**กระแส “โหวตโน” กำลังร้อนแรง หาไม่แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงไม่ชิงตัดไฟแต่ต้นลม โดยออกมาวินิจฉัยว่า ป้ายรณรงค์ “โหวตโน”ไม่ถูกต้อง สั่งให้กทม.เก็บไปทำลาย เพราะขืนปล่อยไว้จนถึงวันเลือกตั้ง 3 ก.ค. จะสายเกินแก้ เมื่อคนทั่วประเทศหันมาเทใจกาช่อง “ไม่ประสงค์จะเลือก สัตว์” ตัวไหนเลย ทั้ง “เสือหิว-จระเข้(น้อย)-กระบือซื่อบื้อ-ลิงเจ้าเล่ห์-หมาสกปรก”
ถ้าประชาชนถล่มคะแนน “โหวตโน” เข้ามามากๆ กกต.ก็เสียท่า ที่ไม่อาจเอาอำนาจไปช่วยพรรคการเมืองได้ ส่วนพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ก็กระเทือนไม่น้อยที่ถูกดึงคะแนนไป
มันสะท้อนว่าคนไทยเสื่อมศรัทธาสัตว์การเมืองชัดเจน
“โหวตโน” จึงเหมือนก้างตำคอที่ต้องรีบสกัด ก่อนจะลามเป็นแผลช้ำเลือดช้ำหนอง
แน่นอน ตอนนี้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ต่างจากโยนคะแนนทิ้งลงแม่น้ำ เพราะเลือกไปก็สู้เพื่อไทยไม่ได้ โพลทุกสำนัก ทั้งเอกชนและหน่วยงานรัฐ ขึ้นป้ายให้เพื่อไทยชนะขาดลอย ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง
ตอนแรกคิดว่าเพื่อไทย คงจะแผ่ว แต่ที่ไหนได้ ยิ่งโดนนวดโดนทุบ กลับยิ่งแรง ปฏิบัติการ “แก้วสรร-หมอตุลย์” ออกมาสะเทือนใจชาวรากหญ้า กลับกลายเป็นกระสุนลั่นใส่ประชาธิปัตย์ ไปเพิ่มกระแสสงสารปิ่มว่าจะขาดใจให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนกลั่นแกล้ง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน “ปูแดงโคลนนิ่ง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเดินยิ่งดุ ชั่วโมงนี้ดูมีภาษีกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีหวังได้เห็นนารีพิฆาตแน่ ข่าวแจ้งว่า เดินสายอีสานเหนือล่าสุด กระแสตอบรับไม่มีตก คนเสื้อแดงตบเท้าออกมาต้อนรับพรึ่บพรั่บ ฟีเวอร์ลามไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่ชักเริ่มวูบวาบขึ้นเรื่อยๆ
คู่แข่งเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ สมการตัวเลขหลังเลือกตั้ง การจับขั้วรัฐบาลที่วางแผนไว้ต่างๆ นาๆ ต้องปรับกระบวนท่ากันหลายตลบ หลายคนเริ่มคิดถึงสูตรที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวยืนจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว โดยเฉพาะพรรคเล็ก พรรคกลาง ศูนย์รวมนักกินเมือง เริ่มแบะท่า ทอดสะพานอ่อยเหยื่อกันพัลวัน ขอเป็นใบเฟิร์นแซมแจกันบ้าง เป็นถาดรองแจกันบ้าง
พรรคเพื่อไทยเองก็แสดงท่าทีชัดเจนมาก่อนหน้านี้ ว่าถ้าเป็นรัฐบาล จะเอาพรรคร่วมสัก 2-3 พรรค แม้ว่าจะได้เสียงมากมายแค่ไหน หรือเกินครึ่งก็ตาม เป็นยุทธศาสตร์แสวงมิตร ต้านศัตรู แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจริงๆ ก็มีแผนนำทุกพรรคการเมืองมาร่วมหัวจมท้าย
