ASTV ผู้จัดการรายวัน – “วิจิตร” ไขก๊อกลาออกประธานก.ล.ต. มีผลตั้งแต่วันนี้ (3มิ.ย.) หลังพนักงานองค์กรรวมตัวประท้วง หลังทำภาพลักษณ์องค์กรเสื่อมเสียจากพัวพัวกรณีศึกชิงอำนาจ ฟาก “บี”ปฏิเสธหลังถูกโยงพัวพันเทคโอเวอร์โทรีเซนไทยฯ ชี้แค่รับหน้าเสื่อช่วยประสานงานให้กองทุนต่างชาติ และรายย่อยที่ไม่พอใจผู้บริหารTTA อัด 6ปีที่คุมอำนาจทำมาร์เก็ตแคปวูบ50% ล่าสุดซื้อแล้วหุ้นTTA 100หุ้น หวังเปิดฉากฉะในวันประชุม พร้อมไม่พอใจการกระทำของผู้บริหารTTA ที่มีต่อ “วิจิตร” หลังให้ข่าวไม่ตรง ทำผู้ใหญ่เสื่อมเสีย
นายบี เตชะอุบล อดีตผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีชื่อตนเองเข้าไปผันผวนถึงการเทคโอเวอร์กิจการของ บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)นั้น เรื่องดังกล่าวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าตนทำเพียงรับประสานให้กองทุนต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TTA ส่วนหนึ่งซึ่งไม่พอใจในการดำเนินงานของคณะผู้บริหารชุดปัจจุบัน เพื่อเข้าพบกับผู้บริหารของTTA เท่านั้น
“ผมไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้บริหารกองทุน Atlas Holding Limited (Atlas) และผู้ถือหุ้นรายย่อย TTA บางราย ที่ไม่พอใจและต้องการพูดคุยกับผู้บริหาร TTA ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการตอบรับ จึงได้หารือกับนายวีระ มานะคงตรีชีพในฐานะผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งได้แนะนำให้รู้จักนายวิจิตร สุพินิจ และเห็นว่าด้วยฐานะประธาน ก.ล.ต. น่าจะช่วยประสานให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้”
ขณะเดียวกันที่มีข่าวว่า นายวิจิตร จะเข้านั่งเป็นประธานกรรมการบริษัท TTA นั้นยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นเพียงแนวความคิดของกองทุนต่างชาติที่ต้องการแก้ไขการบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบัน จึงเสนอว่าอยากให้นายวิจิตร เข้ามามีส่วนร่วม แต่เรื่องดังกล่าวนายวิจิตรได้ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว และยืนยันจะทำหน้าที่เพียงการประสานงานให้ผู้ถือหุ้นพบกับผู้บริหารเท่านั้น และไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้บริหารTTA จึงเอาเรื่องไม่จริงออกมาให้ข่าว
โดยสาเหตุที่นักลงทุนรายย่อยและกองทุนต่างชาติไม่พอใจในTTA คือการีบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบันว่าทำอะไรกันอยู่ เพราะจากที่บริหารงานมา 6 ปี แต่กลับทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทลดลงจาก 30,000 ล้านบาท เหลือ 15,000 ล้านบาท เงินสดในมือที่เคยมีสูงถึง 22,000 ล้านบาท ลดเหลือ 5,000 ล้านบาท และในปี 52-53 แม้กำไรของบริษัทลดลง 70% แต่กลับพบว่ามีการปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่ผู้จัดการและผู้บริหาร 8 คน จาก 35 ล้านบาท เป็น 72 ล้านบาท
“ทีเวลารายย่อยเรียกร้อง กลับวิ่งไปหาก.ล.ต.-ตลท.ให้ตรวจสอบ คุณปิดบุ๊คแล้วก็น่าจะรู้ว่ารายย่อย 75 คนนั้นเป็นใครบ้าง ดูรายชื่อก็รู้ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารงานแบบครอบครัว ครอบครัวตัวเองถือหุ้นแค่4ล้านหุ้น แต่กลับมาควบคุมบริษัท แต่ผู้ถือหุ้นและเป็นเจ้าของTTA คนอื่นๆมีถึง 22,000 คน”
นายบี กล่าวเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ตนบริหารธุรกิจหลักทรัพย์ เพียง 2-3ปีก็สามารถปรับปรุงให้ธุรกิจกลับมามีกำไรได้ แต่ผู้บริหารของTTA กลับบอกว่าต้องใช้เวลา5-6ปีกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม มันเป็นเรื่องที่ตลกตลกไปหน่อย อีกทั้งการให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น แม้ในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ไม่ยอมให้ข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ลุกขึ้นถาม กลับให้ทีมงานของตนเองบอกปัดอ้างว่าไม่มีเวลา ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่รู้ว่าผู้บริหารของบริษัททำอะไรกันอยู่ และในการประชุมดังกล่าวผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่าครึ่งไม่พอใจการตอบคำถาม จนถึงออกจากห้องประชุมไปกว่าครึ่ง
