xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัล”ทุ่มหมื่นล.เทคโอเวอร์ห้างอิตาลี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “ซีอาร์ซี” ทุ่ม 10,000 ล้านบาท ชนะประมูลซื้อกิจการห้างลารีนาเซนเต อิตาลี ชี้เป็นโอกาสการสร้างฐานธุรกิจต่างประเทศ เตรียมขยายเพิ่มอีก 2 สาขา พร้อมดันออกนอกอิตาลี ลั่นรายได้รวมปีนี้ทะลุ 230,000 ล้านบาท

นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ทางกลุ่มซีอาร์ซียังคงสร้างการเติบโตด้วยนโยบายการขยายธุรกิจโดยการซื้อหรือควบรวมกิจการ (Mergers & Acquistions) เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งปีนี้มีวงเงินสำรองไว้ถึง 30,000 ล้านบาท ในการซื้อกิจการและควบรวม
ล่าสุดซีอาร์ซีได้เข้าซื้อกิจการห้างลารีนาเซนเต (La Rinascente) ในอิตาลี จากเจ้าของเดิมคือกองทุนแห่งหนึ่ง ด้วยมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท หรือ 260 ล้านยูโรและได้เซ็นสัญญาชำระเงินกันไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าของเดิมเป็นกองทุนฯที่ซื้อมาขายไปที่เข้ามาซื้อกิจการเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว และได้ทำการปรับปรุง กระทั่งเปิดประมูลขายในที่สุดเพื่อทำกำไร
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ทางกลุ่มซีอาร์ซีได้ยื่นประมูลในวงเงิน 220 ล้านยูโร ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 250 ล้านยูโร และเพิ่มเป็น 260 ล้านยูโรในครั้งสุดท้าย นอกจากนั้น ยังต้องรับภาระหนี้สินเดิมของห้างอีกส่วนหนึ่งด้วยคาดว่ามีประมาณ 50 ล้านยูโร และเป็นการซื้อสิทธิ์ตัวแบรนด์และกิจการแต่ไม่ได้ในแง่ทรัพย์สินเพราะเป็นพื้นที่เช่า
การเข้าซื้อกิจการห้างลารีเซนเตครั้งนี้จะเป็นการสร้างรายได้เติบโตอย่างมาก โดยคาดว่าปีนี้ยอดขายรวมซีอาร์ซี ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากลารีเซนเตประมาณ 15% และเมื่อรวมกับการที่บิ๊กซีเข้าซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในไทยก่อนหน้านี้แล้วจะส่งผลให้ซีอารณ์ซีมีรายได้สิ้นปีนี้ประมาณ 230,000 ล้านบาทด้วย โดยครึ่งปีแรกซีอาร์ซ๊มีรายได้เติบโต 10%
สำหรับห้างลารีเซนเตนี้ เป็นห้างใหญ่ที่สุดในอิตาลี มีอายุกว่า 150 ปี มีสาขารวม 11 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 50,000 ตารางเมตร กระจายตามเมืองสำคัญในอิตาลีคือ มิลาน มอนซา แพดัว ตูริน เจนัว ฟลอเรนซ์ กาลนารี ปาแลร์โม คาตาเนีย และโรม 2 สาขา โดยมีสาขาที่เมืองมิลานเป็นแฟลกชิปสโตร์ มียอดขายในปี 2553 ประมาณ 350 ล้านยูโรหรือประมาณ 15,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาขนาดใหญ่ที่เมืองโรม ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนด้านเรียลเอสเตทด้วย และ เวนิซ ซึ่งอาจจะเป็นการเช่าลงทุนระดับ 1,000 กว่าล้านบาท แต่ทั้งนี้ยังไม่สรุป ซึ่งหากทำได้ตามแผนงานแล้ว ภายใน 3-5 ปีจากนี้ จะทำให้บริษัทฯสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 8 ปีจากการซื้อกิจการครั้งนี้
“ดีลนี้เราสนใจและเริ่มกันมาปีกว่าแล้ว ถือว่าเป็นดีลที่ไม่ใหญ่มาก ระดับกลางๆมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพราะสมัยนี้คนไทยไปซื้อกิจการหรือเทคโอเวอร์ในต่างประเทศมากมาย มูลค่ามากกว่านี้ก็ยังมี การที่เราได้ลารีเซนเตมาอยุ่ในมือ ทำให้เราสามารถขยายงานในระดับโลกได้มากขึ้น” นายทศกล่าว
สาเหตุที่ซื้อกิจการห้างลารีเซนเตครั้งนี้เพราะว่า ต้องการสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งในต่างประเทศ เป็นการสร้างเครือข่ายซึ่งส่วนหนึ่งจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทยมีโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจต่างประเทศได้ด้วย โดยผ่านทางซีอาร์ซี อีกทั้งที่มิลานนี้ถือเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลกด้วย มีนักท่องเที่ยวมามิลานมากกว่า 22 ล้านคนต่อปี ซึ่งเราต้องการสร้างลารีเซนเตให้เป็นโกลบอลแบรนด์ด้วย และขยายในต่างประเทศอีก และที่สำคัญช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ห้างลารีเซนเตนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับแบรนกด์สินค้าแฟชั่นและดีไซน์ ทั้งของอิตาลีและนานาชาติ เราจึงมองว่าความสัมพันธ์ที่ดีเหล่านั้น จะเป็นประโยชน์กับการขยายตลาดใหม่ๆ รวมถึงการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เหล่านั้นจากทั้งอิตาลีและนอกประเทศได้
สำหรับผู้บริหารหลักยังคงอยู่ร่วมงานกับลารีเซนเตหลังจากที่ซีอาร์ซีเข้าซื้อกิจการเช่น นายวิททอริโอ ราดิเซ ซีอีโอ ผู้มีประสบการณ์ค้าปลีกทั่วโลก 20 ปี เช่น ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดจส์ที่ประเทศอังกฤษ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และกรรมการผู้จัดการ ฮาบิแทตอินเตอร์เนชั่นนแล เป็นต้น ส่วนอีกรายคือ นายอัลเบอร์โต้ บัลดัน กรรมการผู้จัดการที่ร่วมงานกับลารีเซนเตตั้งแต่ปี 2512 เคยเป็นกรรมการผุ้จัดการบริษัท คอนฟอร์มาที่อิตาลี และมีประสบการณ์ค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตกว่า 10 ปี
ปัจจุบันหลังจากการซื้อกิจการแล้วส่งผลให้ซีอาร์ซีมีห้างสรรพสินค้ารวม 4 แบรนด์ คือ เซ็นทรัล เซน โรบินสัน และลารีเซนเต ซึ่งยังไม่นับรวมบิสซิเนสยูนิตอื่นๆอีกหลายแบรนด์ทั้ง บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต ออฟฟิศดีโป ท็อปส์ เป็นต้น
การบุกตลาดต่างประเทศของเรา ก็คงดูความเหมาะสมแต่ละโอกาส และพื้นที่ว่าจะนำแบรนด์อะไรไปลงทุน ซึ่งที่จีนเราก็นำ เซ็นทรัลไปลงทุนแล้ว และเตรียมจะเปิดห้างเซนอีก แต่แบรนด์ลารีเซนเตคงเน้นที่ยุโรป อเมริกา แอฟริกา เป็นหลัก
นายทศกล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ภาคธุรกิจมองเรื่องการปรองดองเป็นหลัก ถ้าหากทำได้ประเทศจะเดินหน้าอีกไกล และสิ่งที่สำคัญควรพัฒนาเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เน้นคนระดับล่าง เพราะถ้าทำตรงนี้ได้ ทุกอย่างก็จะดีหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น