เอเจนซีส์ – การเปลี่ยนไปกินอาหารอินทรีย์อาจทำให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรงและหุ่นดีขึ้น
ผักผลไม้ที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีมีสารอาหารสำคัญมากกว่า เช่น วิตามินซี
ผลลัพธ์คือ การกินอาหารออร์แกนิกอาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 25 วันสำหรับผู้ชาย และ 17 วันสำหรับผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่า บางคนอาจโชคดีได้ประโยชน์จากอาหารประเภทนี้มากกว่านี้อีก คืออายุยืนขึ้นเป็นหลายๆ เดือนหรือกระทั่ง 5 ปีขึ้นไป
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ในอังกฤษ ระบุว่า การกินอาหารอินทรีย์มีแนวโน้มทำให้สุขภาพโดยทั่วไปดีขึ้น เพิ่มสารประกอบที่กระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วน
นักวิจัยของนิวคาสเซิลได้ศึกษาทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการที่พบในอาหารอินทรีย์ฉบับหลังๆ มานี้ และพบว่าผักผลไม้ที่เติบโตโดยปลอดสารเคมี มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ที่สุดที่เรียกว่าสารประกอบทุติยภูมิและวิตามินซีมากกว่า
ว่ากันว่าสารประกอบทุติยภูมิช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย
สารดังกล่าวมีอาทิ ฟีโนลิก, แทนนิน, ฟลาโวโนน, แคโรทีนอยด์ และเรสเวอราโทลที่ทำหน้าที่เผาผลาญไขมัน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยป้องกันมะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ
งานศึกษาหลายฉบับพิสูจน์ให้เห็นว่า อาหารอินทรีย์มีสารประกอบทุติยภูมิมากกว่าอาหารทั่วไป 12% และมีวิตามินซีมากกว่า 6%
นักวิจัยยังประเมินผลในเรื่องการส่งเสริมอายุยืนยาว ถ้าหากเปลี่ยนไปกินอาหารออร์แกนิกในปริมาณเท่ากับที่กินอาหารปกติ
ดร.เคอร์สเทน แบรนต์ อาจารย์อาวุโสด้านคุณภาพอาหารและสุขภาพ และเป็นผู้นำการวิจัยคราวนี้ กล่าวว่าตัวเลขที่พบ บ่งชี้ ‘การคาดการณ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด’ โดยอิงอยู่กับข้อมูลที่มี ทั้งนี้มีบางคนอาจอายุยืนขึ้นไม่มากนัก แต่บางคนอาจอายุยืนยาวขึ้นอีกอย่างน้อย 5 ปี
แม้ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนับสนุนอาหารอินทรีย์และมองว่า สุขภาพที่ดีขึ้นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าประเภทนี้ เช่นเดียวกับการลดการใช้สารเคมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสัตว์ และการปรัปปรุงการเกษตร แต่ในทางกลับกัน ข้อสรุปนี้ดูเหมือนท้าทายสำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ (เอฟเอสเอ)
ปี 2009 เอฟเอสเอเผยแพร่งานวิจัยที่ระบุว่า อาหารอินทรีย์ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารปกติมากมายนัก
ทั้งนี้ สำหรับงานวิจัยของนิวคาสเซิลจะตีพิมพ์อยู่ในวารสารคริติคัล รีวิวส์ อิน แพลนท์ ไซนส์ฉบับต่อไป
ผักผลไม้ที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีมีสารอาหารสำคัญมากกว่า เช่น วิตามินซี
ผลลัพธ์คือ การกินอาหารออร์แกนิกอาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยยืนยาวขึ้น 25 วันสำหรับผู้ชาย และ 17 วันสำหรับผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่า บางคนอาจโชคดีได้ประโยชน์จากอาหารประเภทนี้มากกว่านี้อีก คืออายุยืนขึ้นเป็นหลายๆ เดือนหรือกระทั่ง 5 ปีขึ้นไป
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ในอังกฤษ ระบุว่า การกินอาหารอินทรีย์มีแนวโน้มทำให้สุขภาพโดยทั่วไปดีขึ้น เพิ่มสารประกอบที่กระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมัน จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วน
นักวิจัยของนิวคาสเซิลได้ศึกษาทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับโภชนาการที่พบในอาหารอินทรีย์ฉบับหลังๆ มานี้ และพบว่าผักผลไม้ที่เติบโตโดยปลอดสารเคมี มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ที่สุดที่เรียกว่าสารประกอบทุติยภูมิและวิตามินซีมากกว่า
ว่ากันว่าสารประกอบทุติยภูมิช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย
สารดังกล่าวมีอาทิ ฟีโนลิก, แทนนิน, ฟลาโวโนน, แคโรทีนอยด์ และเรสเวอราโทลที่ทำหน้าที่เผาผลาญไขมัน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยป้องกันมะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ
งานศึกษาหลายฉบับพิสูจน์ให้เห็นว่า อาหารอินทรีย์มีสารประกอบทุติยภูมิมากกว่าอาหารทั่วไป 12% และมีวิตามินซีมากกว่า 6%
นักวิจัยยังประเมินผลในเรื่องการส่งเสริมอายุยืนยาว ถ้าหากเปลี่ยนไปกินอาหารออร์แกนิกในปริมาณเท่ากับที่กินอาหารปกติ
ดร.เคอร์สเทน แบรนต์ อาจารย์อาวุโสด้านคุณภาพอาหารและสุขภาพ และเป็นผู้นำการวิจัยคราวนี้ กล่าวว่าตัวเลขที่พบ บ่งชี้ ‘การคาดการณ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด’ โดยอิงอยู่กับข้อมูลที่มี ทั้งนี้มีบางคนอาจอายุยืนขึ้นไม่มากนัก แต่บางคนอาจอายุยืนยาวขึ้นอีกอย่างน้อย 5 ปี
แม้ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนับสนุนอาหารอินทรีย์และมองว่า สุขภาพที่ดีขึ้นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าประเภทนี้ เช่นเดียวกับการลดการใช้สารเคมี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสัตว์ และการปรัปปรุงการเกษตร แต่ในทางกลับกัน ข้อสรุปนี้ดูเหมือนท้าทายสำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ (เอฟเอสเอ)
ปี 2009 เอฟเอสเอเผยแพร่งานวิจัยที่ระบุว่า อาหารอินทรีย์ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารปกติมากมายนัก
ทั้งนี้ สำหรับงานวิจัยของนิวคาสเซิลจะตีพิมพ์อยู่ในวารสารคริติคัล รีวิวส์ อิน แพลนท์ ไซนส์ฉบับต่อไป