“ตอนนี้ผมซื้อหุ้นTTA แล้ว 100 ร้อยหุ้น ผมจะใช้สิทธิ์ของผมถามในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหน้า เขาทำแบบนี้ ทำกับผู้ใหญ่ที่เป็นถึงผู้บริหารระดับนี้ เคยเป็นถึงผู้ว่าแบงก์ชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร TTA พูดฝ่ายเดียว ทำเหมือนมีอะไร และมีการเปลี่ยนประเด็นที่ได้พูดคุย ที่ผ่านมาผู้บริหารอ้างว่ามีการเข้ามาเทคโอเวอร์ ถูกกลั่นแกล้ง คุณวิจิตรมาเพราะเป็นตัวแทนรายย่อยที่ไม่พอใจการทำงานของผู้บริหาร เพราะเห็นว่ามีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้น" นายบี กล่าว
พร้อมกันนี้ นายบีเชื่อว่า ทางผู้บริหาร TTA จะต้องดิ้นรนในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า การที่สื่อต่างชาตินำเสนอข่าวกรณีปัญหาของ TTA แสดงว่ามีผู้สนใจเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ส่วนผลกระทบต่อความเขื่อมั่นและน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทยนั้น เรื่องดังกล่าวจะต้องพิสูจน์และตรวจสอบต่อไป พร้อมยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีใหม่ ซึ่งจะต้องมีการปรับตัวและหาแนวทางแก้ไขเพื่อรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
**วิจิตรลาออกพนง.ก.ล.ต.ประท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวิจิตร สุพินิจ ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพยื (ก.ล.ต.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน หลังถูกแรงกดดันจากพนักงาน ก.ล.ต. ที่ได้รวบรวมรายชื่อและรวมตัวกันแต่งชุดดำชุมนุมหน้าสำนักงาน บนนถนนวิทยุ เพื่อเรียกร้องให้นายวิจิตร ลาออกจากตำแหน่งก่อนจะครบวาระในวันที่ 13 กรกฎาคม นี้ หลังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารบมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กับกลุ่มผู้ถือหุ้น TTA ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ในการเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นกลาง โดยถือว่าเป็นครั้งแรกที่พนักงานก.ล.ต.รวมตัวกันเรียกร้องให้ประธานกรรมการก.ล.ต.ลาออก
ทั้งนี้จากการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด)ก.ล.ต.ในวานนี้(2 มิ.ย.)ได้มอบหลายให้ทางคณะกรรมการตรวจสอบไปพิจารณา 2 ประเด็น คือ จะต้องมีการห้ามไม่ให้บอร์ดก.ล.ต.ไปดำรงตำแหน่งในบริษัทในบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ และ ต้องมีการปรับแนวทางธรรมาภิบาลและจรรยาบรรณก.ล.ต.ให้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไปหรือไม่ในอนาคต เพื่อนำเรื่องดังกล่าวมาเสนอบอร์ดก.ล.ต.ต่อไป
นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. กล่าวว่า นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้แจ้งว่านายวิจิตรได้โทรศัพท์แจ้ง ว่าจะมีการลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ล.ต. และเตรียมที่จะส่งแฟ็กซ์หนังสือลาออกอย่างเป็นทางการมาทันที โดยนายธีระชัยให้ตนมาแจ้งให้พนักงานที่ชุมนุมอยู่รับทราบ โดยประเด็นที่ทำให้นายวิจิตรมีการลาออกนั้น ส่วนหนึ่งจากการที่พนักงานมีการชุมนุมกัน โดยส่วนตัวอยากให้มีการแยกองค์กรกับตัวบุคคลออกจากกัน โดยและผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในก.ล.ต.ก็ต้องมีความระมัดระวังในการทำหน้าที่
