xs
xsm
sm
md
lg

มรสุมของ..TTA เกิดและยุติด้วยตัวเลข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ แต่ก็ได้ยุติการดำเนินงานในหน้าที่ของใครบางคนไปแล้ว ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม... ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มิ.ย. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานว่าได้ส่งข้อมูลTTA เพิ่มเติมให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามที่ได้ขอมาแล้ว เช่นเดียวกับข้อมูลที่ TTA ขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดทะเบียนสมุดรายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องผลประกอบการของ TTA ที่ลดลงนั้น เป็นเรื่องของผู้บริหาร TTA ที่จะไปชี้แจงกับผู้ถือหุ้นกันเอง
 

นอกเหนือจากกระแสการเทคโอเวอร์กิจการที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งมีผู้เกี่ยวผันหลายคนเป็นบุคคลในวงการตลาดทุนแล้ว จุดที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของกรณี TTA นั่นคือ เรื่องของผลประกอบการบริษัทที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยหลายราย จนเป็นชนวนเหตุหรืออาจเป็นข้ออ้างที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวุ่นวายครั้งนี้

TTA ถูกผู้ถือหุ้นรายย่อย 75 ราย ซึ่งมีสัดส่วนในการถือหุ้นของบริษัทรวมกันกว่า10% มอบอำนาจให้ตัวแทนของตน โดยในที่นี้คือ ( Atlas Holding Limited (Atlas)) ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนว่าเป็นกองทุนต่างชาติ หรือบริษัทที่เชียวชาญด้านธุกริจการเดินเรือขนส่ง เข้าพบผู้บริหารเพื่อขอเปิดประชุมผู้ถือหุ้น วัตถุประสงค์ขั้นต้นคือต้องการให้บริหารออกวอแรนต์ สัดส่วน 4หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนต์ โดยอ้างว่าเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้านการเงิน และการปรับเปลี่ยนงบบัญชีการเงินให้เป็นเหมือนบริษัจดทะเบียนรายอื่นๆ แต่จุดประสงค์อาจมีมากกว่านั้น …...

ขณะเดียวกัน ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทคโอเวอร์กิจการTTA อย่าง “บี เตชะอุบล”ก็ออกมาตอกย้ำถึงประเด็นสำคัญที่ตรงกับข่าวความไม่พอใจของผู้ถือหุ้นรายย่อยก่อนหน้านี้ นั่นคือ ตัวเลขทางการเงินของโทรีเซนไทยในหลายปีที่ผ่านมา....โดยเฉพาะมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)ที่ลดวูบลงไปอย่างน่าใจหายร่วม 50% หรือประมาณ1.5 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับตัวเลขเงินสดของบริษัทที่เคยมี 2.2 หมื่นล้าน ณ ปัจจุบันเหลือแค่ประมาณ 5 พันล้านบาท และปิดท้ายด้วยเงินเดือนที่ปรับขึ้นของผู้บริหารเป็นเท่าตัว ท่ามกลางการลดลงของกำไรสุทธิบริษัทถึง 70% ในช่วงปี2552-2553
 

ทั้งนี้ เมื่อ ได้ลองตรวจสอบงบการเงิน/ผลประกอบการของ TTA ผ่านทางเว็บไซต์ของตลท. ก็พบว่า มาร์เกตแคปของหุ้นTTA ลดหายลงไปจริงจาก30,414ล้านบาทในปี2550 เหลือแค่ 15,363 ล้านบาท ณ ผลดำเนินงานไตรมาส2/54 ขณะที่สินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 48,621 ล้านบาทในไตรมาส2/54 จาก28,143 ล้านบาทเมื่อปี2550 เช่นเดียวกับยอดหนี้สินรวมที่เพิ่มขึ้นจาก 12,089 ล้านบาทในปี2550 มาเป็น 17,760 ล้านบาทในไตรมาส2/54
 

ส่วนกำไรสุทธิ 4ปีย้อนหลังเมื่อเห็นแล้วก็น่าใจหายแทนผู้ถือหุ้น กล่าวคือ จากปี2550 กำไรสุทธิ 4,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อปี 2551 ที่ระดับ 8,776 ล้านบาท และลดวูบเหลือ 1,813 ล้านบาทในปี2552 ก่อนจะฮวบลงอีกจนเหลือ 795 ล้านบาทในปีก่อน และในไตรมาส2/54 ตอนนี้มี 30 ล้านบาท.....จุดนี้ นับเป็นการบ้านที่ผู้บริหารของบริษัทอาจต้องเตรียมพร้อมให้ดี หากจำเป็นต้องเปิดการประชุมผู้ถือหุ้นในเร็วๆนี้ ก็เชื่อว่าคงหนีไม่พ้นคำถามในเรื่องเหล่านี้แน่
 

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองเปรียบเทียบผลดำเนินงานในรอบเดียวกันของ TTA กับบรรดาเพื่อร่วมอาชีพที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเช่นกัน อย่าง บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) และบมจ. อาร์ ซี แอล (RCL) ก็พบว่า มาร์เกตแคปของเพื่อนๆในกลุ่มธุรกิจเดินเรือ ลดลงไปมากไม่น้อยหน้ากันทั้งสิ้น จากปี2550 ซึ่ง PSLและ RCL อยู่ที่ระดับ 30,146 ล้านบาท และ19,724 ล้านบาท ณสิ้นไตรมาส1/54 ทั้งสองบริษัทเหลือมาร์เกตแคปที่ระดับ18,295 ล้านบาท และ7,748 ล้านบาท เช่นเดียวกับยอดรายได้รวมที่ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2550

จึงทำให้น่าเชื่อว่า...มีความเป็นไปได้สูงที่ธุรกิจเดินเรือทะเลอยู่ในช่วงวัฐจักรขาลงทั้งอุตสาหกรรม ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใด แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
 

