นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีการเร่งอนุมัติงบประมาณเป็นจำนวนกว่าแสนล้านบาทว่า อยากทำความเข้าใจว่าการอนุมัติโครงการ หรือเงินงบประมาณจริงๆ ยอดไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ไม่ทราบว่าการบวกตัวเลข บวกกันอย่างไร บางเรื่องไม่ได้เป็นการอนุมัติเงินใหม่ เป็นเพียงการมาดำเนินการตามแผนที่ได้มีการอนุมัติเงินไปแล้ว เงินที่อนุมัติไปยอดใหญ่ๆ ก็จะมีค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะต้องได้เงินเพิ่ม หากไม่มีการอนุมัติวันนี้ ก็เพียงแต่ว่าต้องทำให้จ่ายเงินช้า ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ 4 พันกว่าล้านบาท มีค่าจัดการเลือกตั้ง 3 พันกว่าล้านบาท
** ท้าตรวจสอบโครงการทิ้งทวน
นอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการจ่ายเงินให้กับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ เรื่องของเพลี้ย ซึ่งอยู่ที่หลักพันล้านบาท รวมถึงปัญหาสถานการณ์ชายแดน แต่มีการไปนำเอาเรื่องของงบประมาณที่มีการขออนุมัติไปก่อน เช่น ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพัน อันนั้นเป็นการขอตามระเบียบ ไม่ได้มีการขออนุมัติตามโครงการใหม่ หรืออะไรเลย หากถามว่าทำไมต้องมีการอนุมัติงบประมาณในหลายโครงการ ก็เพราะว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีข้อห้ามไว้ ยกตัวอย่างบางโครงการ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พืช ถ้าไม่อนุมัติช่วงนี้ไปอนุมัติหลังยุบสภา การดำเนินการจะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนที่ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ
" ไม่มีหรอกครับที่บอกว่า เร่งอนุมัติเหมือนกับมีการทุจริต คอร์รัปชัน และถ้ามีโครงการไหนสงสัย ขอให้ถามมาเลย ถ้าคิดว่ามีโครงการไหนที่คิดว่าเป็นการอนุมัติไม่เหมาะสม ที่เรื่องมันเข้ามาเยอะเป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญในประเด็นนั้น จำเป็นที่ทุกหน่วยงานจะต้องให้มีการอนุมัติเสียก่อนที่จะมีการยุบสภาเท่านั้นเอง" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างนี้คิดว่าภาพลักษณ์รัฐบาลจะเสียหรือไม่ ว่าเป็นการผลาญงบฯ ก่อนเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่างนี้ซิครับ ถ้าสงสัยโครงการไหน เพราะทุกอย่างเปิดเผย ขอให้ทักท้วงมา ยินดีที่จะทบทวนให้ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็พร้อมยกเลิกให้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
โครงการใหม่ที่เป็นโครงการในเชิงนโยบาย อย่างกรณีของบ้านหลังแรก เป็นเรื่องธนาคารของรัฐดำเนินการ หรือโครงการประกันภัยพืชผล ที่ต้องการให้ได้ข้อยุติมานานแล้ว และจะมีเรื่องปุ๋ยจะมีการแจกแจงรายละเอียดอีกทีในวันศุกร์นี้ เห็นไปเขียนกันว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ บอกว่า ทำไมต้องรีบอนุมัติรถตรวจการณ์ ของกระทรวงมหาดไทย อันนั้นไม่ได้มีการอนุมัติเงินใหม่ แต่เปลี่ยนจากการซื้อมาเป็นเช่า ซึ่งต้องมาขออนุมัติครม. และเราเห็นว่า ต้องเช่า เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้งานหนัก นี่ยังไม่นับหลายโครงการที่ไม่มีการอนุมัติ หรือไม่อนุมัติให้ใช้งบกลาง