ด้านพนักงานก.ล.ต.กล่าวว่า การรวมตัวของพนักงานต้องการให้นายวิจิตร ลาออกจากตำแหน่งประธานก.ล.ต. เพราะ นายวิจิตรได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของบริษัท TTA ในการแย่งอำนาจในการบริหารบริษัท โดยที่นายวิจิตร ไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัทดังกล่าว ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ก.ล.ต.ที่มีความเป็นกลางนั้น มีท่าทีเลือกข้าง ซึ่งในฐานะก.ล.ต.นั้นเป็นองค์กรกำกับดูแลไม่ควรที่จะเลือกข้าง ทำให้การกระทำของนายวิจิตรนั้นไม่เหมาะสม ไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายวิจิตรไปนั่งเป็นกรรมการบจ.เพราะ ที่ผ่านมานายวิจิตรก็ได้มีการนั่งเป็นกรรมการในบจ.มานานแล้ว
ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีการห้ามไม่ให้บอร์ดก.ล.ต.ไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียน แต่อยู่ที่ตัวบุคคลที่จะต้องมีการปฏิบัติตนให้เหมาะสม รักษาภาพลักษณ์องค์ ให้มีความน่าเชื่อถือและได้รับความเชื่อมั่นต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง โปร่งใส หากมีการห้ามไม่ให้กรรมการ ก.ล.ต.ไปนั่งเป็นกรรมการบจ.นั้นถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิจิตรถือเป็นประธานกรรมการ ก.ล.ต.คนแรกที่มาจากกระบวนการสรรหาประธาน ก.ล.ต. หลังจากมีการแก้ไขกฎหมาย ก.ล.ต.ในปี2551ที่แก้ไข ห้ามไม่ให้ รมว.คลังเป็นประธานกรรมการ ก.ลต.โดยตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ องค์กร ก.ล.ต.ถูกอำนาจการเมืองเข้าครอบงำ หลังจากในอดีตที่ผ่านมา รมว.คลังจะได้นั่งเป็นประธาน ก.ล.ต.โดยตำแหน่งนับตั้งแต่มีองค์กร ก.ล.ต.เมื่อปี2535 และเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีพนักงาน ก.ล.ต.รวมตัวกันกดดันให้ผู้บริหารหรือกรรมการลาออก
**กรณ์ย้ำจิตสำนึกผู้บริหาร
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่พนักงานสำนักงานก.ล.ต.ประท้วงนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกเลือกให้เป็นประธานจะทำหน้าได้เกิดความบกพร่อง จนทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาและการแก้ไขกฏหมายคงต้องใช้เวลาพอควร ซึ่งทางสำนักงานเองอาจจะกำหนดเป็นข้อห้ามเพื่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนได้ แต่จริงแล้วประเด็นที่สำคัญ ไม่ได้อยู่ที่การแก้ไขกฏหมาย หรือมีข้อห้ามเพิ่มเติม แต่อยู่ที่คนมารับตำแหน่งควรจะมีจิตสำนึก สิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ
นายบี เตชะอุบล อดีตผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีชื่อตนเองเข้าไปผันผวนถึงการเทคโอเวอร์กิจการของ บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)นั้น เรื่องดังกล่าวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าตนทำเพียงรับประสานให้กองทุนต่างประเทศ และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TTA ส่วนหนึ่งซึ่งไม่พอใจในการดำเนินงานของคณะผู้บริหารชุดปัจจุบัน เพื่อเข้าพบกับผู้บริหารของTTA เท่านั้น
“ผมไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากรู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้บริหารกองทุน Atlas Holding Limited (Atlas) และผู้ถือหุ้นรายย่อย TTA บางราย ที่ไม่พอใจและต้องการพูดคุยกับผู้บริหาร TTA ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับการตอบรับ จึงได้หารือกับนายวีระ มานะคงตรีชีพในฐานะผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งได้แนะนำให้รู้จักนายวิจิตร สุพินิจ และเห็นว่าด้วยฐานะประธาน ก.ล.ต. น่าจะช่วยประสานให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้”
ขณะเดียวกันที่มีข่าวว่า นายวิจิตร จะเข้านั่งเป็นประธานกรรมการบริษัท TTA นั้นยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นเพียงแนวความคิดของกองทุนต่างชาติที่ต้องการแก้ไขการบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบัน จึงเสนอว่าอยากให้นายวิจิตร เข้ามามีส่วนร่วม แต่เรื่องดังกล่าวนายวิจิตรได้ปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว และยืนยันจะทำหน้าที่เพียงการประสานงานให้ผู้ถือหุ้นพบกับผู้บริหารเท่านั้น และไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้บริหารTTA จึงเอาเรื่องไม่จริงออกมาให้ข่าว
