00 ที่จริงปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมืองเวลานี้ มีสาเหตุมาจากเรื่องเดียวก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทุจริต ใช้อำนาจโดยมิชอบ เอาเปรียบคนอื่น หาความร่ำรวยให้กับตัวเองและครอบครัวแบบเห็นแก่ตัว โลภไม่รู้จักจบสิ้น แต่ปรากฏว่า ถูก “คนกลุ่มหนึ่ง” รู้ทัน แล้วไม่ยอมจึงออกมาต่อต้าน ขณะที่คนอย่าง ทักษิณ ถือว่าไม่ธรรมดา ไม่เหมือนพวก “เผด็จการ” ในยุคอดีต ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างมากก็แค่ ซ้ายกับขวา ดีกับชั่ว หรือทุจริตงบแบบที่เคยเห็นทั่วไปเท่านั้น โค่นง่าย ขณะที่ “คนเหลี่ยมจัด” อย่างเขาอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีการเตรียมการอย่างดีเพื่อหวังยึดครอง ขยายอำนาจและสร้างความร่ำรวยไม่สิ้นสุด ทำให้ต้องวางรากฐาน วางเครือข่ายไปทั่ว เพราะกว่า 5 ปีที่อยู่ในอำนาจ ในฐานะนายกฯ เขาได้หลอกต้มด้วยนโยบาย “ประชานิยม” จนชาวบ้านระดับรากหญ้า คนจนๆ เสพติด
00 ขณะเดียวกันในช่วงที่เขาอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ยังเป็นจังหวะ “วงรอบ” ของเศรษฐกิจกลับมา “ฟื้นตัว” หลังจากอยู่ในภาวะวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อมีการกระตุ้นจากนโยบายประชานิยมซ้ำเข้ามาอีก มันก็ทำให้เห็น “ภาพลวงตา” เฉพาะหน้าดูเหมือนเศรษฐกิจเติบโต เป็น “สองแรงบวก” แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันทำให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยได้รับจากรัฐบาลชุดก่อนเปรียบเทียบกับความเชื่องช้า บริหารแบบข้าราชการ มันก็เกิดกระแสฟีเวอร์ผิดเพี้ยนมาอย่างต่อเนื่อง
00 ที่ผ่านมาประเทศไทยยิ่งโชคร้ายหนักข้อขึ้นไปอีก เมื่อเราได้รัฐบาลที่ไม่เอาไหน ไม่ทัน “เกมใต้ดิน” ของเครือข่ายทักษิณ เพราะนับตั้งแต่คณะคมช.รัฐบาล “ขิงแก่” ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ที่ไม่เอาไหน ทำให้ไปสร้างความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่น่าเชื่อ และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีแนวโน้มสูงว่า “โคลน” ของเขาคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะชนะเลือกตั้งกลับมามีอำนาจอีกรอบ ทุกอย่างกำลังเดินย่ำรอยเดิมอีกแล้ว
00 เวลานี้กำลังมีความพยายามสร้างกระแส “ปรองดอง” ขึ้นมา อย่างผิดสังเกต ซึ่งถ้ามองอย่างรู้ทัน ก็เป็นแค่เกมผลประโยชน์ของพวกนักเลือกตั้ง เพื่อมาหลอกต้มชาวบ้านเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายทักษิณ ก็ส่งคนรับใช้อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาพูดกลบเกลื่อนว่า ให้ทุกฝ่ายเคารพผลเลือกตั้ง พร้อมทั้งบอกว่าเหตุการณ์คงจะไม่ซ้ำรอยในยุค สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกชาวบ้านออกมาขับไล่ ซึ่งก็ต้องตอบกลับไปเช่นเดียวกันว่า ทุกอย่างก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีการบิดเบือน อ้างผลการเลือกตั้งไปสร้างคามชอบธรรมให้กับ ทักษิณ โดยเฉพาะในเรื่อง “นิรโทษกรรม” ลบล้างความผิด
00 เพราะถ้ามีการดำเนินการแบบที่ว่าจริงๆ ตามที่มีการส่งสัญญาณเปิดทางเอาไว้ล่วงหน้ารับรองว่า จะต้องเจอ “สหบาทา” แน่ แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วบริหารประเทศตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ไปตามปกติ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด แต่เมื่อใดก็ตามคิดว่าชาวบ้านเขาตามไม่ทัน วกเข้าเรื่องส่วนตัวของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ หรือใครก็ตาม มีการกลั่นแกล้งโยกย้ายข้าราชการตามอำเภอใจ เมื่อนั้นมันก็ต้อง “เจอกันแน่”
00 ทั้งที่จริง “ความปรองดอง” มันง่ายนิดเดียว คือให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพในระบบ “ศาลยุติธรรม” แม้ว่าในที่สุดแล้ว จะมีคนที่ไม่พอใจบ้าง แต่มันก็ต้องเดินไปสิ้นสุดที่ตรงนี้ หากให้บ้านเมืองสงบสันติ มันก็ต้องให้ศาลตัดสินชี้ขาด และไม่ว่า ทักษิณ หรือใครก็ตาม ก็ไม่ต้องไปบิดเบือน อย่าทำตัวเป็น “อภิสิทธิ์ชน” เหมือนอย่างที่ชอบกล่าวหาคนอื่น หวังว่าทุกฝ่ายจะได้สรุปบทเรียนที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าใครก็ตาม คงไม่ได้อย่างที่ตัวเองหวังไว้ทั้งหมด และขณะเดียวกันก็คงไม่สูญเปล่าไปทั้งหมดแน่นอน !!
