ASTVผู้จัดการรายวัน – อินเด็กซ์ฯ แตกธุรกิจใหม่ ดึง “พาโค่ อันเดอร์ฮิลล์” บิดาด้านศาสตร์แห่งการช็อป ร่วมทุนผุดบริษัท เอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย ลุยธุรกิจวิจัย ชูเป็นบูติก เอเจนซี่ ที่มีความเชี่ยวชาญวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคและสร้างสรรค์การทำตลาด ชี้เทรนด์เจ้าของแบรนด์แห่ใช้สื่ออินสโตร์เพิ่มขึ้น ดึงลูกหม้อเอซีนีลเส็นขึ้นแท่นเอ็มดี หวัง 5
ปีผงาดท็อปไฟว์บริษัทวิจัยชั้นในไทย
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอินเด็กซ์ฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ซึ่งมีพาโค่ อันเดอร์ฮิลล์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท และปัจจุบันเป็นนักการตลาดระดับโลกหรือเป็นบิดาด้านศาสตร์แห่งการช็อป จัดตั้งบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้น 60:40 เพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านการทำวิจัย และเน้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ซึ่งได้วางเป้าหมาย 3 ปี บริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ขึ้นเป็น บูติก เอเจนซี ติดอันดับท็อปไฟว์หรือ 1 ใน 5 (boutique agency) หรือมีบิลลิ่ง 50 ล้านบาท
นายพาโค่ อันเดอร์ฮิลล์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล กล่าวว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญเรื่องการวิเคราะห์แนวโน้มผู้บริโภค และความเป็นมืออาชีพกว่า 30ปี มีลูกค้าทั่วโลกกว่า 160 บริษัท อาทิ โค้ก ยูนิลีเวอร์ ซิตี้แบงก์ ดิอาจิโอฯ มีสำนักงานทั้งหมด 7 แห่ง คือ นิวยอร์ค มิลาน มอสโค เม็กซิโก เซาท์เปาโล โตเกียว และล่าสุดที่ประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ที่ร่วมทุนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเอเจนซี อีเว้นต์ แตกต่างจากที่ผ่านมาจะร่วมทุนกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย ขณะเดียวกันมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีตลาดวิจัยขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายอันเดอร์ฮิลล์ และนายเกรียงไกร กล่าวร่วมกันว่า จุดแข็งของบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และนำมาออกแบบสร้างสรรค์การตลาดให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และบริการ แตกต่างจากบริษัทวิจัยอื่นๆ ที่มุ่งการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ขณะที่บริษัทอินเด็กซ์ฯช่วงที่ผ่านการดำเนินธุรกิจด้านอีเวนต์ มีการใช้วิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคต บริษัทอาจนำการวิจัยมาใช้ต่อยอดทางธุรกิจอีเวนต์มากขึ้น สำหรับบริษัท เอ็นเวอร์โรเซล ได้ดึงลูกหม้อเก่าบริษัทวิจัยอันดับหนึ่งเอซีนีลเส็น”สรินพร จิวานันต์” มานั่งแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการ
“จากการศึกษาและวิจัยพบว่า มี 3 ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน คือ 1.ความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวย 2.ความหนาแน่นของจำนวนประชากรของแต่ละประเทศ และ 3.สภาพภูมิอากาศ ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคบางอย่างก็เหมือนกัน และบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของสังคม”
นางสาวสรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจวิจัยอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดเริ่มมีรายได้ลดลง เนื่องจากเจ้าของแบรนด์ต้องการบริษัทวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความชำนาญเฉพาะด้าน และมีความสามารถนำสิ่งที่วิจัยแปลงมาเป็นการทำตลาดอย่างใช้ได้จริง นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้เงินในช่องทางจำหน่ายหรือในร้านค้า เติบโต 36.7% ออนไลน์ โต 11.8% และทีวี โต 14.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่บริษัทชั้นนำในต่างประเทศซึ่งปัจจุบันเป็นลูกค้าของบริษัทอยู่แล้ว จะหันมาใช้บริการ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โค้ก ส่วนอนาคตบริษัทขยายโนฮาว์ต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดทางธุรกิจจากบูติค เอเจนซี่ สู่เป้าหมาย 5 ปี จะขึ้นอันดับท็อปไฟว์หรือ 1 ใน 5 ของบริษัทวิจัยชั้นนำในประเทศไทย จากปัจจุบันบริษัทท็อปไฟว์ มีบิลลิ่ง 300-400 ล้านบาท โดยบริษัทเอซีนีลสัน เป็นผู้นำตลาด
