ตาก- “บรรพต” เปิดวิสัยทัศน์ เดินหน้า พัฒนาเศรษฐกิจชายแดนนครแม่สอด หลังรับตำแหน่งประธานหอฯตาก อีกสมัย วางเข็มมุ่งดัน 6 โครงการใหญ่หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะที่กลุ่มสมาชิกหอฯฝั่งอำเภอเมือง กลับออกหน้าค้าน
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงวิสัยทัศน์ในการเข้ามารับตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตาก สมัยที่ 2 ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดตาก ว่า จะเดินหน้าเร่งพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดตาก 6 ด้าน คือ 1. เร่งให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว 2.เร่งรัดให้รัฐบาลไทยและพม่า เจรจา เปิดด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี และสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ให้เร็วที่สุดเพื่อให้มีการค้าขายชายแดนและการเพิ่มมูลค่าการค้า
3.ติดตามและเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนโครงการการก่อสร้างถนนในพม่า เชื่อมระหว่างแม่สอด-เมียวดี-กอกาเรก เพื่อเป็นเส้นทางการค้า-การท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ รองรับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจอีสต์เวสต์ อีโคโนมิก คอริดอร์ (EWEC) 4.เปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนที่พรมแดนแม่สอด 5.ผลักดันโครงการถนน 4 เลน ตาก-แม่สอด มีการเจาะอุโมงค์- ลดระยะทาง ลดเวลาเพื่อการขนส่ง และระบบลอจิสติกส์ รองรับ EWEC และ 6.สร้างนครแม่สอด เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน และเชื่อมระบบลอจิสติกส์
“ตั้งแต่ผมได้เข้ามารับตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตาก มาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแม่สอดมาโดยตลอด ทั้งการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน-การพัฒนาระบบลอจิสติกส์-การผลักดันให้เกิดเขต เศรษฐกิจชายแดนแม่สอด-การผลักดันโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 และการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เพื่อพัฒนาให้แม่สอด เป็นโมเดลเมืองเศรษฐกิจชั้นนำในภูมิภาค” ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า หอการค้าจังหวัดตาก ได้จัดประชุมให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ภายหลังชุดเดิมหมดวาระ และที่ประชุมคณะกรรมการและสมาชิกหอการค้าจังหวัดตาก ได้มีมติเอกฉันท์เลือกนายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดเป็นประธานต่ออีก 1 สมัย เนื่องจากเห็นว่านายบรรพต มีผลงานและสร้างผลงานที่โดดเด่นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า-การลงทุน ในพื้นที่ชายแดน อย่างดีมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตากสมัยที่ 2 ของเขาครั้งนี้ ก็ถูกคณะกรรมการและสมาชิก หอการค้าตาก ฝั่ง อ.เมืองตาก-บ้านตาก และ อ.สามเงา นำโดยนายชวพันธ์ ชวเจริญพันธ์ และนายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก ออกมาคัดค้าน
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงวิสัยทัศน์ในการเข้ามารับตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตาก สมัยที่ 2 ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดตาก ว่า จะเดินหน้าเร่งพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของจังหวัดตาก 6 ด้าน คือ 1. เร่งให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว 2.เร่งรัดให้รัฐบาลไทยและพม่า เจรจา เปิดด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี และสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ให้เร็วที่สุดเพื่อให้มีการค้าขายชายแดนและการเพิ่มมูลค่าการค้า
3.ติดตามและเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนโครงการการก่อสร้างถนนในพม่า เชื่อมระหว่างแม่สอด-เมียวดี-กอกาเรก เพื่อเป็นเส้นทางการค้า-การท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ รองรับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจอีสต์เวสต์ อีโคโนมิก คอริดอร์ (EWEC) 4.เปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนที่พรมแดนแม่สอด 5.ผลักดันโครงการถนน 4 เลน ตาก-แม่สอด มีการเจาะอุโมงค์- ลดระยะทาง ลดเวลาเพื่อการขนส่ง และระบบลอจิสติกส์ รองรับ EWEC และ 6.สร้างนครแม่สอด เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน และเชื่อมระบบลอจิสติกส์
“ตั้งแต่ผมได้เข้ามารับตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตาก มาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแม่สอดมาโดยตลอด ทั้งการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน-การพัฒนาระบบลอจิสติกส์-การผลักดันให้เกิดเขต เศรษฐกิจชายแดนแม่สอด-การผลักดันโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 และการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ เพื่อพัฒนาให้แม่สอด เป็นโมเดลเมืองเศรษฐกิจชั้นนำในภูมิภาค” ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า หอการค้าจังหวัดตาก ได้จัดประชุมให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ภายหลังชุดเดิมหมดวาระ และที่ประชุมคณะกรรมการและสมาชิกหอการค้าจังหวัดตาก ได้มีมติเอกฉันท์เลือกนายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดเป็นประธานต่ออีก 1 สมัย เนื่องจากเห็นว่านายบรรพต มีผลงานและสร้างผลงานที่โดดเด่นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า-การลงทุน ในพื้นที่ชายแดน อย่างดีมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ในการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดตากสมัยที่ 2 ของเขาครั้งนี้ ก็ถูกคณะกรรมการและสมาชิก หอการค้าตาก ฝั่ง อ.เมืองตาก-บ้านตาก และ อ.สามเงา นำโดยนายชวพันธ์ ชวเจริญพันธ์ และนายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดตาก ออกมาคัดค้าน
