ASTVผู้จัดการรายวัน - สธ.เตือนพิเรนทร์ทำ “แพลงกิ้ง” บนเสาอาจเสี่ยง “ตับ-ม้าม” แตกตายได้ แนะควรทำเฉพาะพื้นราบ ขณะที่ “พระแพลงกิ้ง” กระฉ่อนเว็บ ยังไม่รู้ที่มา พร้อมเตรียมตั้งคณะทำงานสอดส่องพฤติกรรมพระสงฆ์ไม่เหมาะสมทางอินเทอร์เน็ต ตั้งรางวัลแจ้งเบาะแส พระplanking
นพ.ธีรศักดิ์ ลักษณานันท์ รักษาการผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ในขณะนี้มีวัยรุ่น และวัยทำงาน จำนวนมากนิยมทำแพลงกิ้ง (planking) หรือท่าแกล้งตาย โดยการนอนคว่ำหน้า ขาเหยียดตรง แขนแนบลำตัว ตามสถานที่ต่างๆ แล้วนำภาพมาโพสต์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่ออวดกันนั้น หากมีการทำท่าดังกล่าวบนพื้นราบก็จะเหมือนกับการนอนธรรมดาไม่เกิดอันตราย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเริ่มมีการทำท่าดังกล่าวในสถานที่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และเสี่ยงอันตรายมากขึ้น
“ยกตัวอย่างมีการทำท่าทางดังกล่าว ตามราวบันได ตามเสา ถือว่าเสี่ยงอันตรายต่ออวัยวะภายในอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่ออวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ ม้าม และหากผู้ที่ทำท่าแพลงกิ้ง มีอาการตับโต ม้ามโต อยู่ด้วยแล้ว และไปทำท่านี้บนเสา หรือพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นราบ อาจจะส่งผลทำให้ตับแตก หรือม้ามแตกโดยไม่รู้ตัวได้ ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้”นพ.ธีรศักดิ์ กล่าว
นพ.ธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า อยากแนะนำว่า หากต้องการจะทำท่าแพลงกิ้ง ก็ควรจะทำบนพื้นราบที่มีความปลอดภัย หรือถ้าต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหน้าท้องก็ควรจะใช้การซิท อัพ ซึ่งจะได้ผลดีที่สุด
ด้านนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่า กรณีที่มีการโพสต์ภาพพระสงฆ์ทำท่าแพลงกิ้ง บริเวณราวบันได เหยียดลำตัวตรง โดยใช้ขาดันติดอยู่กับประตูนั้นเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบว่าวัดใด รวมถึงภาพดังกล่าวเป็นภาพมี่พระสงฆ์เป็นผู้โพสต์เองหรือเป็นเพื่อนของพระสงฆ์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 วัน
นายอำนาจ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หากกรณีที่เป็นพระสงฑ์จริงจะรวบรวมข้อมูลให้เจ้าคณะสงฆ์ที่พระรูปดังกล่าวสังกัดอยู่ เป็นผู้พิจารณาลงโทษ หรือพระอุปัชฌาย์เป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งในทางพุทธศาสนาการแสดงลักษณะนี้ไม่ใช่กิจที่สงฆ์ควรกระทำ ซึ่งจากกรณีนี้หรือที่มีเผยแพร่ภาพไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ทางอินเทอร์เน็ต พศ.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ เว็บไซต์ที่มีการโพสต์ ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊คแพลงกิ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการทำแพลงกิ้งขึ้นโพสต์นั้น พบบางรายมีการเปลือยทำแพลงกิ้ง ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสมเช่นกัน.