**ปัดเทกระจาดซื้อใจภูมิใจห้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการอนุมัติงบฯในลักษณะที่เป็นสัญญาใจ เทงบฯให้ภูมิใจไทย เพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกันอีกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงการอะไรล่ะครับของภูมิใจไทย ตนก็ทำความเข้าใจแล้วว่า หากมีโครงการไหนที่สงสัย ก็ให้ถามมา ก็อธิบายได้ว่า ไม่ได้เป็นการอนุมัติโครงการ หรืออนุมัติเงินใหม่ ส่วนเงินที่อนุมัติตนยืนยันว่า จำเป็น เช่นการอนุมัติเบี้ยเลี้ยงทหารที่จะไปก่อสร้างบ้านให้กับประชาชนพื้นที่ภาคใต้พันกว่าล้าน จะไม่ให้อนุมัติหรืออย่างไร หรือกรณีที่ต้องแก้ปัญหาต่อเนื่องเรื่องของเมล็ดพันธุ์ เรื่องเพลี้ย จะไม่ให้อนุมัติหรืออย่างไร และผ่านขั้นตอนการตรวจสอบปกติจากสำนักงบประมาณ
ส่วนที่กรรมาธิการวุฒิสภา ระบุว่า มีการพิจารณายาวนานถึงตีสอง จะไม่รอบคอบในการพิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้ทำเป็นพิเศษก่อนเมื่อวันอังคาร คือ ทุกกรณีที่มีการเสนอเข้า ตนได้เชิญหน่วยงานเจ้าของเรื่องมา พร้อมกับสำนักงบประมาณ เลขาธิการครม. ก็มาไล่ดูว่า มีอะไรที่จะไม่ปกติ รอบคอบหรือไม่ และก็มีหลายเรื่องที่ไม่อนุมัติ ทุกเรื่องพิจารณาอย่างรอบคอบ อยากบอกว่า เรื่องที่อนุมัติไป เป็นเรื่องที่อย่างได้บอกไปว่า ไม่อนุมัติเพราะอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจะต้องมีการอนุมัติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ไปเจอข้อกฎหมายตรงนี้ จึงจำเป็นต้องทำให้เสร็จก่อนยุบสภา
** อ้างทหารต้องซื้อกระสุนยิงสู้เขมร
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า อนุมัติงบประมาณให้กับกองทัพเป็นจำนวนมากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องขอเรียนตรงๆว่า ต้องซื้อกระสุน เพราะในเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ได้มีการใช้กระสุนไปพอสมควร ส่วนรถถังไม่เกี่ยวเป็นเรื่องเก่า มันเป็นเรื่องของระเบียบที่ถึงเวลาที่ต้องมีการก่อหนี้ผูกพัน อนุมัติไปแล้วมันข้ามหลายปี ถึงเวลาที่ต้องก่อหนี้ผูกพันก็ต้องมาขออนุมัติครม. แต่โครงการอนุมัติไปนานแล้ว อย่างเรื่องของการขอจัดซื้อรถน้ำ ครม.ก็บอกว่า อันนี้ยังไม่ควรใช้งบกลาง ให้ไปตั้งงบฯ ปี 55
เมื่อถามว่า ปกติการประชุมครม. จะเลิกในช่วงบ่าย แต่ครั้งนี้ ทำไมมีการเลิกการประชุมถึงตีสอง นายกฯ กล่าวว่า ก็เรื่องมันเยอะอย่างที่บอก บางเรื่องสมมุติว่า เราจะไปพิจารณาในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนยุบสภา บางเรื่องถ้าเป็นงบประมาณ หมายความว่า ต้องไปขอความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วมันก็จะยุ่งยาก และจริงๆ ถ้าทำอย่างนั้นจะยุ่งยากมากกว่าเสียอีก ยิ่งอนุมัติอะไรก็ได้ แล้วบอกว่าเป็นภาระกกต. เราก็ไม่อยากทำ และบทบัญญัติที่บอกว่า งานอะไรที่ไปผูกพันครม.ชุดต่อไป ซึ่งบทบัญญัตินี้ยังไม่เคยมีใครตีความ นั้นหมายความว่า โครงการอะไรก็ตาม ถ้าเลยไปเกี่ยวข้องครม.ชุดใหม่ อนุมัติไม่ได้ งานของประเทศ ของกระทรวง ต้องเดินในการแก้ไขปัญหา ทราบดีว่า ทุกคนห่วงใยงบประมาณ แต่ว่าทุกโครงการตรวจสอบได้ และถ้าเห็นว่า โครงการใดไม่เหมาะสมบอกว่า ยกเลิกให้เลย
** ปชป.ป้องครม.ทำถูกแล้ว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และยืนยันว่าการประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีการทิ้งทวนตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต ทุกอย่างเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ และเป็นไปตามสถานการณ์ที่จำเป็น อาทิ การอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภัยแล้ง ค่าตอบแทนของทหารพรานจากการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงการดำเนินตามโครงการที่เคยวางไว้ให้เป็นรูปธรรม ทั้งการขึ้นค่าแรง 25 % ที่จะเริ่มภายในเดือนพฤษภาคมนี้ การให้สินเชื่อบ้านหลังแรกที่จะเริ่มภายในสัปดาห์หน้า มาตรการแก้ไขปัญหาเกษตรกร ตามโครงการชาวนาเข้มแข็ง ประกันวงเงินสินเชื่อล่วงหน้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส. ) ที่มีการประกันภัย ประกันรายได้ และสามารถชดเชยได้จากการประสบภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นจาก 600 บาท เป็น 2,000 บาทต่อไร่ ที่ต้องทำให้ทันฤดูกาลเพาะปลูก
**พท.