แต่ที่สำคัญ ความเจริญรุ่งเรืองของบริษัทในเครืออีก 3 แห่ง ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาTTA ควักเงินไปลงทุนกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้บริหารของบริษัทจะต้องชี้แจงนักลงทุนให้กระจ่าง และทำให้ผู้ถือหุ้นมองเห็นภาพของบริษัทในอนาคตได้

ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนพ.ค. ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เดินสายไปอธิบายแนวโน้มธุรกิจ ใน1-2ปี โดยระบุว่า จากนี้TTA ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) มาอยู่ที่ 15-20%ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อัตราไม่ถึง 1% โดยธุรกิจเดินเรือจะมีรายได้เหลือเพียง 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด จุดนี้ก็เท่ากับเพิ่มความสงสัยให้แก่ผู้ถือหุ้น

ส่วนรายได้ในส่วนที่เหลือ บิ๊กของTTAระบุว่าจะมาจาก ธุรกิจถ่านหินที่ได้เข้าลงทุนผ่าน บมจ.ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) และธุรกิจเรือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผ่านบริษัทเมอร์เมด มารีนไทม์ (MML) มีการเติบโตอย่างมาก ขณะที่ การลงทุนในธุรกิจปุ๋ยโดยถือหุ้น 100% ในบริษัท บาคองโค ที่เวียดนาม ล่าสุดได้คืนทุนหมดแล้ว และจากนี้ไปก็จะสร้างผลตอบแทนต่อเนื่อง อีกทั้งเป้าหมายหลักอยู่ที่การทำธุรกิจโลจิสติกส์มากกว่า เนื่องจากโลเคชันของบริษัทติดกับท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม...
ซึ่งแผนทั้งหมดนี้ จะเป็นจริงหรือแค่ฝัน..เชื่อว่าผู้ถือหุ้นตอนนี้ น่าจะสนใจแต่กับการคืนทุน การคุ้มค่าในการลงทุน หรือการทำให้มาร์เกตแคปและราคาหุ้นกลับมามากกว่า
 

แต่..ถ้าหันกลับมามองความเห็นจากด้านนอก... บทวิเคราห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ของ TTA ลงเป็นกำไร 148 ล้านบาท จากเดิมที่คาด 859 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงาน ของธุรกิจเดินเรือ มีแนวโน้มอ่อนแอ จากภาวะ Over supply นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัว ขึ้น ขณะที่ TTA ไม่สามารถปรับค่าระวางเรือ ได้ตามต้นทุนน้ำมันที่ปรับขึ้น เช่นเดียวกับแนวโน้มผลการดำเนินงานของธุรกิจวิศวกรรม ใต้น้ำ หรือ Mermaid ในไตรมาสถัดไปยังคงอ่อนแอ และมีแนวโน้มที่จะขาดทุนจากการดำเนินงาน ขณะที่กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค การขนส่งถ่านหินของ UMS และธุรกิจปุ๋ยในเวียดนาม ยังเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงานของ TTA

ขณะที่ “ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ศุภาลัย” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ6ของTTA ในสัดส่วน1.07% กล่าวสั้นๆแต่ได้ใจความว่า หุ้นTTAมักขึ้นลงตามภาวะตลาด เดิมทีมีเพื่อนแนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ เพราะเป็นหุ้นเดินเรือที่ดีก็ซื้อตั้งแต่วิกฤตปี2540 พอช่วงซัพไพร์มราคาลงมาอีกก็ซื้อเพิ่ม เพราะเห็นธุรกิจไปได้ดี แต่ช่วงหลังๆเงินปันผลก็ลดลง ที่ผ่านมาเขาก็จะมาขอเสียงบ้างเพื่อนำไปขออนุมัติในแผนงานต่างๆ ก็ให้ไปไม่คิดอะไร เป็นแค่หุ้นตัวหนึ่งในพอร์ตที่ถือ ช่วงนี้ก็ตามข่าวอยู่ ฟังทั้ง 2 ทางดูแล้วไม่น่ามีปัญหาน่าจะผ่านไปได้ แต่ถ้าจะให้ขาย ไม่ขายเพราะราคายังไม่ดียังต่ำ ส่วนถ้ามีการเปลี่ยนผู้บริหารก็ไม่เป็นไร ขอพิจารณาอีกที เพราะต้องดูทีมผู้บริหารใหม่ ดูวิสัยทัศน์นโยบายก่อนจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้ง

สุดท้ายนี้ TTA จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นหรือไม่ ...หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม..ระหว่างวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล...กับความต้องการของคนอีกกลุ่ม จะลงเอยอย่างไร เพราะเมื่อTTA เป็นหุ้นไม่มีเจ้ามือ (Free Float99.59%) จะทำอะไรก็ต้องขอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น...ซึ่งบางที4ล้านหุ้นที่ทางผู้บริหารมีอยู่ มันก็อาจไม่เพียงพอ... แต่ถ้าวิชั่นเคลียร์ใจผู้ถือหุ้นได้ ก็น่าจะไร้ปัญหา ไปๆมาๆ....เรื่องที่เกิดขึ้นก็อาจเพราะว่า.... “นิ่งมากไป...”
ปล. ที่ผ่านมา ผู้บริหารTTA ยอมรับกับผู้สื่อข่าวในครั้งเดินทางมาชี้แจงข้อมูลที่ห้องค้่าหลักทรัพย์ สนง.ใหญ่ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ว่า ส่วนหนึ่งทางผู้บริหารมีการติดต่อสื่อสาร หรือรายงานความคืบหน้าในการดำเนินกิจการแก่ผู้ถือหุ้นน้อยไป
กำลังโหลดความคิดเห็น