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า ตนในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง และทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามาตลอด เห็นว่าภาพของบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์และทำแพลงกิ้งนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา ดังนั้นตนจะเป็นสื่อกลางในการรับแจ้งเบาะแสของบุคคลในภาพโดยให้แจ้งเข้ามาที่เบอร์โทร.083-8065880 ทั้งนี้จะมีรางวัลสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ซึ่งการที่ตนออกมาดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับต้นสังกัด และเพื่อช่วยสำนักงานพระพุทธศาสนาฯในการหาเบาะแสในเรื่องนี้ และถ้าได้ข้อมูลแล้วจะนำไปแจ้งให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เพื่อดำเนินการต่อไป
นพ.ธีรศักดิ์ ลักษณานันท์ รักษาการผู้อำนวยการกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ในขณะนี้มีวัยรุ่น และวัยทำงาน จำนวนมากนิยมทำแพลงกิ้ง (planking) หรือท่าแกล้งตาย โดยการนอนคว่ำหน้า ขาเหยียดตรง แขนแนบลำตัว ตามสถานที่ต่างๆ แล้วนำภาพมาโพสต์ทางอินเตอร์เน็ตเพื่ออวดกันนั้น หากมีการทำท่าดังกล่าวบนพื้นราบก็จะเหมือนกับการนอนธรรมดาไม่เกิดอันตราย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเริ่มมีการทำท่าดังกล่าวในสถานที่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และเสี่ยงอันตรายมากขึ้น
“ยกตัวอย่างมีการทำท่าทางดังกล่าว ตามราวบันได ตามเสา ถือว่าเสี่ยงอันตรายต่ออวัยวะภายในอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่ออวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ ม้าม และหากผู้ที่ทำท่าแพลงกิ้ง มีอาการตับโต ม้ามโต อยู่ด้วยแล้ว และไปทำท่านี้บนเสา หรือพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นราบ อาจจะส่งผลทำให้ตับแตก หรือม้ามแตกโดยไม่รู้ตัวได้ ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้”นพ.ธีรศักดิ์ กล่าว
นพ.ธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า อยากแนะนำว่า หากต้องการจะทำท่าแพลงกิ้ง ก็ควรจะทำบนพื้นราบที่มีความปลอดภัย หรือถ้าต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหน้าท้องก็ควรจะใช้การซิท อัพ ซึ่งจะได้ผลดีที่สุด
ด้านนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่า กรณีที่มีการโพสต์ภาพพระสงฆ์ทำท่าแพลงกิ้ง บริเวณราวบันได เหยียดลำตัวตรง โดยใช้ขาดันติดอยู่กับประตูนั้นเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบว่าวัดใด รวมถึงภาพดังกล่าวเป็นภาพมี่พระสงฆ์เป็นผู้โพสต์เองหรือเป็นเพื่อนของพระสงฆ์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 วัน
นายอำนาจ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หากกรณีที่เป็นพระสงฑ์จริงจะรวบรวมข้อมูลให้เจ้าคณะสงฆ์ที่พระรูปดังกล่าวสังกัดอยู่ เป็นผู้พิจารณาลงโทษ หรือพระอุปัชฌาย์เป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งในทางพุทธศาสนาการแสดงลักษณะนี้ไม่ใช่กิจที่สงฆ์ควรกระทำ ซึ่งจากกรณีนี้หรือที่มีเผยแพร่ภาพไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ทางอินเทอร์เน็ต พศ.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ เว็บไซต์ที่มีการโพสต์ ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊คแพลงกิ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการทำแพลงกิ้งขึ้นโพสต์นั้น พบบางรายมีการเปลือยทำแพลงกิ้ง ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสมเช่นกัน.
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า ตนในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง และทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามาตลอด เห็นว่าภาพของบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์และทำแพลงกิ้งนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา ดังนั้นตนจะเป็นสื่อกลางในการรับแจ้งเบาะแสของบุคคลในภาพโดยให้แจ้งเข้ามาที่เบอร์โทร.083-8065880 ทั้งนี้จะมีรางวัลสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ซึ่งการที่ตนออกมาดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับต้นสังกัด และเพื่อช่วยสำนักงานพระพุทธศาสนาฯในการหาเบาะแสในเรื่องนี้ และถ้าได้ข้อมูลแล้วจะนำไปแจ้งให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เพื่อดำเนินการต่อไป