จวกเอาเงินรัฐไปใช้หาเสียง
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณของครม.ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการแบ่งงบประมาณ เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะงบประมาณที่กระทรวงพาณิชย์ได้ไปนั้น อ้างว่าจะเอาไปชดเชยราคาข้าวของที่แพงขึ้น ซึ่งตนคิดว่ามันไม่มีความสมเหตุสมผล กลัวว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไม่โปร่งใส เพราะฉะนั้นอยากจะให้ประชาชนได้ติดตามเรื่องนี้ด้วย
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณครั้งนี้ รัฐบาลพยายามทำให้เสร็จก่อนประกาศยุบสภา เพราะเมื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ จะไม่สามารถอนุมัติเงินงบประมาณใดๆได้อีก ที่สำคัญคือรัฐบาลชุดนี้ต่างฝ่ายต่างเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลชุดนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ให้กับการเมืองไทย ตนจึงขอให้ทุกฝ่ายในประเทศสนใจในเรื่องนี้ และออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ด้วย อย่างกรณีการซื้อเครื่องมือในกองกำลังทหาร ของกระทรวงกลาโหม ที่เคยถูกพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้านได้ทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นตนเห็นว่าการประชุมครม.ที่ผ่านมา เป็นการประชุมครั้งอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.ภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลใช้เวลาในการอนุมัติงบประมาณของแต่กระทรวงค่อนข้างรวดเร็ว สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กระทำไปนั้น ตนคิดว่าไม่ควรที่จะดำเนินการ เพราะการนำเงินงบประมาณไปใช้กับโครงการประมาณ 200 โครงการ และก็เป็นการรวบรัด โดยไม่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ อีกทั้งตนยังทราบมาจากคนใกล้ชิดที่อยู่ในที่ประชุม ครม.ก็เล่าให้ตนฟังว่า ในที่ประชุมไม่มีการสอบถามเกี่ยวกับโครงการของแต่ละกระทรวงเลย แต่เป็นเพียงแค่การรับฟังการเสนอโครงการเท่านั้น นอกจากนี้ตนยังมองว่า การแบ่งสรรงบประมาณดังกล่าวจะเป็นเพียงการเอาใจกันเอง หรือเป็นการต่อรองผลประโยชน์บางอย่าง
** ท้าตรวจสอบโครงการทิ้งทวน
นอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการจ่ายเงินให้กับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ เรื่องของเพลี้ย ซึ่งอยู่ที่หลักพันล้านบาท รวมถึงปัญหาสถานการณ์ชายแดน แต่มีการไปนำเอาเรื่องของงบประมาณที่มีการขออนุมัติไปก่อน เช่น ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพัน อันนั้นเป็นการขอตามระเบียบ ไม่ได้มีการขออนุมัติตามโครงการใหม่ หรืออะไรเลย หากถามว่าทำไมต้องมีการอนุมัติงบประมาณในหลายโครงการ ก็เพราะว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีข้อห้ามไว้ ยกตัวอย่างบางโครงการ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พืช ถ้าไม่อนุมัติช่วงนี้ไปอนุมัติหลังยุบสภา การดำเนินการจะต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนที่ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ
" ไม่มีหรอกครับที่บอกว่า เร่งอนุมัติเหมือนกับมีการทุจริต คอร์รัปชัน และถ้ามีโครงการไหนสงสัย ขอให้ถามมาเลย ถ้าคิดว่ามีโครงการไหนที่คิดว่าเป็นการอนุมัติไม่เหมาะสม ที่เรื่องมันเข้ามาเยอะเป็นผลมาจากรัฐธรรมนูญในประเด็นนั้น จำเป็นที่ทุกหน่วยงานจะต้องให้มีการอนุมัติเสียก่อนที่จะมีการยุบสภาเท่านั้นเอง" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างนี้คิดว่าภาพลักษณ์รัฐบาลจะเสียหรือไม่ ว่าเป็นการผลาญงบฯ ก่อนเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่างนี้ซิครับ ถ้าสงสัยโครงการไหน เพราะทุกอย่างเปิดเผย ขอให้ทักท้วงมา ยินดีที่จะทบทวนให้ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็พร้อมยกเลิกให้ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
โครงการใหม่ที่เป็นโครงการในเชิงนโยบาย อย่างกรณีของบ้านหลังแรก เป็นเรื่องธนาคารของรัฐดำเนินการ หรือโครงการประกันภัยพืชผล ที่ต้องการให้ได้ข้อยุติมานานแล้ว และจะมีเรื่องปุ๋ยจะมีการแจกแจงรายละเอียดอีกทีในวันศุกร์นี้ เห็นไปเขียนกันว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ บอกว่า ทำไมต้องรีบอนุมัติรถตรวจการณ์ ของกระทรวงมหาดไทย อันนั้นไม่ได้มีการอนุมัติเงินใหม่ แต่เปลี่ยนจากการซื้อมาเป็นเช่า ซึ่งต้องมาขออนุมัติครม. และเราเห็นว่า ต้องเช่า เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้งานหนัก นี่ยังไม่นับหลายโครงการที่ไม่มีการอนุมัติ หรือไม่อนุมัติให้ใช้งบกลาง
**ปัดเทกระจาดซื้อใจภูมิใจห้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการอนุมัติงบฯในลักษณะที่เป็นสัญญาใจ เทงบฯให้ภูมิใจไทย เพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกันอีกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงการอะไรล่ะครับของภูมิใจไทย ตนก็ทำความเข้าใจแล้วว่า หากมีโครงการไหนที่สงสัย ก็ให้ถามมา ก็อธิบายได้ว่า ไม่ได้เป็นการอนุมัติโครงการ หรืออนุมัติเงินใหม่ ส่วนเงินที่อนุมัติตนยืนยันว่า จำเป็น เช่นการอนุมัติเบี้ยเลี้ยงทหารที่จะไปก่อสร้างบ้านให้กับประชาชนพื้นที่ภาคใต้พันกว่าล้าน จะไม่ให้อนุมัติหรืออย่างไร หรือกรณีที่ต้องแก้ปัญหาต่อเนื่องเรื่องของเมล็ดพันธุ์ เรื่องเพลี้ย จะไม่ให้อนุมัติหรืออย่างไร และผ่านขั้นตอนการตรวจสอบปกติจากสำนักงบประมาณ
ส่วนที่กรรมาธิการวุฒิสภา ระบุว่า มีการพิจารณายาวนานถึงตีสอง จะไม่รอบคอบในการพิจารณา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้ทำเป็นพิเศษก่อนเมื่อวันอังคาร คือ ทุกกรณีที่มีการเสนอเข้า ตนได้เชิญหน่วยงานเจ้าของเรื่องมา พร้อมกับสำนักงบประมาณ เลขาธิการครม. ก็มาไล่ดูว่า มีอะไรที่จะไม่ปกติ รอบคอบหรือไม่ และก็มีหลายเรื่องที่ไม่อนุมัติ ทุกเรื่องพิจารณาอย่างรอบคอบ อยากบอกว่า เรื่องที่อนุมัติไป เป็นเรื่องที่อย่างได้บอกไปว่า ไม่อนุมัติเพราะอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจะต้องมีการอนุมัติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ไปเจอข้อกฎหมายตรงนี้ จึงจำเป็นต้องทำให้เสร็จก่อนยุบสภา
** อ้างทหารต้องซื้อกระสุนยิงสู้เขมร
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า อนุมัติงบประมาณให้กับกองทัพเป็นจำนวนมากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องขอเรียนตรงๆว่า ต้องซื้อกระสุน เพราะในเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ได้มีการใช้กระสุนไปพอสมควร ส่วนรถถังไม่เกี่ยวเป็นเรื่องเก่า มันเป็นเรื่องของระเบียบที่ถึงเวลาที่ต้องมีการก่อหนี้ผูกพัน อนุมัติไปแล้วมันข้ามหลายปี ถึงเวลาที่ต้องก่อหนี้ผูกพันก็ต้องมาขออนุมัติครม. แต่โครงการอนุมัติไปนานแล้ว อย่างเรื่องของการขอจัดซื้อรถน้ำ ครม.ก็บอกว่า อันนี้ยังไม่ควรใช้งบกลาง ให้ไปตั้งงบฯ ปี 55
เมื่อถามว่า ปกติการประชุมครม. จะเลิกในช่วงบ่าย แต่ครั้งนี้ ทำไมมีการเลิกการประชุมถึงตีสอง นายกฯ กล่าวว่า ก็เรื่องมันเยอะอย่างที่บอก บางเรื่องสมมุติว่า เราจะไปพิจารณาในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนยุบสภา บางเรื่องถ้าเป็นงบประมาณ หมายความว่า ต้องไปขอความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วมันก็จะยุ่งยาก และจริงๆ ถ้าทำอย่างนั้นจะยุ่งยากมากกว่าเสียอีก ยิ่งอนุมัติอะไรก็ได้ แล้วบอกว่าเป็นภาระกกต. เราก็ไม่อยากทำ และบทบัญญัติที่บอกว่า งานอะไรที่ไปผูกพันครม.ชุดต่อไป ซึ่งบทบัญญัตินี้ยังไม่เคยมีใครตีความ นั้นหมายความว่า โครงการอะไรก็ตาม ถ้าเลยไปเกี่ยวข้องครม.ชุดใหม่ อนุมัติไม่ได้ งานของประเทศ ของกระทรวง ต้องเดินในการแก้ไขปัญหา ทราบดีว่า ทุกคนห่วงใยงบประมาณ แต่ว่าทุกโครงการตรวจสอบได้ และถ้าเห็นว่า โครงการใดไม่เหมาะสมบอกว่า ยกเลิกให้เลย