00 ขณะเดียวกันในช่วงที่เขาอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ยังเป็นจังหวะ “วงรอบ” ของเศรษฐกิจกลับมา “ฟื้นตัว” หลังจากอยู่ในภาวะวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อมีการกระตุ้นจากนโยบายประชานิยมซ้ำเข้ามาอีก มันก็ทำให้เห็น “ภาพลวงตา” เฉพาะหน้าดูเหมือนเศรษฐกิจเติบโต เป็น “สองแรงบวก” แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันทำให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยได้รับจากรัฐบาลชุดก่อนเปรียบเทียบกับความเชื่องช้า บริหารแบบข้าราชการ มันก็เกิดกระแสฟีเวอร์ผิดเพี้ยนมาอย่างต่อเนื่อง
00 ที่ผ่านมาประเทศไทยยิ่งโชคร้ายหนักข้อขึ้นไปอีก เมื่อเราได้รัฐบาลที่ไม่เอาไหน ไม่ทัน “เกมใต้ดิน” ของเครือข่ายทักษิณ เพราะนับตั้งแต่คณะคมช.รัฐบาล “ขิงแก่” ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ที่ไม่เอาไหน ทำให้ไปสร้างความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่น่าเชื่อ และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีแนวโน้มสูงว่า “โคลน” ของเขาคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะชนะเลือกตั้งกลับมามีอำนาจอีกรอบ ทุกอย่างกำลังเดินย่ำรอยเดิมอีกแล้ว
00 เวลานี้กำลังมีความพยายามสร้างกระแส “ปรองดอง” ขึ้นมา อย่างผิดสังเกต ซึ่งถ้ามองอย่างรู้ทัน ก็เป็นแค่เกมผลประโยชน์ของพวกนักเลือกตั้ง เพื่อมาหลอกต้มชาวบ้านเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายทักษิณ ก็ส่งคนรับใช้อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาพูดกลบเกลื่อนว่า ให้ทุกฝ่ายเคารพผลเลือกตั้ง พร้อมทั้งบอกว่าเหตุการณ์คงจะไม่ซ้ำรอยในยุค สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกชาวบ้านออกมาขับไล่ ซึ่งก็ต้องตอบกลับไปเช่นเดียวกันว่า ทุกอย่างก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีการบิดเบือน อ้างผลการเลือกตั้งไปสร้างคามชอบธรรมให้กับ ทักษิณ โดยเฉพาะในเรื่อง “นิรโทษกรรม” ลบล้างความผิด
00 เพราะถ้ามีการดำเนินการแบบที่ว่าจริงๆ ตามที่มีการส่งสัญญาณเปิดทางเอาไว้ล่วงหน้ารับรองว่า จะต้องเจอ “สหบาทา” แน่ แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วบริหารประเทศตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ไปตามปกติ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใด แต่เมื่อใดก็ตามคิดว่าชาวบ้านเขาตามไม่ทัน วกเข้าเรื่องส่วนตัวของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ หรือใครก็ตาม มีการกลั่นแกล้งโยกย้ายข้าราชการตามอำเภอใจ เมื่อนั้นมันก็ต้อง “เจอกันแน่”
00 ทั้งที่จริง “ความปรองดอง” มันง่ายนิดเดียว คือให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพในระบบ “ศาลยุติธรรม” แม้ว่าในที่สุดแล้ว จะมีคนที่ไม่พอใจบ้าง แต่มันก็ต้องเดินไปสิ้นสุดที่ตรงนี้ หากให้บ้านเมืองสงบสันติ มันก็ต้องให้ศาลตัดสินชี้ขาด และไม่ว่า ทักษิณ หรือใครก็ตาม ก็ไม่ต้องไปบิดเบือน อย่าทำตัวเป็น “อภิสิทธิ์ชน” เหมือนอย่างที่ชอบกล่าวหาคนอื่น หวังว่าทุกฝ่ายจะได้สรุปบทเรียนที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าใครก็ตาม คงไม่ได้อย่างที่ตัวเองหวังไว้ทั้งหมด และขณะเดียวกันก็คงไม่สูญเปล่าไปทั้งหมดแน่นอน !!