ASTVผู้จัดการรายวัน – ธุรกิจอีเวนต์เห็นกำไรยาก เหตุลูกค้าเขี้ยวงบลงทุน แต่ของานมีประสิทธิภาพสูงๆ “เดอะฟิบ” พลิกตำรา ขึ้นแท่นโอนเนอร์จัดงานอีเวนต์เอง นำร่องทุ่ม 15 ล้านบาท ผุด “SAD Festival” เยียวยาคนอกเดาะ
นางสาวอรุณี ไกรพยัคเฆนทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ฟิบ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจรับจักงานอีเวนต์ และโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ค่อยดีและปัญหาการเมือง ล้วนส่งผลต่อธุรกิจรับจัดงานอีเวนต์ ถึงแม้จะยังไปได้ดีอยู่ แต่ในแง่ความต้องการของลูกค้า จะเห็นการจำกัดงบจัดงานลงมา
แต่ต้องการงานที่ประสิทธิภาพสูงเท่ากับงานที่ลงทุนค่อนข้างมาก
ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทจึงหันมาจัดงานอีเวนต์ของตัวเอง วางตัวเองเป็นเจ้าของอีเวนต์ แม้จะต้องลงทุนเอง แต่มองในระยะไกล หากอีเวนต์ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี เชื่อว่าจะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้หลักต่อไป ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 15 ล้านบาท ในการจัดงาน “Sad Festival” หรือ แซด เฟสติวัล ในรูปแบบ “อีโมชั่นแนล เฟสติวัล” โดยนำอารมณ์และความรู้สึกที่ทุกคนเคยหรืออาจจะมองข้ามในด้านของความเศร้า มาเป็นแนวความคิดหลักของงาน จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มคนทำงานทั่วไป
สำหรับงานแซด เฟสติวัล จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นเฟสติวัลในรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด ลึกลับ และ แฟนตาซี มีกิจกรรมต่างๆภายในงาน 4 ส่วน ประกอบด้วย Cotton Heart, Wooden Heart, Steel Heart และBubble Heart ที่มาพร้อมกับคอนเสิร์ตใหญ่ มีศิลปิน นักร้อง กว่า 12 คนที่จะขึ้นร้องเพลง เช่น แอม เสาวลักษณ์, บอย พีชเมกเกอร์ และ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ เป็นต้น เบื้องต้นเมนสปอนเซอร์ให้การตอบรับที่ดี
ตอนนี้มีอยู่กว่า 3-4 ราย ขณะที่ราคาบัตรจำหน่ายที่ 800 บาท มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30,000 คน
นางสาวอรุณี กล่าวต่อว่า แซด เฟสติวัล เกิดขึ้นได้จาก การที่นำเอาเรื่องของอีโมชั่นแนลมาเล่น เริ่มจากการที่เราเซทอัพ “SAD คอมปานี” ขึ้นมา ในรูปแบบของกลุ่มคนที่จะเข้ามาช่วยดูแลและเยียวยาผู้ที่อยู่ในอารมณ์เศร้า แต่ไม่มีที่ปรึกษา บนเฟซบุ๊คได้ 1-2 เดือน มีแฟนเพจไม่ต่ำกว่า 6,000 คน ซึ่งแซด เฟสติวัล เป็นการต่อยอดของ SAD คอมปานีส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับที่ดีทางบริษัทก็จะมีการเดินหน้าจัดงานนี้ทุกๆปี พร้อมสร้างสรรค์งานอีเวนต์อื่นๆตามมา โดยในปีนี้มองว่า แซด เฟสติวัล จะสร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วนที่ 60% และรับจ้างอีเวนต์จะอยู่ที่ 40% หรือสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้รวมมากกว่าปีก่อน ที่ทำได้ 40 ล้านบาท
นางสาวอรุณี ไกรพยัคเฆนทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ฟิบ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจรับจักงานอีเวนต์ และโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ค่อยดีและปัญหาการเมือง ล้วนส่งผลต่อธุรกิจรับจัดงานอีเวนต์ ถึงแม้จะยังไปได้ดีอยู่ แต่ในแง่ความต้องการของลูกค้า จะเห็นการจำกัดงบจัดงานลงมา
แต่ต้องการงานที่ประสิทธิภาพสูงเท่ากับงานที่ลงทุนค่อนข้างมาก
ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทจึงหันมาจัดงานอีเวนต์ของตัวเอง วางตัวเองเป็นเจ้าของอีเวนต์ แม้จะต้องลงทุนเอง แต่มองในระยะไกล หากอีเวนต์ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี เชื่อว่าจะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้หลักต่อไป ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 15 ล้านบาท ในการจัดงาน “Sad Festival” หรือ แซด เฟสติวัล ในรูปแบบ “อีโมชั่นแนล เฟสติวัล” โดยนำอารมณ์และความรู้สึกที่ทุกคนเคยหรืออาจจะมองข้ามในด้านของความเศร้า มาเป็นแนวความคิดหลักของงาน จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มคนทำงานทั่วไป
สำหรับงานแซด เฟสติวัล จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นเฟสติวัลในรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด ลึกลับ และ แฟนตาซี มีกิจกรรมต่างๆภายในงาน 4 ส่วน ประกอบด้วย Cotton Heart, Wooden Heart, Steel Heart และBubble Heart ที่มาพร้อมกับคอนเสิร์ตใหญ่ มีศิลปิน นักร้อง กว่า 12 คนที่จะขึ้นร้องเพลง เช่น แอม เสาวลักษณ์, บอย พีชเมกเกอร์ และ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ เป็นต้น เบื้องต้นเมนสปอนเซอร์ให้การตอบรับที่ดี
ตอนนี้มีอยู่กว่า 3-4 ราย ขณะที่ราคาบัตรจำหน่ายที่ 800 บาท มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30,000 คน
นางสาวอรุณี กล่าวต่อว่า แซด เฟสติวัล เกิดขึ้นได้จาก การที่นำเอาเรื่องของอีโมชั่นแนลมาเล่น เริ่มจากการที่เราเซทอัพ “SAD คอมปานี” ขึ้นมา ในรูปแบบของกลุ่มคนที่จะเข้ามาช่วยดูแลและเยียวยาผู้ที่อยู่ในอารมณ์เศร้า แต่ไม่มีที่ปรึกษา บนเฟซบุ๊คได้ 1-2 เดือน มีแฟนเพจไม่ต่ำกว่า 6,000 คน ซึ่งแซด เฟสติวัล เป็นการต่อยอดของ SAD คอมปานีส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับที่ดีทางบริษัทก็จะมีการเดินหน้าจัดงานนี้ทุกๆปี พร้อมสร้างสรรค์งานอีเวนต์อื่นๆตามมา โดยในปีนี้มองว่า แซด เฟสติวัล จะสร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วนที่ 60% และรับจ้างอีเวนต์จะอยู่ที่ 40% หรือสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้รวมมากกว่าปีก่อน ที่ทำได้ 40 ล้านบาท
