00 เวลานี้เรียกได้ว่ากระแส “โหวตโน” กำลังไต่เพดานสูงขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวบ้านเริ่มเข้าใจแล้วว่า ไม่อาจไว้วางใจ ปชป. และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อีกต่อไป การที่คิดแบบนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่าได้เห็นของจริง ประสบการณ์จริงจากการบริหารงานในช่วงสองปีกับหกเดือนว่ามัน “ห่วยแตก” แค่ไหน และยังคิดต่ออีกว่า หากให้กลับมาอีกรอบรับรองว่าจะต้องเจอกับสภาพเดิมๆ แน่นอน
00 ขณะเดียวกันถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เราก็ได้เห็นบรรยากาศเดิมๆ ที่เคยเห็นมาตลอดในยุคที่พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงยุคพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล เราจะได้เห็นอาการกร่างใหญ่คับบ้านคับเมืองของพวกตระกูล “ชินวัตร” หลายคนจนน่ารำคาญ และคราวนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด พรรคเพื่อไทย ก็ต้องชนะการเลือกตั้งแล้วก็มีการนิรโทษฯ ล้มล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงจะแก้ไขกฎหมายให้คืนเงินที่ศาลฯ ยึดไปจากคดีทุจริตจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท อย่างแน่นอน เพราะนี่คือเป้าหมายหลักของกระบวนการ “ฟอกตัว” ด้วยการเลือกตั้ง
00 สรุปก็คือ เมื่อนักการเมือง นักเลือกตั้งพวกนี้มัน “ห่วยแตก” ไร้คุณค่า ไม่สมควรไปชายตาเหลียวมอง แล้วจะไปร่วมพิธีกรรมรับรองความชอบธรรมให้พวกมันอีกทำไม ไม่เชื่อเราก็ลองหลับตานึกว่า จะมีนักการเมืองคนไหนจะกลับเข้ามาสร้างความสะอิดสะเอียนในสภาและในรัฐบาลบ้าง ลองไล่ไปทีละพรรค หากเราได้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราก็จะมี ทักษิณ เป็นคนชักใยอยู่หลังม่าน เราก็จะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และคราวนี้อาจมีรายการพิเศษเพิ่มเข้ามาอีกก็คือจะได้ “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายแถมเข้ามา มี “เหนาะ สี่สิบตัน” จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ขณะที่ปชป.หาก “มาร์ค” เข้ามาก็จะได้ สุเทพ เทือกสุบรรณ พ่วง เนวิน ชิดชอบ “ซาเล้ง” โสภณ ซารัมย์ เข้ามา ส่วน ชาติไทยพัฒนา ก็จะมี “หลงจู๊เติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา คอยจัดการทุกอย่าง เอากันแค่นี้เราก็น่าจะพอสรุปกันได้แล้วว่า บรรยากาศการเมืองมันน่ารังเกียจเพียงใด
00 เมื่อรู้กันล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องออกมาแบบนี้ เราจะ “ยอมจำนน” หรือปล่อยให้ผ่านไป ทำไมเราไม่กำจัดนักการเมือง “พันธุ์เลว” ที่กลายเป็นตัวถ่วงการพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันสั่งสอนให้เข็ดหลาบกันเสียที และนี่คือเหตุผลที่ต้อง “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะถือว่าด้วย “ระบบ” และบุคคลเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้ มันไม่มีคุณค่าแม้แต่สัก “กระผีกริ้น”
00 ที่สำคัญ ไม่ต้องไปกลัวว่า เมื่อโหวตโนแล้ว “จะเสียของ” ตรงกันข้าม มันเป็นเจตนาสำหรับการ “ถ่วงดุล” กับความชั่วของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ไม่ให้ทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไป เพราะนี่คือ “เจตนา” อย่างตั้งใจที่ไม่รับรองพิธีธรรมของคนพวกนี้ ป้องกันการนำไปอ้างว่า ตัวเองผ่านการรับรองเป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างไม่กระดากปากเหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะเดียวกัน หากมีคนพร้อมใจไปโหวตโน พร้อมกันคะแนนสูสีหรือมากกว่าคะแนนของพรรคที่ได้เสียงมากที่สุดมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะนั่นคือการเรียกร้องอย่างถูกต้องชอบธรรมให้มีการปฏิรูปการเมืองทันที และสามารถ “ถ่วงดุล” อย่างได้ผล เชื่อว่าการนิรโทษให้ ทักษิณ จะไม่กล้ากระทำอีกต่อไป และเหนืออื่นใดการ “โหวตโน” เป็นทางออกสำหรับวิกฤติ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือ ปชป. ชนะเลือกตั้งอีกด้วย !!