**ยกเว้น 2 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ อริตัวฉกาจตลอดกาล และ พรรคภูมิใจไทย ที่ตราหน้าว่าเป็นพรรคเนรคุณ ล่าสุดก็ออกแถลงการณ์ไม่เผาผีกันโจ่งแจ้ง
การประกาศไม่ตั้งรัฐบาลร่วมกับภูมิใจไทย หลายคนสงสัยว่า มันเร็วไปหรือไม่ หากพลาดพลั้งจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคภูมิใจไทย ไม่แย่หรือ แต่นั่นมันเป็นยุทธศาสตร์ถีบหัวส่งเสริมคะแนน และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มที่ ของพรรคเพื่อไทยว่า ตัวเองจะได้เป็นรัฐบาล
**เพื่อไทยประเมินกันภายในว่า จะได้เก้าอี้ส.ส.จำนวนมาก 250-300 เสียงเลยทีเดียว ในขณะที่ผลโพลก็ฟันธงออกมาไม่ต่างจากนี้เท่าไร
โดยพื้นที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทยยึดโยงเอาเป็นฐานที่มั่นของคะแนนมาตั้งแต่ยุคของนช.พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คือพื้นที่อีสาน ที่วันนี้เป็น “เรดโซน” มีกระแสคนเสื้อแดงรุนแรงมากที่สุด ถ้าผู้สมัครตีตรายี่ห้อพรรคเพื่อไทย เชื่อขนมกินได้เลยว่า มีโอกาสเป็นผู้แทนทุกคน
พื้นที่อีสานกลายเป็นพื้นที่ผูกขาดของพรรคเพื่อไทย นับวันจะเป็นเหมือนกับภาคใต้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดครองมาต่อเนื่องยาวนาน ส่งใครลงก็ได้เป็นส.ส. ส่งเสาไฟฟ้าลงคนยังเลือก เพราะชาวบ้านยึดติดกับแบรนด์เนมทักษิณ ไม่ว่าจะกินโกงชาติบ้านเมืองอย่างไร คนอีสาน ก็ไม่แคร์บอกว่า บ่เป็นหยังดอก
**วันนี้จับกระแสดูแล้ว คนอีสานเทใจเลือกพรรคเพื่อไทยถล่มทลาย ไม่ต่างจากปี 2548 อาการตอบรับดูแข็งกร้าว รุนแรงกว่าเดิม อาจเพราะความแค้นสุมอกเรื่องการสลายชุมนุม หรือการบริหารห่วยแตกของรัฐบาล ข้าวยากหมากแพง จะอดตายไปตามๆ กัน
ภาคอีสานตอนบน กระแสแดงเข้มสุดขีด บางจังหวัดส่งคนกวาดถนนลง คนยังเลือก อุดรธานี ขอนแก่น หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม คงยากที่พรรคการเมืองอื่นใดจะมาเจาะเอาส.ส.เขตจากพรรคเพื่อไทยไปได้ จะได้ก็เพียงจิ๊บจ๊อย จากคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
รายงานข่าวฟันธงว่า หาเสียงให้ตายยังไงก็ไม่ชนะพรรคเพื่อไทย ไอ้เรื่องไปเปิดเวทีปราศรัยแทบไม่มีใครทำ เพราะไม่มีใครฟัง ยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่จึงต้องใช้กระสุนอัดเข้ามาอย่างเดียว แต่พื้นที่อีสานเหนือหลายพรรคการเมืองถอดใจ ยกให้พรรคเพื่อไทยไปหมดแล้ว
พื้นที่ที่พรรคการเมืองอื่นๆ จะพอสู้ได้หน่อยก็คือ ที่อีสานกลาง และอีสานใต้ อย่างไรก็ตามพื้นที่อีสานกลาง พรรคเพื่อไทย ยังคงมีคนเสื้อแดงหนุนหลังอย่างหนาแน่น การจะเข้าไปแย่งเก้าอี้ ส.ส.ได้ ตัวผู้สมัครต้องแข็งจริงๆ และแน่นอนว่า กระสุนต้องยิงเข้าเป้า มุกดาหาร ยโสธร มหาสารคาม อำนาจเจริญ ยังคงเป็นพื้นที่พรรคเพื่อไทย มีแต้มต่อเหนือทุกพรรคการเมือง
**สำหรับพื้นที่โซนอีสานใต้ กระแสของพรรคเพื่อไทย เบาบางที่สุดในภาคอีสาน หลายจังหวัดเป็นฐานของพรรคการเมืองอื่น เช่น นครราชสีมาวันนี้ ต้องยกให้พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ส่วนบุรีรัมย์ ก็ยึดครองโดยพรรคภูมิใจไทย ของ “ยี้ห้อย 120” เนวิน ชิดชอบ
ขณะเดียวกันจังหวัดอุบลราชธานี ก็ยังต้องแชร์ส่วนแบ่งตลาดกันหลายพรรคการเมือง
ถือเป็นการบ้านข้อสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องยึดเอาภาคอีสานเป็นเรือนตาย “ยิ่งลักษณ์” จะเดินสายหาเสียงที่ไหน ย่อมไม่สามารถทิ้งคนอีสานได้ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือลุยภาคกลาง ยังไงก็ต้องกลับมาเหยียบแผ่นดินอีสาน เหมือนเป็นการเติมพลังไปในตัว เพราะมาเมื่อไหร่ คนก็ต้อนรับเมื่อนั้น
**ชั่วโมงนี้ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประเมินตัวเลขภาคอีสานไว้ไม่ต่ำกว่า 100 เก้าอี้เลยทีเดียว แน่นอนว่า นอกจากรักษาฐานที่มั่นเดิมไว้แล้ว ต้องเข้าไปเจาะพื้นที่คู่แข่งให้มากที่สุด โดยเฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ อุบลราชธานี นครราชสีมา และ บุรีรัมย์ ที่ยังเป็นจุดบอด
ลำพังแค่ใช้วิธีเคาะประตูบ้าน ตั้งเวทีปราศรัยเหมือนที่อื่นๆ คงจะเอาชนะลำบาก จำเป็นต้องใช้กระสุนด้วย เชื่อว่าโค้งสุดท้าย ช่วง 15 วันก่อนเลือกตั้ง จะมีการยิงกันชุดใหญ่
**พรรคภูมิใจไทยนั้นเตรียมเสบียงกรังรอวันเปิดคลังแสงคอยท่าไว้นานแล้ว ดีเดย์เมื่อไหร่ก็สะเทือนแน่ พรรคชาติไทยพัฒนา เองก็เตรียมไว้ไม่น้อย เลือกตั้งชั่วโมงนี้ พรรคกลางต้องทุ่มแหลกแจกไม่อั้นเพื่อเพิ่มเก้าอี้ ส.ส. สร้างหลักประกันในการเข้าร่วมรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมาตุภูมิ เป็นตัวสอดแทรก ที่ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์
แว่วข่าวว่าช่วงโค้งสุดท้าย พรรคเพื่อไทย จะแจกกระสุนไว้ยิงเหมือนกัน พื้นที่ไหนก้ำกึ่ง จำเป็นต้องลุย ก็ต้องใช้ยุทธศาสตร์ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เขายิงมาเราก็ยิงด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งทีมงานชุดใหญ่ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก
