เมื่อวานนี้ (8 พ.ค. ) พระวิจิตรธรรมาภรณ ( เทอด ญาณวชิโร ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมพรรษา ครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และเนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก อีกทั้งในปีนี้จะเป็นปีที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ 2600 ปี ทางวัดสระเกศฯ จึงจะประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อายุ 2,554 ปี ขึ้นประดิษฐานบนยอดภูเขาทอง
ทั้งนี้ พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว ทางทายาทของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ได้นำมาถวาย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ) เมื่อปี 2551 เพื่อนำไปประดิษฐานบนยอดภูเขาทอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่มีการขุดค้นพบ ที่เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย ชุดเดียวกับที่ทางวัดได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ดังนั้นทางทายาทของเจ้าพระยายมราชจึงนำมาถวายแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เพื่อให้นำไปประดิษฐานไว้รวมกันเพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าวา สำหรับประวัติของพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว พบว่ามีการขุดค้นพบในปี พ.ศ. 2439 โดยนายวิลเลียม เปปเป วิศวกรชาวอังกฤษ และนักโบราณคดีและมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของแท้ และมีจารึกที่ผอบกำกับไว้ด้วยว่า “ราชวงศ์ศากยะได้บรรจุถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับวัดสระเกศฯ
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวบางส่วน ให้แก่ เจ้าพระยายมราช ผู้แทนที่ได้อัญเชิญมา เพื่อนำไปสักการะบูชาด้วย
อย่างไรก็ตาม พระบรมสารีริกธาตุชุดดังกล่าว ไม่ได้ระบุว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนใด แต่รับรองว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นในวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ทางวัดสระเกศฯ จะทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ ขึ้นไปบรรจุบนยอดภูเขาทองอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำพิธีเหมือนเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาบรรจุไว้เมื่อ 112 ปีที่แล้ว แต่จะมีลักษณะพิเศษ คือ ทางวัดจะบรรจุในวัตถุใส เพื่อให้ประชาชนได้ชมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่มีอายถึงุ 2,554 ปีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้เห็นความมหัศจรรย์ของหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้บรรลุ จนสามารถเปลี่ยนพระอัฐิธรรมดาให้กลายเป็นพระธาตุด้วยการละจากกิเลสทั้งปวง ดำรงพระองค์อยู่ในหลักธรรม มีพระเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ในการประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 พรรษาด้วย
ทั้งนี้ พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว ทางทายาทของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ได้นำมาถวาย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ) เมื่อปี 2551 เพื่อนำไปประดิษฐานบนยอดภูเขาทอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่มีการขุดค้นพบ ที่เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย ชุดเดียวกับที่ทางวัดได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ดังนั้นทางทายาทของเจ้าพระยายมราชจึงนำมาถวายแด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เพื่อให้นำไปประดิษฐานไว้รวมกันเพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าวา สำหรับประวัติของพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว พบว่ามีการขุดค้นพบในปี พ.ศ. 2439 โดยนายวิลเลียม เปปเป วิศวกรชาวอังกฤษ และนักโบราณคดีและมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของแท้ และมีจารึกที่ผอบกำกับไว้ด้วยว่า “ราชวงศ์ศากยะได้บรรจุถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับวัดสระเกศฯ
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวบางส่วน ให้แก่ เจ้าพระยายมราช ผู้แทนที่ได้อัญเชิญมา เพื่อนำไปสักการะบูชาด้วย
อย่างไรก็ตาม พระบรมสารีริกธาตุชุดดังกล่าว ไม่ได้ระบุว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนใด แต่รับรองว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
พระวิจิตรธรรมาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นในวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ทางวัดสระเกศฯ จะทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ ขึ้นไปบรรจุบนยอดภูเขาทองอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำพิธีเหมือนเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาบรรจุไว้เมื่อ 112 ปีที่แล้ว แต่จะมีลักษณะพิเศษ คือ ทางวัดจะบรรจุในวัตถุใส เพื่อให้ประชาชนได้ชมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่มีอายถึงุ 2,554 ปีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้เห็นความมหัศจรรย์ของหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้บรรลุ จนสามารถเปลี่ยนพระอัฐิธรรมดาให้กลายเป็นพระธาตุด้วยการละจากกิเลสทั้งปวง ดำรงพระองค์อยู่ในหลักธรรม มีพระเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ นอกจากนี้ในการประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 พรรษาด้วย