00 ขณะเดียวกันถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เราก็ได้เห็นบรรยากาศเดิมๆ ที่เคยเห็นมาตลอดในยุคที่พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงยุคพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล เราจะได้เห็นอาการกร่างใหญ่คับบ้านคับเมืองของพวกตระกูล “ชินวัตร” หลายคนจนน่ารำคาญ และคราวนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด พรรคเพื่อไทย ก็ต้องชนะการเลือกตั้งแล้วก็มีการนิรโทษฯ ล้มล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงจะแก้ไขกฎหมายให้คืนเงินที่ศาลฯ ยึดไปจากคดีทุจริตจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท อย่างแน่นอน เพราะนี่คือเป้าหมายหลักของกระบวนการ “ฟอกตัว” ด้วยการเลือกตั้ง
00 สรุปก็คือ เมื่อนักการเมือง นักเลือกตั้งพวกนี้มัน “ห่วยแตก” ไร้คุณค่า ไม่สมควรไปชายตาเหลียวมอง แล้วจะไปร่วมพิธีกรรมรับรองความชอบธรรมให้พวกมันอีกทำไม ไม่เชื่อเราก็ลองหลับตานึกว่า จะมีนักการเมืองคนไหนจะกลับเข้ามาสร้างความสะอิดสะเอียนในสภาและในรัฐบาลบ้าง ลองไล่ไปทีละพรรค หากเราได้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราก็จะมี ทักษิณ เป็นคนชักใยอยู่หลังม่าน เราก็จะมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และคราวนี้อาจมีรายการพิเศษเพิ่มเข้ามาอีกก็คือจะได้ “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายแถมเข้ามา มี “เหนาะ สี่สิบตัน” จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ขณะที่ปชป.หาก “มาร์ค” เข้ามาก็จะได้ สุเทพ เทือกสุบรรณ พ่วง เนวิน ชิดชอบ “ซาเล้ง” โสภณ ซารัมย์ เข้ามา ส่วน ชาติไทยพัฒนา ก็จะมี “หลงจู๊เติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา คอยจัดการทุกอย่าง เอากันแค่นี้เราก็น่าจะพอสรุปกันได้แล้วว่า บรรยากาศการเมืองมันน่ารังเกียจเพียงใด
00 เมื่อรู้กันล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องออกมาแบบนี้ เราจะ “ยอมจำนน” หรือปล่อยให้ผ่านไป ทำไมเราไม่กำจัดนักการเมือง “พันธุ์เลว” ที่กลายเป็นตัวถ่วงการพัฒนาบ้านเมืองต่อไป ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันสั่งสอนให้เข็ดหลาบกันเสียที และนี่คือเหตุผลที่ต้อง “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะถือว่าด้วย “ระบบ” และบุคคลเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้ มันไม่มีคุณค่าแม้แต่สัก “กระผีกริ้น”
00 ที่สำคัญ ไม่ต้องไปกลัวว่า เมื่อโหวตโนแล้ว “จะเสียของ” ตรงกันข้าม มันเป็นเจตนาสำหรับการ “ถ่วงดุล” กับความชั่วของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ไม่ให้ทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไป เพราะนี่คือ “เจตนา” อย่างตั้งใจที่ไม่รับรองพิธีธรรมของคนพวกนี้ ป้องกันการนำไปอ้างว่า ตัวเองผ่านการรับรองเป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างไม่กระดากปากเหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะเดียวกัน หากมีคนพร้อมใจไปโหวตโน พร้อมกันคะแนนสูสีหรือมากกว่าคะแนนของพรรคที่ได้เสียงมากที่สุดมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะนั่นคือการเรียกร้องอย่างถูกต้องชอบธรรมให้มีการปฏิรูปการเมืองทันที และสามารถ “ถ่วงดุล” อย่างได้ผล เชื่อว่าการนิรโทษให้ ทักษิณ จะไม่กล้ากระทำอีกต่อไป และเหนืออื่นใดการ “โหวตโน” เป็นทางออกสำหรับวิกฤติ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือ ปชป. ชนะเลือกตั้งอีกด้วย !!