อีสานใต้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่พรรคเพื่อไทย จะต้องคว้าเก้าอี้มาเพิ่มให้ได้มากที่สุด เพราะบนความยาก แต่ดูเหมือนสนามนี้จะง่ายกว่าภาคอื่นๆ โค้งสุดท้ายพื้นที่ไหนสูสีคู่คี่ ต้องเน้นหนัก พื้นที่ไหนชนะขาดแล้วก็ปล่อย ส่วนพื้นที่แพ้ขาดลอย ก็ปรับยุทธวิธีให้ทีมงานในพื้นที่เน้นเก็บเกี่ยวคะแนนปาร์ตี้ลิสต์
** เดินแผนทุกทิศทางรวบรวมเก้าอี้ ส.ส.เป็นรัฐบาล
ถ้าประชาชนถล่มคะแนน “โหวตโน” เข้ามามากๆ กกต.ก็เสียท่า ที่ไม่อาจเอาอำนาจไปช่วยพรรคการเมืองได้ ส่วนพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ก็กระเทือนไม่น้อยที่ถูกดึงคะแนนไป
มันสะท้อนว่าคนไทยเสื่อมศรัทธาสัตว์การเมืองชัดเจน
“โหวตโน” จึงเหมือนก้างตำคอที่ต้องรีบสกัด ก่อนจะลามเป็นแผลช้ำเลือดช้ำหนอง
แน่นอน ตอนนี้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ต่างจากโยนคะแนนทิ้งลงแม่น้ำ เพราะเลือกไปก็สู้เพื่อไทยไม่ได้ โพลทุกสำนัก ทั้งเอกชนและหน่วยงานรัฐ ขึ้นป้ายให้เพื่อไทยชนะขาดลอย ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง
ตอนแรกคิดว่าเพื่อไทย คงจะแผ่ว แต่ที่ไหนได้ ยิ่งโดนนวดโดนทุบ กลับยิ่งแรง ปฏิบัติการ “แก้วสรร-หมอตุลย์” ออกมาสะเทือนใจชาวรากหญ้า กลับกลายเป็นกระสุนลั่นใส่ประชาธิปัตย์ ไปเพิ่มกระแสสงสารปิ่มว่าจะขาดใจให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนกลั่นแกล้ง เป็นต้น
ขณะเดียวกัน “ปูแดงโคลนนิ่ง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเดินยิ่งดุ ชั่วโมงนี้ดูมีภาษีกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีหวังได้เห็นนารีพิฆาตแน่ ข่าวแจ้งว่า เดินสายอีสานเหนือล่าสุด กระแสตอบรับไม่มีตก คนเสื้อแดงตบเท้าออกมาต้อนรับพรึ่บพรั่บ ฟีเวอร์ลามไปทั่ว ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่ชักเริ่มวูบวาบขึ้นเรื่อยๆ
คู่แข่งเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ สมการตัวเลขหลังเลือกตั้ง การจับขั้วรัฐบาลที่วางแผนไว้ต่างๆ นาๆ ต้องปรับกระบวนท่ากันหลายตลบ หลายคนเริ่มคิดถึงสูตรที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นตัวยืนจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว โดยเฉพาะพรรคเล็ก พรรคกลาง ศูนย์รวมนักกินเมือง เริ่มแบะท่า ทอดสะพานอ่อยเหยื่อกันพัลวัน ขอเป็นใบเฟิร์นแซมแจกันบ้าง เป็นถาดรองแจกันบ้าง
พรรคเพื่อไทยเองก็แสดงท่าทีชัดเจนมาก่อนหน้านี้ ว่าถ้าเป็นรัฐบาล จะเอาพรรคร่วมสัก 2-3 พรรค แม้ว่าจะได้เสียงมากมายแค่ไหน หรือเกินครึ่งก็ตาม เป็นยุทธศาสตร์แสวงมิตร ต้านศัตรู แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจริงๆ ก็มีแผนนำทุกพรรคการเมืองมาร่วมหัวจมท้าย
