ASTV ผู้จัดการรายวัน - "สาลี่อุตสาหกรรม" ส่งสัญญาณช่วงครึ่งปีหลัง ธุรกิจมีแววเติบโตสูง หลังเครื่องจักรใหม่ทยอยติดตั้งปลายไตรมาสแรก และจะติดตั้งเพิ่มในช่วงกลางปีนี้ ผู้บริหารยืนยันพร้อมเดินเครื่องผลิตทันที ดันกำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น 20-30% คาดปีนี้ปั๊มรายได้โตตามเป้า 900-1,000 ล้านบาท จากการลุยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและธุรกิจผลิตฉลากสินค้า
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทว่าจะเริ่มเห็นการขยายตัวอย่างชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากกำลังการผลิตโดยรวมของเครือบริษัททั้งจาก "สาลี่อุตสาหกรรม” และ “พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง” ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาในช่วงปลายไตรมาสแรกและช่วงกลางปีนี้ โดย "พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง" จะซื้อเครื่องพิมพ์ฉลากใหม่อีก 2 เครื่อง ทั้งนี้มีการรับมอบเครื่องพิมพ์ใหม่ 1 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะได้รับอีกเครื่องในช่วงกลางปี 2554 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25-30%
ในส่วนของ ''สาลี่อุตสาหกรรม" เตรียมจัดซื้อเครื่องผลิตชิ้นส่วนพลาสติกอีก 8 เครื่อง ทั้งนี้การซื้อเครื่องจักรใหม่จำนวน 3 เครื่องจะนำมาทดแทนเครื่องจักรเก่า ส่วนอีก 5 เครื่องใหม่เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งบริษัทจะได้รับมอบเครื่องผลิตชิ้นส่วนพลาสติกใหม่ดังกล่าวช่วงกลางปี 2554 และจะทำให้กำลังการผลิตในแผนกผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 -30 %
"จากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 ทั้งจากธุรกิจในส่วนของ"สาลี่อุตสาหกรรม" และ" พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง" ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี คาดว่าภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทในครึ่งปีหลังของปี 2554 จะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทและบริษัทในเครือปีนี้ จะเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ที่ 900-1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 30% จากปี 2553 ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีความทันสมัย นอกจากจะทำให้สามารถบริหารเรื่องของต้นทุนได้ดีแล้ว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย"
สำหรับเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องจากเหตุภัยพิบัติใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อกรณีที่กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศช่วงไตรมาส 2/2554 จากปัญหาขาดแคลนอุปทานนั้น นายสาทิส กล่าวว่า ในส่วนของ SALEE ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรายรับของบริษัทที่มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นเพียง 5-10% ของรายรับรวม โดยลูกค้าหลักๆ ของบริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดผลิตในประเทศ ขณะที่รายรับจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็น 15-20% ของรายรับรวม ซึ่งปัจจุบันคำสั่งซื้อจากบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังทรงตัวอยู่ ขณะเดียวกันจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัว ทำให้ความต้องการในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ขยายตัวตาม ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อ SALEE เพราะทำให้ความต้องการสินค้าจากลูกค้าของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยถึงทิศทางผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทว่าจะเริ่มเห็นการขยายตัวอย่างชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2554 เป็นต้นไป เนื่องจากกำลังการผลิตโดยรวมของเครือบริษัททั้งจาก "สาลี่อุตสาหกรรม” และ “พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง” ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาในช่วงปลายไตรมาสแรกและช่วงกลางปีนี้ โดย "พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง" จะซื้อเครื่องพิมพ์ฉลากใหม่อีก 2 เครื่อง ทั้งนี้มีการรับมอบเครื่องพิมพ์ใหม่ 1 เครื่องในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะได้รับอีกเครื่องในช่วงกลางปี 2554 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25-30%
ในส่วนของ ''สาลี่อุตสาหกรรม" เตรียมจัดซื้อเครื่องผลิตชิ้นส่วนพลาสติกอีก 8 เครื่อง ทั้งนี้การซื้อเครื่องจักรใหม่จำนวน 3 เครื่องจะนำมาทดแทนเครื่องจักรเก่า ส่วนอีก 5 เครื่องใหม่เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งบริษัทจะได้รับมอบเครื่องผลิตชิ้นส่วนพลาสติกใหม่ดังกล่าวช่วงกลางปี 2554 และจะทำให้กำลังการผลิตในแผนกผลิตชิ้นส่วนพลาสติกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20 -30 %
"จากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 ทั้งจากธุรกิจในส่วนของ"สาลี่อุตสาหกรรม" และ" พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง" ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี คาดว่าภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทในครึ่งปีหลังของปี 2554 จะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทและบริษัทในเครือปีนี้ จะเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ที่ 900-1,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 30% จากปี 2553 ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีความทันสมัย นอกจากจะทำให้สามารถบริหารเรื่องของต้นทุนได้ดีแล้ว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย"
สำหรับเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องจากเหตุภัยพิบัติใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อกรณีที่กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศช่วงไตรมาส 2/2554 จากปัญหาขาดแคลนอุปทานนั้น นายสาทิส กล่าวว่า ในส่วนของ SALEE ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรายรับของบริษัทที่มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นเพียง 5-10% ของรายรับรวม โดยลูกค้าหลักๆ ของบริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดผลิตในประเทศ ขณะที่รายรับจากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็น 15-20% ของรายรับรวม ซึ่งปัจจุบันคำสั่งซื้อจากบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังทรงตัวอยู่ ขณะเดียวกันจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัว ทำให้ความต้องการในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ขยายตัวตาม ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อ SALEE เพราะทำให้ความต้องการสินค้าจากลูกค้าของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
