ASTVผู้จัดการรายวัน - “เคเอฟซี” เชือดไก่ให้พนักงานดู แจงไล่ระดับผู้จัดการเขต 3 คนออก อ้างทำผิดระเบียบของบริษัท โต้มีการพูดคุยถึงข้อเรียกร้องแล้ว เตรียมนำเข้าสู่แผนธุรกิจ เพื่อใช้พัฒนาสวัสดิการพนักงานต่อไป พร้อมลุยเท 1,000 ล้านบาท ขยายไม่ต่ำกว่า 26 สาขาในปีนี้
จากกรณี พนักงานระดับผู้จัดการเขต 3 คนของ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรานไก่ทอดเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทในไทย ได้ทำการเรียกร้องเปลี่ยนสภาพการจ้างงานต่อบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมใช้อีเมล์ของบริษัท อ้างตัวเป็นตัวแทนของกรรมการสวัสดิการลูกจ้างของยัมฯ ส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังพนักงานที่อยู่ระดับล่างลงมาให้เกิดการเข้าใจผิดซึ่งส่งผลให้ทั้ง 3 คนนี้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงานของยัมไปแล้วนั้น
นายมิลินท์ พันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เบื้องต้นทางทีมผู้บริหารได้มีการเรียกพนักงานทั้ง 3 คน เข้ามาพูดคุยถึงสิ่งที่ทั้ง 3 คนต้องการแล้ว พร้อมนำเอาความต้องการทั้ง 10 ข้อดังกล่าวเก็บไว้เป็นข้อมูลไว้ในแผนธุรกิจเพื่อใช้วางแผนการพัฒนาด้านสวัสดิการของพนักงานต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางบริษัทมีนโยบายในการเก็บข้อมูลความต้องการด้านสวัสดิการของพนักงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาให้มีสวัสดิการที่ดีและแข่งขันได้ในกลุ่มธุรกิจรูปแบบเดียวกัน ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มเงินรางวัลพิเศษสำหรับสาขาที่มียอดขายแต่ละเดือนสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเงินรางวัลพิเศษนี้จะมีให้ทั้งพนักงานพาร์ทไทม์และระดับผู้จัดการร้าน ขณะที่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ยังได้ปรับค่าแรงเพิ่มอีก 10% และล่าสุดในช่วงเดือนมิ.ย.ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทยังได้พิจารณาที่จะปรับฐานเงินเดือนของพนักงานประจำขึ้นอีก 4% จากปัจจุบันเงินเดือนของพนักงานพาร์ทไทม์ เฉลี่ยอยู่ที่ 6,500 บาท ต่อเดือน และพนักงานประจำอยู่ที่ 9,000-50,000 บาท ต่อเดือน ถือเป็นฐานเงินเดือนที่แข่งขันกับรายอื่นๆได้
ดังนั้นในแง่ของการเรียกร้องของการเปลี่ยนสภาพการจ้างทั้ง 10 ข้อ ที่อดีตพนักงาน 3 คนต้องการนั้น ทางบริษัทพร้อมยอมรับไว้เพื่อพิจารณา และการที่ต้องถูกให้ออกจากงานและพ้นจากสภาพการเป็นพนักงานนั้น เนื่องจากทั้ง 3 คน ได้ละเมิดต่อกฏระเบียบของบริษัท ในเรื่องของการใช้อีเมล์บริษัท ส่งข้อมูลที่ผิดไปจากความเป็นจริงส่งไปยังพนักงานในระดับตำแหน่งต่ำกว่าเพื่อให้เข้าใจข้อมูลที่ผิดๆ ทางบริษัทจึงต้องให้ออก
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 10 กว่าวันที่ผ่านมานี้ ทางบริษัทได้เรียกพบพนักงานแล้วกว่า 1,000 คนจากพนักงานทั้งหมดกว่า 10,000 คน ให้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าเชื่อในข้อมูลที่ได้รับ เนื่องจากทั้ง 3 คน อ้างตัวเป็นตัวแทนของทางกรรมการสวัสดิการลูกจ้างของบริษัท แต่หลังจากที่มีการพูดคุยกันแล้ว ต่างก็เข้าใจในข้อมูลจริงที่ถูกต้อง
นายมิลินท์ กล่าวว่า ยัม อยู่ในประเทศไทยมากกว่า 25 ปี โดยในส่วนของเคเอฟซี ก็อยู่และสร้างแบรนด์ในประเทศไทยมากกว่า 25 ปีเช่นกัน ที่ผ่านมาเคล็ดลับของความสำเร็จ คือ บุคลากร ดังนั้นทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับบุคคลากรมากที่สุด
ส่วนแผนลงทุนของเคเอฟซีในปีนี้ เตรียมงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรีโนเวทรูปแบบร้านใหม่ รวมถึงขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 26 สาขา จากปีก่อนขยายเพิ่ม 26 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันเคเอฟซีมีสาขารวม 415 สาขา เป็นของยัมฯ 325 สาขา ที่เหลือเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล เรสเทอรองตส์ กรุ๊ป โดยปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่าปีก่อน ที่มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2หลัก สูงกว่าค่าจีดีพีของประเทศที่ทำได้ 7-10% ในปีก่อน