** ปชป.ป้องครม.ทำถูกแล้ว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และยืนยันว่าการประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีการทิ้งทวนตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต ทุกอย่างเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ และเป็นไปตามสถานการณ์ที่จำเป็น อาทิ การอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ภัยแล้ง ค่าตอบแทนของทหารพรานจากการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงการดำเนินตามโครงการที่เคยวางไว้ให้เป็นรูปธรรม ทั้งการขึ้นค่าแรง 25 % ที่จะเริ่มภายในเดือนพฤษภาคมนี้ การให้สินเชื่อบ้านหลังแรกที่จะเริ่มภายในสัปดาห์หน้า มาตรการแก้ไขปัญหาเกษตรกร ตามโครงการชาวนาเข้มแข็ง ประกันวงเงินสินเชื่อล่วงหน้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส. ) ที่มีการประกันภัย ประกันรายได้ และสามารถชดเชยได้จากการประสบภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นจาก 600 บาท เป็น 2,000 บาทต่อไร่ ที่ต้องทำให้ทันฤดูกาลเพาะปลูก
**พท.จวกเอาเงินรัฐไปใช้หาเสียง
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีตรมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณของครม.ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการแบ่งงบประมาณ เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะงบประมาณที่กระทรวงพาณิชย์ได้ไปนั้น อ้างว่าจะเอาไปชดเชยราคาข้าวของที่แพงขึ้น ซึ่งตนคิดว่ามันไม่มีความสมเหตุสมผล กลัวว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไม่โปร่งใส เพราะฉะนั้นอยากจะให้ประชาชนได้ติดตามเรื่องนี้ด้วย
นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณครั้งนี้ รัฐบาลพยายามทำให้เสร็จก่อนประกาศยุบสภา เพราะเมื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ จะไม่สามารถอนุมัติเงินงบประมาณใดๆได้อีก ที่สำคัญคือรัฐบาลชุดนี้ต่างฝ่ายต่างเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลชุดนี้ ได้สร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ให้กับการเมืองไทย ตนจึงขอให้ทุกฝ่ายในประเทศสนใจในเรื่องนี้ และออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ด้วย อย่างกรณีการซื้อเครื่องมือในกองกำลังทหาร ของกระทรวงกลาโหม ที่เคยถูกพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้านได้ทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นตนเห็นว่าการประชุมครม.ที่ผ่านมา เป็นการประชุมครั้งอัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.ภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลใช้เวลาในการอนุมัติงบประมาณของแต่กระทรวงค่อนข้างรวดเร็ว สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กระทำไปนั้น ตนคิดว่าไม่ควรที่จะดำเนินการ เพราะการนำเงินงบประมาณไปใช้กับโครงการประมาณ 200 โครงการ และก็เป็นการรวบรัด โดยไม่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ อีกทั้งตนยังทราบมาจากคนใกล้ชิดที่อยู่ในที่ประชุม ครม.ก็เล่าให้ตนฟังว่า ในที่ประชุมไม่มีการสอบถามเกี่ยวกับโครงการของแต่ละกระทรวงเลย แต่เป็นเพียงแค่การรับฟังการเสนอโครงการเท่านั้น นอกจากนี้ตนยังมองว่า การแบ่งสรรงบประมาณดังกล่าวจะเป็นเพียงการเอาใจกันเอง หรือเป็นการต่อรองผลประโยชน์บางอย่าง