วานนี้(11 พ.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลศูนย์อำนวยการศูนย์เลือกตั้งพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การจัดสรรตัวผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคจะส่งผู้สมัครระบบเขตไม่เกิน 250 เขต แต่เบื้องต้นมีความชัดเจนแล้ว 190 เขตส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อมีผู้เสนอตัวมาแล้วถึง 250 คน ทั้งนี้ คาดว่าพรรคจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เขตชัดเจนได้ ใกล้เคียงกับการเปิดตัวส.ส.บัญชีรายชื่อในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ทางพรรคได้กำหนดแนวทางในการปราศรัยใหญ่ โดยจะจัดขึ้นในบางจังหวัด อาทิ เชียงราย สุรินทร์ นครราชสีมา สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี ส่วนการรณรงค์หาเสียงในพื้นที่กทม. เพื่อรณรงค์ส.ส.บัญชีราชื่อนั้น จะนำโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ซึ่งจะมีการเดินรณรงค์หาเสียงย่านชุมนุม และย่านการค้าต่างๆ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เรียกตัวผู้สมัครของพรรคทั้ง 2 ระบบมา “มอร์นิ่งบรีฟ”กับแกนนำพรรค เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง รวมถึงทิศทางในการหาเสียงของพรรคในแต่ละพื้นที่เพราะมียุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ขณะที่ก่อนหน้านั้น ผู้สมัครอย่าง นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าพบนายเนวิน เพื่อนำหนังสือการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาแสดงให้นายเนวินรับทราบ พร้อมทั้งเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ เขต 3 จังหวัดสระบุรี
นายวัชรพงศ์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นรุ่นน้องนายเนวิน ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ และส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ แต่สาเหตุที่ย้ายคือต้องการทำงานให้มีเอกภาพในพื้นที่ ร่วมกับว่าที่ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีตส.ส.สระบุรี และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถคว้าส.ส.ได้ยกจังหวัดคือ 4 คน
รายงานระบุอีกว่า แกนนำกลุ่มมัชฌิมา อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างและภาคเหนือ ทั้งหมด 21 คน มีสโลแกนหาเสียงของภาคเหนือ ว่า “ทำการเมืองให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน” เช่น จ.สุโขทัย 4 เขต ประกอบไปด้วย นายประสาท ทองปากน้ำ นายเกียรติศักดิ์ ต้นประสงค์ นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล และนายมนู พุกประเสริฐ
ขณะที่นายสมยศ เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ในกลุ่มมัชฌิมา ที่ถูกนายเนวิน ไม่ส่งให้ลงเลือกตั้งในระบบเขต ก็อาจจะไปรับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยเมื่อเป็นรัฐบาล
มีรายงานในระหว่างการหารือนายเนวิน ระบุว่า หากในพื้นที่ไหนมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง นายเนวิน จะปรับยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ทั้งการจ่ายท่อน้ำเลี้ยงและการกำชับข้าราชการในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือ.
นอกจากนี้ ทางพรรคได้กำหนดแนวทางในการปราศรัยใหญ่ โดยจะจัดขึ้นในบางจังหวัด อาทิ เชียงราย สุรินทร์ นครราชสีมา สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี ส่วนการรณรงค์หาเสียงในพื้นที่กทม. เพื่อรณรงค์ส.ส.บัญชีราชื่อนั้น จะนำโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ซึ่งจะมีการเดินรณรงค์หาเสียงย่านชุมนุม และย่านการค้าต่างๆ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เรียกตัวผู้สมัครของพรรคทั้ง 2 ระบบมา “มอร์นิ่งบรีฟ”กับแกนนำพรรค เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง รวมถึงทิศทางในการหาเสียงของพรรคในแต่ละพื้นที่เพราะมียุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ขณะที่ก่อนหน้านั้น ผู้สมัครอย่าง นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าพบนายเนวิน เพื่อนำหนังสือการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาแสดงให้นายเนวินรับทราบ พร้อมทั้งเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ เขต 3 จังหวัดสระบุรี
นายวัชรพงศ์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นรุ่นน้องนายเนวิน ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ และส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ แต่สาเหตุที่ย้ายคือต้องการทำงานให้มีเอกภาพในพื้นที่ ร่วมกับว่าที่ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีตส.ส.สระบุรี และเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถคว้าส.ส.ได้ยกจังหวัดคือ 4 คน
รายงานระบุอีกว่า แกนนำกลุ่มมัชฌิมา อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างและภาคเหนือ ทั้งหมด 21 คน มีสโลแกนหาเสียงของภาคเหนือ ว่า “ทำการเมืองให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน” เช่น จ.สุโขทัย 4 เขต ประกอบไปด้วย นายประสาท ทองปากน้ำ นายเกียรติศักดิ์ ต้นประสงค์ นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล และนายมนู พุกประเสริฐ
ขณะที่นายสมยศ เฮงวาณิชย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ในกลุ่มมัชฌิมา ที่ถูกนายเนวิน ไม่ส่งให้ลงเลือกตั้งในระบบเขต ก็อาจจะไปรับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยเมื่อเป็นรัฐบาล
มีรายงานในระหว่างการหารือนายเนวิน ระบุว่า หากในพื้นที่ไหนมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง นายเนวิน จะปรับยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ทั้งการจ่ายท่อน้ำเลี้ยงและการกำชับข้าราชการในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือ.