โดยสาเหตุที่นักลงทุนรายย่อยและกองทุนต่างชาติไม่พอใจในTTA คือการีบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบันว่าทำอะไรกันอยู่ เพราะจากที่บริหารงานมา 6 ปี แต่กลับทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทลดลงจาก 30,000 ล้านบาท เหลือ 15,000 ล้านบาท เงินสดในมือที่เคยมีสูงถึง 22,000 ล้านบาท ลดเหลือ 5,000 ล้านบาท และในปี 52-53 แม้กำไรของบริษัทลดลง 70% แต่กลับพบว่ามีการปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่ผู้จัดการและผู้บริหาร 8 คน จาก 35 ล้านบาท เป็น 72 ล้านบาท
“ทีเวลารายย่อยเรียกร้อง กลับวิ่งไปหาก.ล.ต.-ตลท.ให้ตรวจสอบ คุณปิดบุ๊คแล้วก็น่าจะรู้ว่ารายย่อย 75 คนนั้นเป็นใครบ้าง ดูรายชื่อก็รู้ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารงานแบบครอบครัว ครอบครัวตัวเองถือหุ้นแค่4ล้านหุ้น แต่กลับมาควบคุมบริษัท แต่ผู้ถือหุ้นและเป็นเจ้าของTTA คนอื่นๆมีถึง 22,000 คน”
นายบี กล่าวเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ตนบริหารธุรกิจหลักทรัพย์ เพียง 2-3ปีก็สามารถปรับปรุงให้ธุรกิจกลับมามีกำไรได้ แต่ผู้บริหารของTTA กลับบอกว่าต้องใช้เวลา5-6ปีกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม มันเป็นเรื่องที่ตลกตลกไปหน่อย อีกทั้งการให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น แม้ในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ไม่ยอมให้ข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ลุกขึ้นถาม กลับให้ทีมงานของตนเองบอกปัดอ้างว่าไม่มีเวลา ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่รู้ว่าผู้บริหารของบริษัททำอะไรกันอยู่ และในการประชุมดังกล่าวผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่าครึ่งไม่พอใจการตอบคำถาม จนถึงออกจากห้องประชุมไปกว่าครึ่ง
“ตอนนี้ผมซื้อหุ้นTTA แล้ว 100 ร้อยหุ้น ผมจะใช้สิทธิ์ของผมถามในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหน้า เขาทำแบบนี้ ทำกับผู้ใหญ่ที่เป็นถึงผู้บริหารระดับนี้ เคยเป็นถึงผู้ว่าแบงก์ชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร TTA พูดฝ่ายเดียว ทำเหมือนมีอะไร และมีการเปลี่ยนประเด็นที่ได้พูดคุย ที่ผ่านมาผู้บริหารอ้างว่ามีการเข้ามาเทคโอเวอร์ ถูกกลั่นแกล้ง คุณวิจิตรมาเพราะเป็นตัวแทนรายย่อยที่ไม่พอใจการทำงานของผู้บริหาร เพราะเห็นว่ามีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้น" นายบี กล่าว
พร้อมกันนี้ นายบีเชื่อว่า ทางผู้บริหาร TTA จะต้องดิ้นรนในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า การที่สื่อต่างชาตินำเสนอข่าวกรณีปัญหาของ TTA แสดงว่ามีผู้สนใจเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ส่วนผลกระทบต่อความเขื่อมั่นและน่าเชื่อถือของตลาดหุ้นไทยนั้น เรื่องดังกล่าวจะต้องพิสูจน์และตรวจสอบต่อไป พร้อมยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีใหม่ ซึ่งจะต้องมีการปรับตัวและหาแนวทางแก้ไขเพื่อรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
**วิจิตรลาออกพนง.ก.ล.ต.ประท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวิจิตร สุพินิจ ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพยื (ก.ล.ต.) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน หลังถูกแรงกดดันจากพนักงาน ก.ล.ต. ที่ได้รวบรวมรายชื่อและรวมตัวกันแต่งชุดดำชุมนุมหน้าสำนักงาน บนนถนนวิทยุ เพื่อเรียกร้องให้นายวิจิตร ลาออกจากตำแหน่งก่อนจะครบวาระในวันที่ 13 กรกฎาคม นี้ หลังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารบมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กับกลุ่มผู้ถือหุ้น TTA ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ในการเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นกลาง โดยถือว่าเป็นครั้งแรกที่พนักงานก.