ASTVผู้จัดการรายวัน - 4 คนร้ายขับ จยย.ไล่ยิงถล่มรถยนต์ 2 สามีภรรยาอาชีพค้าขายผลไม้ตามตลาดนัดเสียชีวิตคาที่ 2 ศพส่วนลูกชายบาดเจ็บ ขณะที่ จนท.ระดมกำลังไล่ล่ากลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดตำรวจดับ 4 นายในสนามฟุดบอลปัตตานี และรถยนต์ทหารยะลาดับ 3 ศพแล้ว เผยเป็นฝีมือกลุ่ม“มะดารี ตาเยะ แกนนำระดับสั่งการ"กับกลุ่ม“อับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือไอ้เปเล่”
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 12.30 น.วานนี้ (8 พ.ค.) พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่บนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.7 ต.ปูยุด จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และชุดพิสูจน์หลักฐานไปถึงพบรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บฉ 1608 ยะลา ดัดแปลงเป็นรถบรรทุกหลังกระบะมีตะกร้าผลไม้เต็มคันรถ สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามจนด้านหน้าทั้งซ้ายและขวาเป็นรูพรุน กระจกแตก
เมื่อเปิดประตูภายในรถพบภาพสลดใจ มีศพ 2 สามีภรรยาถูกยิงตามลำตัวและศีรษะหลายแห่งอยู่ในสภาพกอดกันทราบชื่อ นายแสม แก้วคงทน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา และนางเพ็ญพร เปาโลหิต อายุ 57 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง โรงพยายาลปัตตานี ชื่อ นายวิโรจน์ แก้วคงทน อายุ 27 ปี ถูกยิงเข้ากลางหลัง 1 นัดอาการสาหัส ในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน อาก้า และ เอชเค ตกเกลื่อนบนถนนหลายสิบปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ทั้งสามเป็นพ่อแม่ลูกกันและมีอาชีพขายผลไม้ตามตลาด ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ นายแสมขับรถยนต์กลับจากขายผลไม้ในตลาดเมืองปัตตานี โดยมีนายเพ็ญพรนั่งข้าง ส่วนนายวิโรจน์ นั่งหลังกระบะเพื่อเดินทางกลับบ้านพักในตัวเมืองยะลา ปรากฏว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 4 คนขับรถจักรยานยนต์ 2 คันไล่ตามหลังประกบทั้ง 2 ข้างแล้วกราดยิงจนรถเสียหลัก คนร้ายยังแสดงความโหดเหี้ยมลงจากรถเดินมากราดยิงซ้ำอีกต่อหน้าประชาชนในที่เกิดเหตุก่อนจะวิ่งขึ้นรถเร่งเครื่องหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มอาร์เคเค ในพื้นที่แสดงศักยภาพตอบโต้เจ้าหน้าที่ อีกทั้งพยายามสร้างสถานการณ์โดยต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธและอิสลามในพื้นที่ เช่นเดียวกับเหตุในพื้นที่ จ.ยะลา
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายซุกระเบิดใต้ต้นไม้ริมสนามฟุตบอลขณะตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี แต่งตัวเตรียมลงเตะฟาดแข่งกับทีม อบต.ตะโละดือรามัน ในการแข่งขันกีฬากะพ้อเกมต้านยาเสพติด ประจำอำเภอกะพ้อ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 4 ศพบาดเจ็บอีก 12 นายนั้น
เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.)พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.กะพ้อ ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานบุคคลที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เพราะเชื่อน่าจะมีชาวบ้านเห็นรูปพรรณคนร้าย แต่ยังไม่กล้าให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้สนธิกำลังร่วมกระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายตามจุดต่างๆ เนื่องจากสายข่าวรายงานพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม และเชื่อน่าจะเป็นกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดสนามฟุตบอล
ขณะที่หน่วยข่าวชุดสืบสวนสอบสวนความมั่นคงชายแดนใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มของนายมะดารี ตาเยะ แกนนำระดับสั่งการรับผิดชอบในพื้นที่ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และบางส่วนที่เป็นเขตรอยต่อระหว่างพื้นที่ จ.ยะลา เนื่องจากก่อนหน้านี้ 2 วันพบความเคลื่อนไหวของนายมะดารี ได้ระดมแนวร่วมในพื้นที่วางแผนการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ระบุว่า กลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ น่าจะเชื่อโยงกับกลุ่ม อาฟาดีน กาพา ซึ่งมีความเชียวชาญประกอบวัตถุระเบิด นอกจากนี้ได้กำชับตำรวจทั้ง 12 อำเภอให้ระวังมากขึ้นและวางกำลังเข้ม โดยเฉพาะปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายให้ทำต่อเนื่อง เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มคนร้ายมีโอกาสเข้ามาก่อเหตุได้
ส่วนความคืบหน้าคนร้ายลอบวางระเบิดทหารชุดร้อย ร.15223 ฉก.12 อ.รามัน จ.ยะลา ที่บนถนนสายซาเมาะ-รามันเมื่อวันที่ 7พ.ค.เป็นเหตุให ร.ต.อุบล หนูเอียด จ.ส.อ.ผล หวานวงศ์ และพลทหารอนุวัฒน์ เพชรราม เสียชีวิต และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 2 นายนั้น เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (8) ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12 และอาสาสมัครทหารพรานที่ 41 ได้สนธิกำลังตำรวจ สภ.รามัน และตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่คาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่
โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านสะโต ต.อาซ่อง อ.รามัน ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ"อุซตาซรอฮิง อาซ่อง"แกนนำก่อเหตุรุนแรง และนายรอนิง ดาอีซอ ซึ่งเป็นหลาน พร้อมพวกได้เข้ามากบดานและมีการประชุมวางแผนการก่อเหตุ อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในพื้นที่ ต.อาซ่อง ต.กอตอตือระ ต.ท่าธง อ.รามัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันหลบหนี รวมทั้งพื้นที่ ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ มีภรรยาและบุตรอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 12.30 น.วานนี้ (8 พ.ค.) พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่บนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.7 ต.ปูยุด จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และชุดพิสูจน์หลักฐานไปถึงพบรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บฉ 1608 ยะลา ดัดแปลงเป็นรถบรรทุกหลังกระบะมีตะกร้าผลไม้เต็มคันรถ สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามจนด้านหน้าทั้งซ้ายและขวาเป็นรูพรุน กระจกแตก
เมื่อเปิดประตูภายในรถพบภาพสลดใจ มีศพ 2 สามีภรรยาถูกยิงตามลำตัวและศีรษะหลายแห่งอยู่ในสภาพกอดกันทราบชื่อ นายแสม แก้วคงทน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา และนางเพ็ญพร เปาโลหิต อายุ 57 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง โรงพยายาลปัตตานี ชื่อ นายวิโรจน์ แก้วคงทน อายุ 27 ปี ถูกยิงเข้ากลางหลัง 1 นัดอาการสาหัส ในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน อาก้า และ เอชเค ตกเกลื่อนบนถนนหลายสิบปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ทั้งสามเป็นพ่อแม่ลูกกันและมีอาชีพขายผลไม้ตามตลาด ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ นายแสมขับรถยนต์กลับจากขายผลไม้ในตลาดเมืองปัตตานี โดยมีนายเพ็ญพรนั่งข้าง ส่วนนายวิโรจน์ นั่งหลังกระบะเพื่อเดินทางกลับบ้านพักในตัวเมืองยะลา ปรากฏว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 4 คนขับรถจักรยานยนต์ 2 คันไล่ตามหลังประกบทั้ง 2 ข้างแล้วกราดยิงจนรถเสียหลัก คนร้ายยังแสดงความโหดเหี้ยมลงจากรถเดินมากราดยิงซ้ำอีกต่อหน้าประชาชนในที่เกิดเหตุก่อนจะวิ่งขึ้นรถเร่งเครื่องหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มอาร์เคเค ในพื้นที่แสดงศักยภาพตอบโต้เจ้าหน้าที่ อีกทั้งพยายามสร้างสถานการณ์โดยต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธและอิสลามในพื้นที่ เช่นเดียวกับเหตุในพื้นที่ จ.ยะลา
ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายซุกระเบิดใต้ต้นไม้ริมสนามฟุตบอลขณะตำรวจ สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี แต่งตัวเตรียมลงเตะฟาดแข่งกับทีม อบต.ตะโละดือรามัน ในการแข่งขันกีฬากะพ้อเกมต้านยาเสพติด ประจำอำเภอกะพ้อ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 4 ศพบาดเจ็บอีก 12 นายนั้น
เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.)พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.กะพ้อ ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะพยานบุคคลที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เพราะเชื่อน่าจะมีชาวบ้านเห็นรูปพรรณคนร้าย แต่ยังไม่กล้าให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังได้สนธิกำลังร่วมกระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายตามจุดต่างๆ เนื่องจากสายข่าวรายงานพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม และเชื่อน่าจะเป็นกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดสนามฟุตบอล
ขณะที่หน่วยข่าวชุดสืบสวนสอบสวนความมั่นคงชายแดนใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มของนายมะดารี ตาเยะ แกนนำระดับสั่งการรับผิดชอบในพื้นที่ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และบางส่วนที่เป็นเขตรอยต่อระหว่างพื้นที่ จ.ยะลา เนื่องจากก่อนหน้านี้ 2 วันพบความเคลื่อนไหวของนายมะดารี ได้ระดมแนวร่วมในพื้นที่วางแผนการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ระบุว่า กลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ น่าจะเชื่อโยงกับกลุ่ม อาฟาดีน กาพา ซึ่งมีความเชียวชาญประกอบวัตถุระเบิด นอกจากนี้ได้กำชับตำรวจทั้ง 12 อำเภอให้ระวังมากขึ้นและวางกำลังเข้ม โดยเฉพาะปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายให้ทำต่อเนื่อง เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มคนร้ายมีโอกาสเข้ามาก่อเหตุได้
ส่วนความคืบหน้าคนร้ายลอบวางระเบิดทหารชุดร้อย ร.15223 ฉก.12 อ.รามัน จ.ยะลา ที่บนถนนสายซาเมาะ-รามันเมื่อวันที่ 7พ.ค.เป็นเหตุให ร.ต.อุบล หนูเอียด จ.ส.อ.ผล หวานวงศ์ และพลทหารอนุวัฒน์ เพชรราม เสียชีวิต และมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 2 นายนั้น เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ (8) ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12 และอาสาสมัครทหารพรานที่ 41 ได้สนธิกำลังตำรวจ สภ.รามัน และตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่คาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่
โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านสะโต ต.อาซ่อง อ.รามัน ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ"อุซตาซรอฮิง อาซ่อง"แกนนำก่อเหตุรุนแรง และนายรอนิง ดาอีซอ ซึ่งเป็นหลาน พร้อมพวกได้เข้ามากบดานและมีการประชุมวางแผนการก่อเหตุ อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มคนร้ายในพื้นที่ ต.อาซ่อง ต.กอตอตือระ ต.ท่าธง อ.รามัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนร้ายแยกย้ายกันหลบหนี รวมทั้งพื้นที่ ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ มีภรรยาและบุตรอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว