ASTVผู้จัดการรายวัน – ไมเนอร์กรุ๊ป กางแผน5ปีสยายปีกคลุมตลาดโรงแรมเอเชีย - ตะวันออกกลาง พร้อมปรับเพิ่ม แบรนด์ อนันตรา 50 แห่ง จากเป้ารวม 105 แห่งตามแผน แจงนโยบายลงทุนเน้นเทกโอเวอร์กลุ่มโรงแรมต่อยอดการตลาด ล่าสุดงบซื้อหุ้นกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทโอ๊คส์ สัญชาติออสเตเลีย เป็น 82% เข้าบริหารแบบเบ็ดเสร็จ หวังนำแบรนด์โอ๊คส์ฯขยายฐานลูกค้าตลาดโรงแรม 4 ดาว เผยแผนปี54 รีแบรนด์โรงแรมเพิ่ม6แห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ วางเป้ากำไรสุทธิปีนี้ 2,000 ล้านบาท
นาย ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มโรงแรมไมเนอร์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีจากนี้ไป ทางกลุ่มมีแผนขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียและตะวันออกกลาง โดยภายในปี 2558 จะเพิ่มโรงแรมภายใต้การบริหารงานของไมเนอร์ กรุ๊ป ให้ครบ 105 แห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงแรมอยู่ภายใต้การบริหารรวม 72 แห่ง โดยในจำนวน 105 แห่ง จะใช้แบรนด์ อนันตรา 50 แห่ง
สำหรับรูปแบบการลงทุน จะเน้นการเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) หรือ ซื้อหุ้นบางส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพื่อเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารธุรกิจ ล่าสุด กลุ่มโรงแรมไมเนอร์ เข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทโอ๊คส์ ในประเทศออสเตเลียเพิ่มเป็น 82% จากก่อนหน้า 65% เพื่อให้มีอำนาจในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ และเป็นฐานขยายตลาด โดยใช้แบรนด์โอ๊คส์ ในการทำตลาดกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 4 ดาว โดยมีแบรนด์ไมเนอร์ฯทำตลาดระดับ 5 ดาวขึ้นไป
“ การซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ จะมีผลสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าถึง 84 ล้านเหรียญออสเตรเลีย คิดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท หากบริษัทเข้าถือครองหุ้นโอ๊คส์ทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ โอ๊คส์เป็นบริษัทธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมบริการที่ทำผลกำไรมากที่สุดในออสเตรเลีย การเข้าถือครองโอ๊คส์จะทำให้บริษัทไมเนอร์เป็นเจ้าของโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เพิ่มขึ้นเท่าตัว และเพิ่มฐานการลงทุนในธุรกิจอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไมเนอร์ฯได้เข้าถือหุ้นของกลุ่มโฮ๊คส์ฯ ทำให้ขณะนี้เริ่มมีรายได้ โดยคาดว่าในปี 55จะมีกำไรจากบริษัทดังกล่าวเข้ามาในกลุ่มไมเนอร์กว่า 50%
นาย ดิลลิป กล่าวว่า ในส่วนของแบรนด์ อนันตรา นั้น ภายในระยะ 5 ปีจากนี้ โดยจะทยอยรีแบรนด์โรงแรมที่ไมเนอร์ฯบริหารอยู่ ทั้งในส่วนของโรงแรมที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันโรงแรมที่อยู่ภายใต้แบรนด์ อนันตรา รวม 15 แห่ง ตามแผนภายในสิ้นปีจะเพิ่มอีก 6 แห่ง
สำหรับ โรงแรมทั้ง6แห่งที่จะทำการรีแบรนด์ใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย โรงแรมในประเทศไทย 2แห่ง คือ โรงแรมรสานันดา ที่เกาะพงัน ซึ่งจะรีแบรนด์เป็นโรงแรมอนันตรารสานันดา และโรงแรมแบงคอกแมรีออส เจริญกรุง โดยจะรีแบรนด์ใหม่เป็นโรงแรมริเวอร์ไซน์ อนันตรา เจริญกรุง ที่เหลือ อีก 4 แห่งประกอบด้วยโรงแรมในมณฑลสิบสองปันนา ประเทศจีน เป็นโรงแรมสร้างใหม่ โรงแรมในบาหลี โรงแรมมูเน่ ในเวียดนาม และโรงแรมในตะวันออกกลาง
สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา กลุ่มไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล มีกำไรสุทธิรวม 1,300 ล้านบาท ในปี 54 วางเป้าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท เฉพาะกลุ่มโรงแรมไนเนอร์คาดว่าจะมีกำไรสุทธิก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาทำได้เพียง 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่แย่ที่สุดของกลุ่มโรงแรมไมเนอร์ฯ.