ล.ต.รวมตัวกันเรียกร้องให้ประธานกรรมการก.ล.ต.ลาออก
ทั้งนี้จากการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด)ก.ล.ต.ในวานนี้(2 มิ.ย.)ได้มอบหลายให้ทางคณะกรรมการตรวจสอบไปพิจารณา 2 ประเด็น คือ จะต้องมีการห้ามไม่ให้บอร์ดก.ล.ต.ไปดำรงตำแหน่งในบริษัทในบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ และ ต้องมีการปรับแนวทางธรรมาภิบาลและจรรยาบรรณก.ล.ต.ให้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไปหรือไม่ในอนาคต เพื่อนำเรื่องดังกล่าวมาเสนอบอร์ดก.ล.ต.ต่อไป
นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. กล่าวว่า นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้แจ้งว่านายวิจิตรได้โทรศัพท์แจ้ง ว่าจะมีการลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ก.ล.ต. และเตรียมที่จะส่งแฟ็กซ์หนังสือลาออกอย่างเป็นทางการมาทันที โดยนายธีระชัยให้ตนมาแจ้งให้พนักงานที่ชุมนุมอยู่รับทราบ โดยประเด็นที่ทำให้นายวิจิตรมีการลาออกนั้น ส่วนหนึ่งจากการที่พนักงานมีการชุมนุมกัน โดยส่วนตัวอยากให้มีการแยกองค์กรกับตัวบุคคลออกจากกัน โดยและผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในก.ล.ต.ก็ต้องมีความระมัดระวังในการทำหน้าที่
ด้านพนักงานก.ล.ต.กล่าวว่า การรวมตัวของพนักงานต้องการให้นายวิจิตร ลาออกจากตำแหน่งประธานก.ล.ต. เพราะ นายวิจิตรได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของบริษัท TTA ในการแย่งอำนาจในการบริหารบริษัท โดยที่นายวิจิตร ไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัทดังกล่าว ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ก.ล.ต.ที่มีความเป็นกลางนั้น มีท่าทีเลือกข้าง ซึ่งในฐานะก.ล.ต.นั้นเป็นองค์กรกำกับดูแลไม่ควรที่จะเลือกข้าง ทำให้การกระทำของนายวิจิตรนั้นไม่เหมาะสม ไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายวิจิตรไปนั่งเป็นกรรมการบจ.เพราะ ที่ผ่านมานายวิจิตรก็ได้มีการนั่งเป็นกรรมการในบจ.มานานแล้ว
ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีการห้ามไม่ให้บอร์ดก.ล.ต.ไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียน แต่อยู่ที่ตัวบุคคลที่จะต้องมีการปฏิบัติตนให้เหมาะสม รักษาภาพลักษณ์องค์ ให้มีความน่าเชื่อถือและได้รับความเชื่อมั่นต่อบุคคลทั่วไปว่าเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง โปร่งใส หากมีการห้ามไม่ให้กรรมการ ก.ล.ต.ไปนั่งเป็นกรรมการบจ.นั้นถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิจิตรถือเป็นประธานกรรมการ ก.ล.ต.คนแรกที่มาจากกระบวนการสรรหาประธาน ก.ล.ต. หลังจากมีการแก้ไขกฎหมาย ก.ล.ต.ในปี2551ที่แก้ไข ห้ามไม่ให้ รมว.คลังเป็นประธานกรรมการ ก.ลต.โดยตำแหน่ง เพื่อไม่ให้ องค์กร ก.ล.ต.ถูกอำนาจการเมืองเข้าครอบงำ หลังจากในอดีตที่ผ่านมา รมว.คลังจะได้นั่งเป็นประธาน ก.ล.ต.โดยตำแหน่งนับตั้งแต่มีองค์กร ก.ล.ต.เมื่อปี2535 และเป็นครั้งแรกที่เกิดกรณีพนักงาน ก.ล.ต.รวมตัวกันกดดันให้ผู้บริหารหรือกรรมการลาออก
**กรณ์ย้ำจิตสำนึกผู้บริหาร
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่พนักงานสำนักงานก.ล.ต.ประท้วงนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกเลือกให้เป็นประธานจะทำหน้าได้เกิดความบกพร่อง จนทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาและการแก้ไขกฏหมายคงต้องใช้เวลาพอควร ซึ่งทางสำนักงานเองอาจจะกำหนดเป็นข้อห้ามเพื่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนได้ แต่จริงแล้วประเด็นที่สำคัญ ไม่ได้อยู่ที่การแก้ไขกฏหมาย หรือมีข้อห้ามเพิ่มเติม แต่อยู่ที่คนมารับตำแหน่งควรจะมีจิตสำนึก สิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