**ยกเว้น 2 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ อริตัวฉกาจตลอดกาล และ พรรคภูมิใจไทย ที่ตราหน้าว่าเป็นพรรคเนรคุณ ล่าสุดก็ออกแถลงการณ์ไม่เผาผีกันโจ่งแจ้ง
การประกาศไม่ตั้งรัฐบาลร่วมกับภูมิใจไทย หลายคนสงสัยว่า มันเร็วไปหรือไม่ หากพลาดพลั้งจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคภูมิใจไทย ไม่แย่หรือ แต่นั่นมันเป็นยุทธศาสตร์ถีบหัวส่งเสริมคะแนน และแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างเต็มที่ ของพรรคเพื่อไทยว่า ตัวเองจะได้เป็นรัฐบาล
**เพื่อไทยประเมินกันภายในว่า จะได้เก้าอี้ส.ส.จำนวนมาก 250-300 เสียงเลยทีเดียว ในขณะที่ผลโพลก็ฟันธงออกมาไม่ต่างจากนี้เท่าไร
โดยพื้นที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทยยึดโยงเอาเป็นฐานที่มั่นของคะแนนมาตั้งแต่ยุคของนช.พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คือพื้นที่อีสาน ที่วันนี้เป็น “เรดโซน” มีกระแสคนเสื้อแดงรุนแรงมากที่สุด ถ้าผู้สมัครตีตรายี่ห้อพรรคเพื่อไทย เชื่อขนมกินได้เลยว่า มีโอกาสเป็นผู้แทนทุกคน
พื้นที่อีสานกลายเป็นพื้นที่ผูกขาดของพรรคเพื่อไทย นับวันจะเป็นเหมือนกับภาคใต้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดครองมาต่อเนื่องยาวนาน ส่งใครลงก็ได้เป็นส.ส. ส่งเสาไฟฟ้าลงคนยังเลือก เพราะชาวบ้านยึดติดกับแบรนด์เนมทักษิณ ไม่ว่าจะกินโกงชาติบ้านเมืองอย่างไร คนอีสาน ก็ไม่แคร์บอกว่า บ่เป็นหยังดอก
**วันนี้จับกระแสดูแล้ว คนอีสานเทใจเลือกพรรคเพื่อไทยถล่มทลาย ไม่ต่างจากปี 2548 อาการตอบรับดูแข็งกร้าว รุนแรงกว่าเดิม อาจเพราะความแค้นสุมอกเรื่องการสลายชุมนุม หรือการบริหารห่วยแตกของรัฐบาล ข้าวยากหมากแพง จะอดตายไปตามๆ กัน
ภาคอีสานตอนบน กระแสแดงเข้มสุดขีด บางจังหวัดส่งคนกวาดถนนลง คนยังเลือก อุดรธานี ขอนแก่น หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม คงยากที่พรรคการเมืองอื่นใดจะมาเจาะเอาส.ส.เขตจากพรรคเพื่อไทยไปได้ จะได้ก็เพียงจิ๊บจ๊อย จากคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
รายงานข่าวฟันธงว่า หาเสียงให้ตายยังไงก็ไม่ชนะพรรคเพื่อไทย ไอ้เรื่องไปเปิดเวทีปราศรัยแทบไม่มีใครทำ เพราะไม่มีใครฟัง ยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่จึงต้องใช้กระสุนอัดเข้ามาอย่างเดียว แต่พื้นที่อีสานเหนือหลายพรรคการเมืองถอดใจ ยกให้พรรคเพื่อไทยไปหมดแล้ว
พื้นที่ที่พรรคการเมืองอื่นๆ จะพอสู้ได้หน่อยก็คือ ที่อีสานกลาง และอีสานใต้ อย่างไรก็ตามพื้นที่อีสานกลาง พรรคเพื่อไทย ยังคงมีคนเสื้อแดงหนุนหลังอย่างหนาแน่น การจะเข้าไปแย่งเก้าอี้ ส.ส.ได้ ตัวผู้สมัครต้องแข็งจริงๆ และแน่นอนว่า กระสุนต้องยิงเข้าเป้า มุกดาหาร ยโสธร มหาสารคาม อำนาจเจริญ ยังคงเป็นพื้นที่พรรคเพื่อไทย มีแต้มต่อเหนือทุกพรรคการเมือง