นาย ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มโรงแรมไมเนอร์ บริษัท ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีจากนี้ไป ทางกลุ่มมีแผนขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียและตะวันออกกลาง โดยภายในปี 2558 จะเพิ่มโรงแรมภายใต้การบริหารงานของไมเนอร์ กรุ๊ป ให้ครบ 105 แห่ง จากปัจจุบันที่มีโรงแรมอยู่ภายใต้การบริหารรวม 72 แห่ง โดยในจำนวน 105 แห่ง จะใช้แบรนด์ อนันตรา 50 แห่ง
สำหรับรูปแบบการลงทุน จะเน้นการเข้าซื้อกิจการ(เทกโอเวอร์) หรือ ซื้อหุ้นบางส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพื่อเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารธุรกิจ ล่าสุด กลุ่มโรงแรมไมเนอร์ เข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทโอ๊คส์ ในประเทศออสเตเลียเพิ่มเป็น 82% จากก่อนหน้า 65% เพื่อให้มีอำนาจในการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จ และเป็นฐานขยายตลาด โดยใช้แบรนด์โอ๊คส์ ในการทำตลาดกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 4 ดาว โดยมีแบรนด์ไมเนอร์ฯทำตลาดระดับ 5 ดาวขึ้นไป
“ การซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ จะมีผลสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าถึง 84 ล้านเหรียญออสเตรเลีย คิดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท หากบริษัทเข้าถือครองหุ้นโอ๊คส์ทั้งหมด 100 เปอร์เซนต์ โอ๊คส์เป็นบริษัทธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมบริการที่ทำผลกำไรมากที่สุดในออสเตรเลีย การเข้าถือครองโอ๊คส์จะทำให้บริษัทไมเนอร์เป็นเจ้าของโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เพิ่มขึ้นเท่าตัว และเพิ่มฐานการลงทุนในธุรกิจอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไมเนอร์ฯได้เข้าถือหุ้นของกลุ่มโฮ๊คส์ฯ ทำให้ขณะนี้เริ่มมีรายได้ โดยคาดว่าในปี 55จะมีกำไรจากบริษัทดังกล่าวเข้ามาในกลุ่มไมเนอร์กว่า 50%
นาย ดิลลิป กล่าวว่า ในส่วนของแบรนด์ อนันตรา นั้น ภายในระยะ 5 ปีจากนี้ โดยจะทยอยรีแบรนด์โรงแรมที่ไมเนอร์ฯบริหารอยู่ ทั้งในส่วนของโรงแรมที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันโรงแรมที่อยู่ภายใต้แบรนด์ อนันตรา รวม 15 แห่ง ตามแผนภายในสิ้นปีจะเพิ่มอีก 6 แห่ง
สำหรับ โรงแรมทั้ง6แห่งที่จะทำการรีแบรนด์ใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย โรงแรมในประเทศไทย 2แห่ง คือ โรงแรมรสานันดา ที่เกาะพงัน ซึ่งจะรีแบรนด์เป็นโรงแรมอนันตรารสานันดา และโรงแรมแบงคอกแมรีออส เจริญกรุง โดยจะรีแบรนด์ใหม่เป็นโรงแรมริเวอร์ไซน์ อนันตรา เจริญกรุง ที่เหลือ อีก 4 แห่งประกอบด้วยโรงแรมในมณฑลสิบสองปันนา ประเทศจีน เป็นโรงแรมสร้างใหม่ โรงแรมในบาหลี โรงแรมมูเน่ ในเวียดนาม และโรงแรมในตะวันออกกลาง
สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา กลุ่มไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล มีกำไรสุทธิรวม 1,300 ล้านบาท ในปี 54 วางเป้าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท เฉพาะกลุ่มโรงแรมไนเนอร์คาดว่าจะมีกำไรสุทธิก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาทำได้เพียง 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่แย่ที่สุดของกลุ่มโรงแรมไมเนอร์ฯ.