ปีผงาดท็อปไฟว์บริษัทวิจัยชั้นในไทย
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอินเด็กซ์ฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ซึ่งมีพาโค่ อันเดอร์ฮิลล์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท และปัจจุบันเป็นนักการตลาดระดับโลกหรือเป็นบิดาด้านศาสตร์แห่งการช็อป จัดตั้งบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้น 60:40 เพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านการทำวิจัย และเน้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ซึ่งได้วางเป้าหมาย 3 ปี บริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ขึ้นเป็น บูติก เอเจนซี ติดอันดับท็อปไฟว์หรือ 1 ใน 5 (boutique agency) หรือมีบิลลิ่ง 50 ล้านบาท
นายพาโค่ อันเดอร์ฮิลล์ ประธานผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล กล่าวว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญเรื่องการวิเคราะห์แนวโน้มผู้บริโภค และความเป็นมืออาชีพกว่า 30ปี มีลูกค้าทั่วโลกกว่า 160 บริษัท อาทิ โค้ก ยูนิลีเวอร์ ซิตี้แบงก์ ดิอาจิโอฯ มีสำนักงานทั้งหมด 7 แห่ง คือ นิวยอร์ค มิลาน มอสโค เม็กซิโก เซาท์เปาโล โตเกียว และล่าสุดที่ประเทศไทย ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ที่ร่วมทุนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเอเจนซี อีเว้นต์ แตกต่างจากที่ผ่านมาจะร่วมทุนกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย ขณะเดียวกันมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีตลาดวิจัยขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายอันเดอร์ฮิลล์ และนายเกรียงไกร กล่าวร่วมกันว่า จุดแข็งของบริษัทเอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และนำมาออกแบบสร้างสรรค์การตลาดให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และบริการ แตกต่างจากบริษัทวิจัยอื่นๆ ที่มุ่งการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว ขณะที่บริษัทอินเด็กซ์ฯช่วงที่ผ่านการดำเนินธุรกิจด้านอีเวนต์ มีการใช้วิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคต บริษัทอาจนำการวิจัยมาใช้ต่อยอดทางธุรกิจอีเวนต์มากขึ้น สำหรับบริษัท เอ็นเวอร์โรเซล ได้ดึงลูกหม้อเก่าบริษัทวิจัยอันดับหนึ่งเอซีนีลเส็น”สรินพร จิวานันต์” มานั่งแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการ
“จากการศึกษาและวิจัยพบว่า มี 3 ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน คือ 1.ความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวย 2.ความหนาแน่นของจำนวนประชากรของแต่ละประเทศ และ 3.สภาพภูมิอากาศ ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคบางอย่างก็เหมือนกัน และบางอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของสังคม”
นางสาวสรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเวอร์โรเซล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจวิจัยอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดเริ่มมีรายได้ลดลง เนื่องจากเจ้าของแบรนด์ต้องการบริษัทวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความชำนาญเฉพาะด้าน และมีความสามารถนำสิ่งที่วิจัยแปลงมาเป็นการทำตลาดอย่างใช้ได้จริง นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้เงินในช่องทางจำหน่ายหรือในร้านค้า เติบโต 36.7% ออนไลน์ โต 11.8% และทีวี โต 14.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่บริษัทชั้นนำในต่างประเทศซึ่งปัจจุบันเป็นลูกค้าของบริษัทอยู่แล้ว จะหันมาใช้บริการ อาทิ ยูนิลีเวอร์ โค้ก ส่วนอนาคตบริษัทขยายโนฮาว์ต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดทางธุรกิจจากบูติค เอเจนซี่ สู่เป้าหมาย 5 ปี จะขึ้นอันดับท็อปไฟว์หรือ 1 ใน 5 ของบริษัทวิจัยชั้นนำในประเทศไทย จากปัจจุบันบริษัทท็อปไฟว์ มีบิลลิ่ง 300-400 ล้านบาท โดยบริษัทเอซีนีลสัน เป็นผู้นำตลาด
