ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.ถกผลกระทบมาตรการประชานิยมเพื่อไทย 14 ก.ค.นี้โดยเฉพาะประเด็นร้อนขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันเงินเดือน 1.5 หมื่นบาทชี้ดันทุรังทำจริงทันทีทั่วประเทศเศรษฐกิจไทยปี 2555 ส่อวิกฤต
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารส.อ.ท. โดยจะหารือถึงผลกระทบนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทย หลังเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน , การปรับเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท ทั้งนี้เพื่อรวบรวมในการนำเสนอรัฐบาลในการพิจารณานโยบายดังกล่าวให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
“การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทและเงินเดือน 15,000 บาท จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสหากรรมอย่างหนัก ปัจจุบันพนักงานระดับปริญญาตรีบางสาขายังจ่ายไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งหากนโยบายดังกล่าวทำจริงก็จะต้องปรับขึ้นค่าจ้างเป็นลูกโซ่ทั้งบริษัทดังนั้นจึงหวังว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องบูรณาการทำงานกันเป็นทีมการขึ้นค่าแรงก็จะต้องดูทั้งระบบ”นายสมมาตกล่าว
นายทวี ปิยะวัฒนา รองประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากปลาทะเลแช่แข็งยี่ห้อพี.เอฟ.พี. กล่าวว่า หากรัฐบาลยืนยันทำนโยบายดังกล่าวจริงก็ขอให้ระบุชัดเจนว่าขึ้นทั่วประเทศหรือไม่และมีผลเมื่อใดเพราะจะได้งดรับออร์เดอร์การผลิต เนื่องจากต้นทุนจะสูงขึ้นทันที ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)คงล้มหายตายจากไปกว่า 1 ล้านราย จากปัจจุบันมีเอสเอ็มอีราว 2.8 ล้านราย และจะส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจมหาศาล โดยประเมินว่าภายในต้นปี 2555 เศรษฐกิจไทยคงเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
ส่วนมาตรการลดภาษีนิติบุคลที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้น คงไม่มีประโยชน์หากดำเนินธุรกิจและขาดทุน ก็คงไม่มีเงินไปจ่ายให้กับภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เอกชนเห็นด้วยหากจะปรับขึ้นค่าแรง แต่ควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัด เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง(ไตรภาคี)เพราะแต่ละจังหวัดมีอัตราที่ไม่เท่ากันและพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อเช่น เงินเฟ้อ 4% ก็ควรปรับขึ้นค่าแรงอีก 8% เพื่อให้มีรายได้ครอบคลุมเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันเมื่อขึ้นค่าแรงก็ต้องพัฒนาฝีมือแรงงานควบคู่ไปด้วย
“ฟังนายสุชาติ ธาราดำรงเวช พูดถึงนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน และปรับเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ที่บอกว่าจะดันทุรังทำให้ได้ เศรษฐกิจไทยคงเจ๊งในต้นปีหน้าแน่นอน แม้บอกว่าจะเอามาตรการภาษีมาช่วย แต่ภาคเอกชนที่ไหนจะมีเงินมาจ่ายภาษี เพราะขาดทุนแล้วอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้นที่รับได้เพราะใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่แล้วตอนนี้เอกชนงงนะที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลหรอกหรือถึงไม่คิดจะช่วยเรา”นายทวีกล่าว
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารส.อ.ท. โดยจะหารือถึงผลกระทบนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทย หลังเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน , การปรับเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท ทั้งนี้เพื่อรวบรวมในการนำเสนอรัฐบาลในการพิจารณานโยบายดังกล่าวให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
“การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทและเงินเดือน 15,000 บาท จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสหากรรมอย่างหนัก ปัจจุบันพนักงานระดับปริญญาตรีบางสาขายังจ่ายไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือนด้วยซ้ำ ซึ่งหากนโยบายดังกล่าวทำจริงก็จะต้องปรับขึ้นค่าจ้างเป็นลูกโซ่ทั้งบริษัทดังนั้นจึงหวังว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องบูรณาการทำงานกันเป็นทีมการขึ้นค่าแรงก็จะต้องดูทั้งระบบ”นายสมมาตกล่าว
นายทวี ปิยะวัฒนา รองประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากปลาทะเลแช่แข็งยี่ห้อพี.เอฟ.พี. กล่าวว่า หากรัฐบาลยืนยันทำนโยบายดังกล่าวจริงก็ขอให้ระบุชัดเจนว่าขึ้นทั่วประเทศหรือไม่และมีผลเมื่อใดเพราะจะได้งดรับออร์เดอร์การผลิต เนื่องจากต้นทุนจะสูงขึ้นทันที ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)คงล้มหายตายจากไปกว่า 1 ล้านราย จากปัจจุบันมีเอสเอ็มอีราว 2.8 ล้านราย และจะส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจมหาศาล โดยประเมินว่าภายในต้นปี 2555 เศรษฐกิจไทยคงเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
ส่วนมาตรการลดภาษีนิติบุคลที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้น คงไม่มีประโยชน์หากดำเนินธุรกิจและขาดทุน ก็คงไม่มีเงินไปจ่ายให้กับภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เอกชนเห็นด้วยหากจะปรับขึ้นค่าแรง แต่ควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้างแต่ละจังหวัด เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง(ไตรภาคี)เพราะแต่ละจังหวัดมีอัตราที่ไม่เท่ากันและพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อเช่น เงินเฟ้อ 4% ก็ควรปรับขึ้นค่าแรงอีก 8% เพื่อให้มีรายได้ครอบคลุมเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันเมื่อขึ้นค่าแรงก็ต้องพัฒนาฝีมือแรงงานควบคู่ไปด้วย
“ฟังนายสุชาติ ธาราดำรงเวช พูดถึงนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน และปรับเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ที่บอกว่าจะดันทุรังทำให้ได้ เศรษฐกิจไทยคงเจ๊งในต้นปีหน้าแน่นอน แม้บอกว่าจะเอามาตรการภาษีมาช่วย แต่ภาคเอกชนที่ไหนจะมีเงินมาจ่ายภาษี เพราะขาดทุนแล้วอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้นที่รับได้เพราะใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่แล้วตอนนี้เอกชนงงนะที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลหรอกหรือถึงไม่คิดจะช่วยเรา”นายทวีกล่าว
