ASTVผู้จัดการรายวัน - ศึกแย่งชิง “เสริมสุข” วุ่นไม่จบ! หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ “เอสบีเค เบฟเวอเรจ” ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้ศาลห้ามกรรมการใหม่ทั้ง 6 รายทำหน้าที่บริหารงานก่อนศาลจะชี้ขาดคำฟ้องให้เพิกถอนมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นหรือใหม่ อ้างมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเสนอทางออกให้บอร์ดเรียกประชุมผู้ถือหุ้นลงมติใหม่อีกครั้ง
บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC รายงานความคืบหน้ากรณีที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้ศาลมีคำสั่งไม่ได้นายทะเบียนบริษัท มหาชน กระทรวงพาณิชย์ รับจดทะเบียนให้บุคคลที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 เข้าเป็นกรรมการ และห้ามมิให้บุคคล 6 รายนั้น กระทำการใดๆ ในฐานะกรรมการของเสริมสุข เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับคำร้องเรียบแร้วแล้ว และจะมีการพิจารณาไต่สวนต่อไป
สำหรับการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวครั้งนี้ สืบเนื่องจากเอสบีเคฯ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 บริษัทได้ยื่นฟ้องบมจ.เสริมสุข และกรรมการใหม่ 6 รายที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ทั้ง 6 รายเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่สามัญถือหุ้นนั้น
โดยกรรมการทั้ง 6 รายที่ได้รับเลือกในครั้งนั้น ประกอบด้วย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ, คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์, นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม, นายวิษณุ เครืองาม, นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย และนายรังสรรค์ ธรรมมณีวงศ์
ส่วนสาเหตุที่เอสบีเคฯ ต้องยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้น บริษัทได้ชี้แจงว่า เป็นการคุ้มครองสิทธิของเอสบีเคฯ และผู้ถือหุ้นทั้งหมดของเสริมสุข เนื่องจากบุคคล 6 รายที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีเพื่อเพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าว หากมีการรับจดทะเบียนให้บุคคลทั้ง 6 ราย เป็นกรรมการของบริษัทเสริมสุข บุคคลทั้ง 6 รายก็จะสามารถกระทำการใดๆในฐานะกรรมการของเสริมสุข อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้ถือหุ้นเสริมสุขได้
ขณะเดียวกัน หากกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้การแต่งตั้งกรรมการทั้ง 6 รายตามมิติที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ การดำเนินการของกรรมการในระหว่างนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายโดยที่ไม่สามารถเยียวยาได้ จึงจำต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้ก่อน
นอกจากนี้ บริษัทได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการบมจ.เสริมสุข เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเสนอให้คณะกรรมการบริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งผู้ถือหุ้นเสริมสุขทุกรายมีสิทธิออกเสียงตามกฎหมาย ได้มีโอกาสพิจารณามติต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นว่าเห็นชอบหรือไม่ได้ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อความโปร่ใสและสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาลที่ถูกต้อง
“ผู้บริหารเสริมสุขเอง ก็ยอมรับว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งของศาล ดังนั้นเอสบีเคฯ เชื่อว่า หากคณะกรรมการเสริมสุขมีความสุจริตและจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จะสามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น”
เอสบีเคฯ รายงานเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ยื่นคำร้องคัดค้านการจดทะเบียนตามมติที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นบริษัทเสริมสุขในวันที่ 29 เมษายน 2554 ต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด โดยบริษัทได้ชี้แจงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเหตุผลที่ทำให้พฤติการณ์เหล่านั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมกับนำส่งเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมแล้ว
สำหรับบริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ที่ดำเนินการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และฟ้องศาลให้เพิกถอนมติที่ประชุมสามัญผู้หุ้นบมจ.เสริมสุขครั้งนี้ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้นเกือบ 24.27 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.13% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด วานนี้ (15 มิ.ย.) SCC ได้ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 47.50 บาท ต่ำสุด 47.00 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 47.25 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.25 บาท หรือลดลง 0.53% มูลค่าการซื้อขายรวม 1.20 ล้านบาท
บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC รายงานความคืบหน้ากรณีที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้ศาลมีคำสั่งไม่ได้นายทะเบียนบริษัท มหาชน กระทรวงพาณิชย์ รับจดทะเบียนให้บุคคลที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 เข้าเป็นกรรมการ และห้ามมิให้บุคคล 6 รายนั้น กระทำการใดๆ ในฐานะกรรมการของเสริมสุข เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับคำร้องเรียบแร้วแล้ว และจะมีการพิจารณาไต่สวนต่อไป
สำหรับการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวครั้งนี้ สืบเนื่องจากเอสบีเคฯ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 บริษัทได้ยื่นฟ้องบมจ.เสริมสุข และกรรมการใหม่ 6 รายที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ทั้ง 6 รายเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่สามัญถือหุ้นนั้น
โดยกรรมการทั้ง 6 รายที่ได้รับเลือกในครั้งนั้น ประกอบด้วย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ, คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์, นายเรวัติ ฉ่ำเฉลิม, นายวิษณุ เครืองาม, นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย และนายรังสรรค์ ธรรมมณีวงศ์
ส่วนสาเหตุที่เอสบีเคฯ ต้องยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้น บริษัทได้ชี้แจงว่า เป็นการคุ้มครองสิทธิของเอสบีเคฯ และผู้ถือหุ้นทั้งหมดของเสริมสุข เนื่องจากบุคคล 6 รายที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีเพื่อเพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าว หากมีการรับจดทะเบียนให้บุคคลทั้ง 6 ราย เป็นกรรมการของบริษัทเสริมสุข บุคคลทั้ง 6 รายก็จะสามารถกระทำการใดๆในฐานะกรรมการของเสริมสุข อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้ถือหุ้นเสริมสุขได้
ขณะเดียวกัน หากกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้การแต่งตั้งกรรมการทั้ง 6 รายตามมิติที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ การดำเนินการของกรรมการในระหว่างนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายโดยที่ไม่สามารถเยียวยาได้ จึงจำต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้ก่อน
นอกจากนี้ บริษัทได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการบมจ.เสริมสุข เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเสนอให้คณะกรรมการบริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งผู้ถือหุ้นเสริมสุขทุกรายมีสิทธิออกเสียงตามกฎหมาย ได้มีโอกาสพิจารณามติต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นว่าเห็นชอบหรือไม่ได้ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อความโปร่ใสและสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาลที่ถูกต้อง
“ผู้บริหารเสริมสุขเอง ก็ยอมรับว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งของศาล ดังนั้นเอสบีเคฯ เชื่อว่า หากคณะกรรมการเสริมสุขมีความสุจริตและจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จะสามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทั้งหมดได้ในระยะเวลาอันสั้น”
เอสบีเคฯ รายงานเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ยื่นคำร้องคัดค้านการจดทะเบียนตามมติที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นบริษัทเสริมสุขในวันที่ 29 เมษายน 2554 ต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด โดยบริษัทได้ชี้แจงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเหตุผลที่ทำให้พฤติการณ์เหล่านั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมกับนำส่งเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมแล้ว
สำหรับบริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ที่ดำเนินการยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และฟ้องศาลให้เพิกถอนมติที่ประชุมสามัญผู้หุ้นบมจ.เสริมสุขครั้งนี้ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้นเกือบ 24.27 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.13% ของผู้ถือหุ้นทั้งหมด
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด วานนี้ (15 มิ.ย.) SCC ได้ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้า โดยมีราคาสูงสุดที่ 47.50 บาท ต่ำสุด 47.00 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 47.25 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.25 บาท หรือลดลง 0.53% มูลค่าการซื้อขายรวม 1.20 ล้านบาท