จากกรณี พนักงานระดับผู้จัดการเขต 3 คนของ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรานไก่ทอดเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทในไทย ได้ทำการเรียกร้องเปลี่ยนสภาพการจ้างงานต่อบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมใช้อีเมล์ของบริษัท อ้างตัวเป็นตัวแทนของกรรมการสวัสดิการลูกจ้างของยัมฯ ส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังพนักงานที่อยู่ระดับล่างลงมาให้เกิดการเข้าใจผิดซึ่งส่งผลให้ทั้ง 3 คนนี้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงานของยัมไปแล้วนั้น
นายมิลินท์ พันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เบื้องต้นทางทีมผู้บริหารได้มีการเรียกพนักงานทั้ง 3 คน เข้ามาพูดคุยถึงสิ่งที่ทั้ง 3 คนต้องการแล้ว พร้อมนำเอาความต้องการทั้ง 10 ข้อดังกล่าวเก็บไว้เป็นข้อมูลไว้ในแผนธุรกิจเพื่อใช้วางแผนการพัฒนาด้านสวัสดิการของพนักงานต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางบริษัทมีนโยบายในการเก็บข้อมูลความต้องการด้านสวัสดิการของพนักงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาให้มีสวัสดิการที่ดีและแข่งขันได้ในกลุ่มธุรกิจรูปแบบเดียวกัน ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนธ.ค. ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มเงินรางวัลพิเศษสำหรับสาขาที่มียอดขายแต่ละเดือนสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเงินรางวัลพิเศษนี้จะมีให้ทั้งพนักงานพาร์ทไทม์และระดับผู้จัดการร้าน ขณะที่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ยังได้ปรับค่าแรงเพิ่มอีก 10% และล่าสุดในช่วงเดือนมิ.ย.ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทยังได้พิจารณาที่จะปรับฐานเงินเดือนของพนักงานประจำขึ้นอีก 4% จากปัจจุบันเงินเดือนของพนักงานพาร์ทไทม์ เฉลี่ยอยู่ที่ 6,500 บาท ต่อเดือน และพนักงานประจำอยู่ที่ 9,000-50,000 บาท ต่อเดือน ถือเป็นฐานเงินเดือนที่แข่งขันกับรายอื่นๆได้
ดังนั้นในแง่ของการเรียกร้องของการเปลี่ยนสภาพการจ้างทั้ง 10 ข้อ ที่อดีตพนักงาน 3 คนต้องการนั้น ทางบริษัทพร้อมยอมรับไว้เพื่อพิจารณา และการที่ต้องถูกให้ออกจากงานและพ้นจากสภาพการเป็นพนักงานนั้น เนื่องจากทั้ง 3 คน ได้ละเมิดต่อกฏระเบียบของบริษัท ในเรื่องของการใช้อีเมล์บริษัท ส่งข้อมูลที่ผิดไปจากความเป็นจริงส่งไปยังพนักงานในระดับตำแหน่งต่ำกว่าเพื่อให้เข้าใจข้อมูลที่ผิดๆ ทางบริษัทจึงต้องให้ออก
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 10 กว่าวันที่ผ่านมานี้ ทางบริษัทได้เรียกพบพนักงานแล้วกว่า 1,000 คนจากพนักงานทั้งหมดกว่า 10,000 คน ให้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าเชื่อในข้อมูลที่ได้รับ เนื่องจากทั้ง 3 คน อ้างตัวเป็นตัวแทนของทางกรรมการสวัสดิการลูกจ้างของบริษัท แต่หลังจากที่มีการพูดคุยกันแล้ว ต่างก็เข้าใจในข้อมูลจริงที่ถูกต้อง
นายมิลินท์ กล่าวว่า ยัม อยู่ในประเทศไทยมากกว่า 25 ปี โดยในส่วนของเคเอฟซี ก็อยู่และสร้างแบรนด์ในประเทศไทยมากกว่า 25 ปีเช่นกัน ที่ผ่านมาเคล็ดลับของความสำเร็จ คือ บุคลากร ดังนั้นทางบริษัทจึงให้ความสำคัญกับบุคคลากรมากที่สุด
ส่วนแผนลงทุนของเคเอฟซีในปีนี้ เตรียมงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรีโนเวทรูปแบบร้านใหม่ รวมถึงขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 26 สาขา จากปีก่อนขยายเพิ่ม 26 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันเคเอฟซีมีสาขารวม 415 สาขา เป็นของยัมฯ 325 สาขา ที่เหลือเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล เรสเทอรองตส์ กรุ๊ป โดยปีนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่าปีก่อน ที่มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2หลัก สูงกว่าค่าจีดีพีของประเทศที่ทำได้ 7-10% ในปีก่อน