สัปดาห์นี้เรารับรู้รับทราบกันแล้วว่า “วันยุบสภา” ได้ประกาศเรียบร้อยแล้ว และน่าเชื่อว่า “วันเลือกตั้ง” คงจะเป็นวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม ตามความต้องการของ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” ที่ไม่เกิน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญปี 2550
เพราะฉะนั้น สัปดาห์นี้เป็นต้นไป “โหมดเลือกตั้ง” ได้ถูกกดเรียบร้อย สัญญาณปี่กลองการเลือกตั้งได้เริ่มขยับเคลื่อนที่กันเต็มลูกสูบแน่ ซึ่งว่าไปแล้วได้มีการ “เกทับบลัฟแหลก” จากหลากหลายสำนักโพลต่างๆ มากมาย ตลอดจนการสำรวจแต่ละครั้งนั้น “พรรคเพื่อไทย” คะแนนนำ “พรรคประชาธิปัตย์” แทบทั้งสิ้น แต่ไม่ได้มากมายนัก
อย่างไรก็ตาม “การสำรวจประชามติ” ของหลากหลายสำนักนั้น มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นไปตามนั้น เพียงแต่ว่า “กระแส” และ “กระสุน” ของพรรคเพื่อไทย ต้องเรียกว่า “ดีดังคาด” ทั้งนี้ “อำนาจ” สำคัญทางด้านบริหาร หรือเรียกว่า “อำนาจรัฐ” นั้น ในส่วนของ “รัฐบาล” มีกลไกที่ดีที่สุด โดยต่างซุบซิบนินทาว่า “เขาบล็อกกันเรียบร้อยแล้ว!”ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “การจัดตั้งรัฐบาล” จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กล่าวคือ พรรคประชาธิปัตย์ถ้าจะต้องแพ้พรรคเพื่อไทยสูงสุดไม่น่าจะเกิน 8-10 เสียงเท่านั้น และค่อนข้างมั่นใจว่า “พรรคภูมิใจไทย-พรรคชาติไทยพัฒนา-พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” บวกกับพรรคเล็กพรรคน้อยอีก 1-2 พรรค น่าจะได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มากถึงเกือบ 300 ที่นั่ง
ดังนั้น “รัฐบาล” ปัจจุบันน่าจะได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” จะได้เป็นแกนนำนั้นค่อนข้างแน่นอน แต่ใครจะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในกรณีนี้น่าจะต้องลุ้นกันอย่างมาก ในช่วงของการประกาศจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล และขอใช้คำว่า “คอนเฟิร์ม (Confirm)” เลยว่า “ยังไงๆ ประชาธิปัตย์” ได้เป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน!
ที่มีการกังวลกันว่า “จะไม่มีเลือกตั้ง” นั้น รับรองได้ว่า “มีเลือกตั้งแน่นอน” เนื่องด้วย “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ในสังคมยุคใหม่นี้เป็น “กรณีเชยสุดๆ!” ไปแล้ว และ “กองทัพ” เองจะไม่มีวันใช้วิธีการที่ดิบอย่างนั้นอีกต่อไป “การยึดอำนาจ” ในสภาวะสังคมยุคใหม่ จะมีการปฏิบัติการที่แยบยลด้วยสารพัดสารพันกลไกจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอย่างเด็ดขาด หรือกล่าวอย่างภาษายุคใหม่ที่เรียกว่า “ลับ ลวง พราง!”
เพียงแต่ว่า “พรรคเพื่อไทย” จะระดมสรรพกำลังกันทั่วประเทศจาก “แดงแฟนคลับ” ที่คะแนนนิยมสูงสุด จนกลไกต่างๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องประกาศเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า “ถ้าประชาชนตัดสินใจยอมรับกองทัพ ก็ต้องรับได้เช่นเดียวกัน!”
“การเลือกตั้ง 2554” จะเป็นการเลือกตั้งที่เรียกว่า “ดุเดือดเลือดพล่าน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง “กระแส” ตามด้วย “กระสุน” เท่านั้นยังไม่พอ “สารพัดวิชามาร” จะถูกนำออกมาใช้กันอย่างบ้าระห่ำ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะเป็น “การประกาศศึกสงคราม” ครั้งสุดท้ายของคุณทักษิณ ที่ต้องเรียกว่า “เทหมดหน้าตัก!” จน “แพ้ไม่ได้!”
จะมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น ที่จะต้องมีพระบรมราชโองการจากสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ที่จะขอนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณได้เดินทางกลับบ้าน แม้นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะมาจากพรรคคะแนนสูงสุด จากพรรคเพื่อไทยก็ตามแต่ ซึ่งการหาเสียงด้วยการสไกปต์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีต่อมวลสมาชิกทั้งเสื้อแดงและนปช.นั้น ต้องย้ำว่า “หาเสียง” เพื่อสร้าง “คะแนนนิยม” ให้กับพรรคตนเอง โดยที่ประชาชนจำนวนมากยังขาดความเข้าใจของ “กระบวนการนิรโทษกรรม”
ว่าไปแล้ว สังคมไทยวันนี้ต้องเรียกว่า “ดูเสมือนแตกแยก” กันอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วไม่มากจากการสำรวจของหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลางก็ตามแต่ที่ “กีฬาสี” ยังก่อกำเนิดมาจาก “เงิน” แทบทั้งสิ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
ถ้าจังหวัดระดับภาคกลางตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง ที่เคยสัมผัสเมื่อไม่นานมานี้ ยังปรากฏว่า “สุโขทัย-พิษณุโลก” และอีกหลายจังหวัดมี “แดง” จำนวนไม่มากนัก แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฝักใฝ่แดงยังโดนปาด้วยไข่เลย!
บ้านเมืองของเราวันนี้ต้องเรียนว่า “กีฬาสี” อย่างจริงจังเพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้น เนื่องด้วยต้องขอฟันธงเลยว่า “แดงเทียม-เหลืองเทียม” ยังมีจำนวนมากด้วย “กระสุน-เงิน” เป็นส่วนสำคัญ ถามว่า “แดงอุดมการณ์” นั้น มีจริงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า “มีจริง!” จาก “สองมาตรฐาน” และ “ความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่วันนี้น่าจะได้รับการพัฒนาเยียวยาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ!
ถามว่า ประชาชนจำนวนมากที่ ณ วันนี้ สังคมเปลี่ยนไปจากการตื่นตัวของพี่น้องประชาชนที่บริโภคข้อมูลข่าวสารอย่างมาก เท่านั้นยังไม่พอ “ชนชั้นกลาง” มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนโครงสร้างสังคมเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “ภาครัฐ-ภาคราชการ” ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ทั้ง “สังคมไทย” และ “สังคมโลก”
ต้องเรียนว่า ถ้าประชาชนที่มีความรู้ความตื่นตัวมากขึ้น ได้มีโอกาสในการอยู่ได้ในระดับที่พอดีพอเพียง กรณี “คุณภาพชีวิต” ตลอดจนได้รับ “เกียรติ” และ “การยกย่อง” อย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่ได้รับการรังแกเบียดเบียนจาก “ผู้มีอิทธิพล” ทั้งหลาย และที่สำคัญได้รับโอกาสในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพสังคมไทยจะเรียบร้อยและสงบสุขกว่าเดิมมาก
เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะ “วิชามาร” และ “วิชาเทพ” จะเยี่ยมยุทธ์มากน้อยเพียงใด “ประชาชน” เท่านั้นที่จะมีสิทธิใน “การเลือกสังคม” ที่เขาต้องการอย่างแท้จริง!
เพราะฉะนั้น สัปดาห์นี้เป็นต้นไป “โหมดเลือกตั้ง” ได้ถูกกดเรียบร้อย สัญญาณปี่กลองการเลือกตั้งได้เริ่มขยับเคลื่อนที่กันเต็มลูกสูบแน่ ซึ่งว่าไปแล้วได้มีการ “เกทับบลัฟแหลก” จากหลากหลายสำนักโพลต่างๆ มากมาย ตลอดจนการสำรวจแต่ละครั้งนั้น “พรรคเพื่อไทย” คะแนนนำ “พรรคประชาธิปัตย์” แทบทั้งสิ้น แต่ไม่ได้มากมายนัก
อย่างไรก็ตาม “การสำรวจประชามติ” ของหลากหลายสำนักนั้น มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นไปตามนั้น เพียงแต่ว่า “กระแส” และ “กระสุน” ของพรรคเพื่อไทย ต้องเรียกว่า “ดีดังคาด” ทั้งนี้ “อำนาจ” สำคัญทางด้านบริหาร หรือเรียกว่า “อำนาจรัฐ” นั้น ในส่วนของ “รัฐบาล” มีกลไกที่ดีที่สุด โดยต่างซุบซิบนินทาว่า “เขาบล็อกกันเรียบร้อยแล้ว!”ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “การจัดตั้งรัฐบาล” จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กล่าวคือ พรรคประชาธิปัตย์ถ้าจะต้องแพ้พรรคเพื่อไทยสูงสุดไม่น่าจะเกิน 8-10 เสียงเท่านั้น และค่อนข้างมั่นใจว่า “พรรคภูมิใจไทย-พรรคชาติไทยพัฒนา-พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” บวกกับพรรคเล็กพรรคน้อยอีก 1-2 พรรค น่าจะได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มากถึงเกือบ 300 ที่นั่ง
ดังนั้น “รัฐบาล” ปัจจุบันน่าจะได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” จะได้เป็นแกนนำนั้นค่อนข้างแน่นอน แต่ใครจะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในกรณีนี้น่าจะต้องลุ้นกันอย่างมาก ในช่วงของการประกาศจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล และขอใช้คำว่า “คอนเฟิร์ม (Confirm)” เลยว่า “ยังไงๆ ประชาธิปัตย์” ได้เป็นแกนนำรัฐบาลแน่นอน!
