วานนี้(17 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ผู้ประกอบการฮัจญ์ นำโดยนายกมล ทองคำวงศ์ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการฮัจญ์ภาคกลาง และนายอิสมาแอ สามะ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการฮัจญ์ภาคใต้ เข้ายื่นหนังสือต่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองประธานคณะกรรมการประสานงานภาคใต้ พรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาการเรียกเก็บเงินค้ำประกันกับผู้แสดงความจำนงแสวงบุญจำนวนรายละ 5 หมื่นบาท
นายกมล กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการฮัจญ์มีความคาดหวังต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งวันนี้เกิดปัญหาการที่ประเทศซาอุดีอาระเบียปรับลดโควต้าผู้แสวงบุญชาวไทย พวกตนได้นำกรณีดังกล่าวเข้าปรึกษาหารือกับคณะส่งเสริมกิจการฮัจญ์ และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ที่ผ่านมาได้มีการเรียกผู้ประกอบการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งไม่ได้มีแนวทางแก้ไขใดๆ เกิดขึ้น แต่กระทรวงวัฒนธรรมกลับเรียกเก็บเงินค้ำประกันคนละ 5 หมื่นบาท
“ก่อนที่ผู้ประกอบการฮัจท์มาพรรคเพื่อไทยเราได้หารือเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับกิจการฮัจท์ ที่ผ่านมาเหมือนกิจการถูกวางไว้ข้างนอก และเมื่อเราทราบว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนการเดินทางของคนมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจน์ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกิจการฮัจท์ผู้ประกอบการได้นำปัญหาเสนอต่อรัฐบาลปัจจุบัน เราได้พยามประชุมและพบกับรัฐมนตรีวัฒนธรรมหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง กลับเรียกเงินค้ำประกัน5หมื่นบาทแทน”
ทั้งนี้ ในการเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ต้องการแสวงบุญได้วางเงิน 5 หมื่นบาท จำนวนถึง 22,640 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท แต่โควต้ามีเพียง 12,800 คน ทำให้ไม่ทราบว่าใครจะได้เดินทางหรือไม่ได้เดินทาง ปัญหาในส่วนนี้คณะส่งเสริมกิจการฮัจญ์ได้ให้ผู้ประกอบการไปแก้ไขกันเอง ดังนั้น การใช้เงินค้ำประกันจึงไม่ใช่การแก้ไขปัญหารังแต่จะเพิ่มปัญหามากขึ้น นอกจากนี้ ขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการขอโควต้าจากประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มจำนวน 7,000 พันคนด้วย เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้แสวงบุญ
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นใครถ้าพบปัญหา มีความเดือดร้อน เสียงของทุกคนมีความหมาย พรรคเพื่อไทยยินดีรับฟังและพร้อมสนับสนุนทุกศาสนา ซึ่งข้อเสนอที่กลุ่มผู้ประกอบการฮัจญ์มีในวันนี้ขอรับไว้
จากนั้นกลุ่มผู้ประกอบกิจการฮัทจ์ได้มอบหนังสือต่อนายณัฐวุฒิเพื่อที่จะได้นำไปช่วยเหลือแก้ปัญหาต่อไปหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในอนาคต
นายกมล กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการฮัจญ์มีความคาดหวังต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งวันนี้เกิดปัญหาการที่ประเทศซาอุดีอาระเบียปรับลดโควต้าผู้แสวงบุญชาวไทย พวกตนได้นำกรณีดังกล่าวเข้าปรึกษาหารือกับคณะส่งเสริมกิจการฮัจญ์ และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ที่ผ่านมาได้มีการเรียกผู้ประกอบการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งไม่ได้มีแนวทางแก้ไขใดๆ เกิดขึ้น แต่กระทรวงวัฒนธรรมกลับเรียกเก็บเงินค้ำประกันคนละ 5 หมื่นบาท
“ก่อนที่ผู้ประกอบการฮัจท์มาพรรคเพื่อไทยเราได้หารือเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวกับกิจการฮัจท์ ที่ผ่านมาเหมือนกิจการถูกวางไว้ข้างนอก และเมื่อเราทราบว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนการเดินทางของคนมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจน์ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกิจการฮัจท์ผู้ประกอบการได้นำปัญหาเสนอต่อรัฐบาลปัจจุบัน เราได้พยามประชุมและพบกับรัฐมนตรีวัฒนธรรมหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง กลับเรียกเงินค้ำประกัน5หมื่นบาทแทน”
ทั้งนี้ ในการเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ต้องการแสวงบุญได้วางเงิน 5 หมื่นบาท จำนวนถึง 22,640 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท แต่โควต้ามีเพียง 12,800 คน ทำให้ไม่ทราบว่าใครจะได้เดินทางหรือไม่ได้เดินทาง ปัญหาในส่วนนี้คณะส่งเสริมกิจการฮัจญ์ได้ให้ผู้ประกอบการไปแก้ไขกันเอง ดังนั้น การใช้เงินค้ำประกันจึงไม่ใช่การแก้ไขปัญหารังแต่จะเพิ่มปัญหามากขึ้น นอกจากนี้ ขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการขอโควต้าจากประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มจำนวน 7,000 พันคนด้วย เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้แสวงบุญ
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นใครถ้าพบปัญหา มีความเดือดร้อน เสียงของทุกคนมีความหมาย พรรคเพื่อไทยยินดีรับฟังและพร้อมสนับสนุนทุกศาสนา ซึ่งข้อเสนอที่กลุ่มผู้ประกอบการฮัจญ์มีในวันนี้ขอรับไว้
จากนั้นกลุ่มผู้ประกอบกิจการฮัทจ์ได้มอบหนังสือต่อนายณัฐวุฒิเพื่อที่จะได้นำไปช่วยเหลือแก้ปัญหาต่อไปหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในอนาคต
