปยังปราสาทพระวิหาร” นายธานี กล่าว

** *จนท.อินโดฯลงพื้นที่กันทรลักษ์***

นายธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เจ้าหน้าที่สถานทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย ได้ลงพื้นที่ อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเป็นไปตามที่หารือกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กองทัพบกและฝ่ายอินโดนีเซีย โดยการเดินทางในครั้งนี้เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียได้ลงพื้นที่สำรวจสถานที่สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์ที่จะเข้ามาประจำยังพื้นที่พิพาท รวมทั้งรับฟังการบรรยายสรุปจากกองกำลังสุรนารี เกี่ยวการดำเนินการตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และเหตุการณ์ปะทะของ 2 ประเทศที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง

“การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สถานทูตดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ทูตอินโดนีเซียได้เคยลงพื้นที่สำรวจในฝั่งกัมพูชาในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา”

**กก.มรดกโลกเผยไทยลาออกภาคียังไม่มีผล

นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะคณะกรรมการมรดกโลก กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยได้ลาออกภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ หรืออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั้น การลาออกจากการเป็นสมาชิกของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ถือว่ากรรมการมรดกโลกต้องออกจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศพร้อมกับประเทศของตนเองด้วย แต่ในทางทฤษฎีตามมาตรา 35 ในอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ถือว่า ยังไม่มีผลใดๆ เนื่องจากรัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งการลาออกไปยังยูเนสโกอย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันว่าจะลาออกจริง และเมื่อยูเนสโกรับหนังสือแล้ว วันที่ประทับตราหนังสือนับไปอีก 1 ปี จึงจะมีผล ดังนั้นในทางปฏิบัติ กรรมการจึงยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่

สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้ กรรมการมรดกโลกไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ต้องรอดูนโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่า จะดำเนินการอย่างไร อาจจะมีการทำหนังสือยืนยันแจ้งการลาออกจากอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก หรือทำหนังสือยืนยันว่าจะอยู่ในอนุสัญญาเช่นเดิม ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณา

***เขมรฉลองใหญ่3ปีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร***

สำนักข่าวซีอีเอ็น ประจำประเทศกัมพูชา รายงานว่า นายไพ ซีพาน เลขาธิการและโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แถลงถึงการรุกรานและความพ่ายแพ้ของประเทศไทยในการรุกล้ำดินแดนกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นในที่ทำการองค์การปราสาทพระวิหารแห่งชาติ บนพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา

การแถลงข่าวระบุว่า ประเทศไทยได้บุกรุกดินแดนกัมพูชา โดยส่งตำรวจและทหารเข้ามาควบคุมปราสาทพระวิหาร โดยใช้แผนที่วาดขึ้นเองฝ่ายเดียว เมื่อ พ.ศ. 2497 แต่การดำเนินการของไทย ได้รับความพ่ายแพ้อย่างหนัก ในวันที่ 15 มิ.ย. 2505 ในขณะที่ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ได้ตัดสินคดีให้ กัมพูชาชนะ และคืนปราสาทพระวิหารคืนให้กัมพูชา

ทั้งนี้ การพบปะผู้สื่อข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปราสาทพระวิหารดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการเพื่อฉลองครบรอบ 3 ปี ในการที่ ปราสาทพระวิหาร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2551 โดยตามกำหนดการ เวลา 07.00 น. วันที่ 7 ก.ค.นี้ รัฐบาลกัมพูชา กำหนดให้มีการตีกลองพร้อมกันตามวัดวาอารามทั่วทั้งประเทศ เพื่อฉลองวันที่วิเศษสุดเป็นประวัติศาสตร์ การลั่นกลองในเช้าตรู่เป็นการเสียงแห่งความสำเร็จในมโนภาพ ที่ทั่วโลกได้รับทราบว่า ปราสาทพระวิหารของกัมพูชา เป็นสมบัติของมวลนุษยชาติ

นายไพ ซีพาน กล่าวว่า กัมพูชา ไม่ได้นำเอาการเฉลิมฉลองขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เพื่อไปป้ายสี หรือ ไปโจมตี ต่อต้านใคร หรือประเทศใด กัมพูชา เพียงแค่แสดงความจริงในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น บนปราสาทพระวิหาร เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น