ที่มีการกังวลกันว่า “จะไม่มีเลือกตั้ง” นั้น รับรองได้ว่า “มีเลือกตั้งแน่นอน” เนื่องด้วย “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ในสังคมยุคใหม่นี้เป็น “กรณีเชยสุดๆ!” ไปแล้ว และ “กองทัพ” เองจะไม่มีวันใช้วิธีการที่ดิบอย่างนั้นอีกต่อไป “การยึดอำนาจ” ในสภาวะสังคมยุคใหม่ จะมีการปฏิบัติการที่แยบยลด้วยสารพัดสารพันกลไกจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอย่างเด็ดขาด หรือกล่าวอย่างภาษายุคใหม่ที่เรียกว่า “ลับ ลวง พราง!”
เพียงแต่ว่า “พรรคเพื่อไทย” จะระดมสรรพกำลังกันทั่วประเทศจาก “แดงแฟนคลับ” ที่คะแนนนิยมสูงสุด จนกลไกต่างๆ ไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องประกาศเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ว่า “ถ้าประชาชนตัดสินใจยอมรับกองทัพ ก็ต้องรับได้เช่นเดียวกัน!”
“การเลือกตั้ง 2554” จะเป็นการเลือกตั้งที่เรียกว่า “ดุเดือดเลือดพล่าน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง “กระแส” ตามด้วย “กระสุน” เท่านั้นยังไม่พอ “สารพัดวิชามาร” จะถูกนำออกมาใช้กันอย่างบ้าระห่ำ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะเป็น “การประกาศศึกสงคราม” ครั้งสุดท้ายของคุณทักษิณ ที่ต้องเรียกว่า “เทหมดหน้าตัก!” จน “แพ้ไม่ได้!”
จะมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น ที่จะต้องมีพระบรมราชโองการจากสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ที่จะขอนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณได้เดินทางกลับบ้าน แม้นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะมาจากพรรคคะแนนสูงสุด จากพรรคเพื่อไทยก็ตามแต่ ซึ่งการหาเสียงด้วยการสไกปต์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีต่อมวลสมาชิกทั้งเสื้อแดงและนปช.นั้น ต้องย้ำว่า “หาเสียง” เพื่อสร้าง “คะแนนนิยม” ให้กับพรรคตนเอง โดยที่ประชาชนจำนวนมากยังขาดความเข้าใจของ “กระบวนการนิรโทษกรรม”
ว่าไปแล้ว สังคมไทยวันนี้ต้องเรียกว่า “ดูเสมือนแตกแยก” กันอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วไม่มากจากการสำรวจของหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคกลางก็ตามแต่ที่ “กีฬาสี” ยังก่อกำเนิดมาจาก “เงิน” แทบทั้งสิ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
ถ้าจังหวัดระดับภาคกลางตอนบนและภาคเหนือตอนล่าง ที่เคยสัมผัสเมื่อไม่นานมานี้ ยังปรากฏว่า “สุโขทัย-พิษณุโลก” และอีกหลายจังหวัดมี “แดง” จำนวนไม่มากนัก แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฝักใฝ่แดงยังโดนปาด้วยไข่เลย!
บ้านเมืองของเราวันนี้ต้องเรียนว่า “กีฬาสี” อย่างจริงจังเพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้น เนื่องด้วยต้องขอฟันธงเลยว่า “แดงเทียม-เหลืองเทียม” ยังมีจำนวนมากด้วย “กระสุน-เงิน” เป็นส่วนสำคัญ ถามว่า “แดงอุดมการณ์” นั้น มีจริงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า “มีจริง!” จาก “สองมาตรฐาน” และ “ความเหลื่อมล้ำทางสังคม” ที่วันนี้น่าจะได้รับการพัฒนาเยียวยาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ!
ถามว่า ประชาชนจำนวนมากที่ ณ วันนี้ สังคมเปลี่ยนไปจากการตื่นตัวของพี่น้องประชาชนที่บริโภคข้อมูลข่าวสารอย่างมาก เท่านั้นยังไม่พอ “ชนชั้นกลาง” มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนโครงสร้างสังคมเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “ภาครัฐ-ภาคราชการ” ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ทั้ง “สังคมไทย” และ “สังคมโลก”
ต้องเรียนว่า ถ้าประชาชนที่มีความรู้ความตื่นตัวมากขึ้น ได้มีโอกาสในการอยู่ได้ในระดับที่พอดีพอเพียง กรณี “คุณภาพชีวิต” ตลอดจนได้รับ “เกียรติ” และ “การยกย่อง” อย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่ได้รับการรังแกเบียดเบียนจาก “ผู้มีอิทธิพล” ทั้งหลาย และที่สำคัญได้รับโอกาสในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพสังคมไทยจะเรียบร้อยและสงบสุขกว่าเดิมมาก
เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะ “วิชามาร” และ “วิชาเทพ” จะเยี่ยมยุทธ์มากน้อยเพียงใด “ประชาชน” เท่านั้นที่จะมีสิทธิใน “การเลือกสังคม” ที่เขาต้องการอย่างแท้จริง!