**สำหรับพื้นที่โซนอีสานใต้ กระแสของพรรคเพื่อไทย เบาบางที่สุดในภาคอีสาน หลายจังหวัดเป็นฐานของพรรคการเมืองอื่น เช่น นครราชสีมาวันนี้ ต้องยกให้พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ส่วนบุรีรัมย์ ก็ยึดครองโดยพรรคภูมิใจไทย ของ “ยี้ห้อย 120” เนวิน ชิดชอบ
ขณะเดียวกันจังหวัดอุบลราชธานี ก็ยังต้องแชร์ส่วนแบ่งตลาดกันหลายพรรคการเมือง
ถือเป็นการบ้านข้อสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องยึดเอาภาคอีสานเป็นเรือนตาย “ยิ่งลักษณ์” จะเดินสายหาเสียงที่ไหน ย่อมไม่สามารถทิ้งคนอีสานได้ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือลุยภาคกลาง ยังไงก็ต้องกลับมาเหยียบแผ่นดินอีสาน เหมือนเป็นการเติมพลังไปในตัว เพราะมาเมื่อไหร่ คนก็ต้อนรับเมื่อนั้น
**ชั่วโมงนี้ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประเมินตัวเลขภาคอีสานไว้ไม่ต่ำกว่า 100 เก้าอี้เลยทีเดียว แน่นอนว่า นอกจากรักษาฐานที่มั่นเดิมไว้แล้ว ต้องเข้าไปเจาะพื้นที่คู่แข่งให้มากที่สุด โดยเฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ อุบลราชธานี นครราชสีมา และ บุรีรัมย์ ที่ยังเป็นจุดบอด
ลำพังแค่ใช้วิธีเคาะประตูบ้าน ตั้งเวทีปราศรัยเหมือนที่อื่นๆ คงจะเอาชนะลำบาก จำเป็นต้องใช้กระสุนด้วย เชื่อว่าโค้งสุดท้าย ช่วง 15 วันก่อนเลือกตั้ง จะมีการยิงกันชุดใหญ่
**พรรคภูมิใจไทยนั้นเตรียมเสบียงกรังรอวันเปิดคลังแสงคอยท่าไว้นานแล้ว ดีเดย์เมื่อไหร่ก็สะเทือนแน่ พรรคชาติไทยพัฒนา เองก็เตรียมไว้ไม่น้อย เลือกตั้งชั่วโมงนี้ พรรคกลางต้องทุ่มแหลกแจกไม่อั้นเพื่อเพิ่มเก้าอี้ ส.ส. สร้างหลักประกันในการเข้าร่วมรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมาตุภูมิ เป็นตัวสอดแทรก ที่ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์
แว่วข่าวว่าช่วงโค้งสุดท้าย พรรคเพื่อไทย จะแจกกระสุนไว้ยิงเหมือนกัน พื้นที่ไหนก้ำกึ่ง จำเป็นต้องลุย ก็ต้องใช้ยุทธศาสตร์ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เขายิงมาเราก็ยิงด้วย ขณะเดียวกันก็ส่งทีมงานชุดใหญ่ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก
อีสานใต้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่พรรคเพื่อไทย จะต้องคว้าเก้าอี้มาเพิ่มให้ได้มากที่สุด เพราะบนความยาก แต่ดูเหมือนสนามนี้จะง่ายกว่าภาคอื่นๆ โค้งสุดท้ายพื้นที่ไหนสูสีคู่คี่ ต้องเน้นหนัก พื้นที่ไหนชนะขาดแล้วก็ปล่อย ส่วนพื้นที่แพ้ขาดลอย ก็ปรับยุทธวิธีให้ทีมงานในพื้นที่เน้นเก็บเกี่ยวคะแนนปาร์ตี้ลิสต์
** เดินแผนทุกทิศทางรวบรวมเก้าอี้ ส.ส.เป็นรัฐบาล