xs
xsm
sm
md
lg

วงจรอุบาทว์รัฐบาล “มาร์ค” ถอนทุน บวกกำไร ไร้ยางอาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐบาล “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่โยงบริหารประเทศมากว่า 2 ปี กลไกการบริหารประเทศ องคาพยพหน่วยราชการต่างๆ ดูเหมือนจะทำงานเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นไปตามวัฒนธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คนป้องปากนินทามาตลอดว่า
บริหารประเทศแบบข้าราชการ บริหารกันแบบเช้าชามเย็นชาม นายกรัฐมนตรีเหมือนเป็นแค่ปลัดประเทศ
ไม่มีการนำที่พุ่งปรี๊ด ปรู๊ดปร๊าด ทันใจวัยรุ่นยุคสมัยใหม่ บางจังหวะเวลาก็พาลทำให้คนหงุดหงิดรำคาญใจเหลือเกิน
หนำซ้ำยังมีข่าวการทุจริต ชักเย่อต่อรองผลประโยชน์ ถ่วงแข้งถ่วงขาการบริหารประเทศกันวุ่นวาย เพราะเอาเวลามาบริหารแต่เกมการเมือง จนชาวบ้านร้านช่องต้องส่ายหน้าร้องยี้เป็นเสียงเดียวกันว่า “โคตรเซ็ง”
ด้วยความที่เป็นรัฐบาลผสมไร้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันด้วยแล้ว การจะขับเคลื่อนหรือสั่งการใดๆ ย่อมต้องสำรวจตรวจตราเพื่อนร่วมงานกันอยู่เสมอว่าพร้อมจะเอาด้วยกันหรือไม่ จะตัดสินใจอะไรตามลำพังไปเพื่อนฝูงจะเคืองขุ่นหรือเปล่า มันก็ยิ่งทำให้การขับเคลื่อนต่างๆ ล่าช้า เป็นอาการ “เต่าป่วย”

ยิ่งประกอบกับสถานการณ์เรือล่มจมไม่ได้ เนื่องเพราะมีคนกุมอำนาจถือแส้คัดท้ายห้ามล้มห้ามหลงทาง จึงต้องกระเตงกันไปกันให้สุดทาง แม้บางครั้งจะกระอักกระอ่วนแทบจะอาเจียนใส่หน้ากันก็ตาม
ด้วยสภาพการณ์เหล่านี้ บางครั้งจึงดูเหมือนว่าใครอยากจะทำอะไรก็ทำกันไปเถอะ ขอเพียงแต่อย่าให้แพแตกแยกทาง จนต้องสูญเสียอำนาจไปให้อีกฝ่ายหนึ่ง ที่คนกุมอำนาจกดหัวไว้อยู่ไม่ให้ผงาดชูคอขึ้นมาก็พอ
ทว่าจุดนี้เอง กลับเป็นช่องว่างให้นักธุรกิจการเมือง แสวงหาตักตวงผลประโยชน์ วางเครือข่ายขุมอำนาจกันอย่างย่ามใจ
ใครคุมกระทรวงไหนก็เรื่องของใคร อย่ามาทับไลน์ อย่ามาล้วงลูกกัน แบบนี้มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ จึงไม่แปลกเลยที่มีเสียงนินทากันจมหูว่ายุคนี้เป็นยุคมืดของข้าราชการ และการเมือง ตั้งแต่ระดับล่างยันระดับสูง “ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร” ฮิตติดกระแสกันในแวดวงคนกันเอง
ที่พูดกันให้แซด ปิดยังก็ไม่มิดก็ต้องโฟกัสไปที่ข้าราชการการปกครอง ทั้งปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เรื่อยไปยันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทย มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง กันเอิกเกริก
แม้จะเป็นข่าวอึกทึกครึกโครม ก็ยังมิหยุดหย่อนลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด ทั้งข่าวโกงข้อสอบก็แล้ว วิ่งเต้นเข้าหาใครก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สะทกสะท้านอันใด แถมยักไหล่บอกไม่สนใครจะทำไม ยุคนี้ยุคอะไรเข้าใจมั้ยไอ้น้อง!!

เมื่อปล่อยให้กระบวนการมันดำเนินไปอย่างนี้ ไม่มีใครทัดทานจัดระเบียบ สุดท้ายก็กลายเป็นผลร้าย คนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งด้วยการวิ่งเต้น เสียค่าใช้จ่าย ในที่สุดก็ต้อง “ถอนทุน” ด้วยวิธีการอะไรก็แล้ว ที่จะคิดได้ด้วยสารพัดวิชามาร
คนที่เสียประโยชน์โดยรู้หรือไม่รู้หรือไม่ก็ตาม แต่ไม่มีกำลังวังชาจะไปสกัดกั้นได้ก็คือประชาชนตาดำๆ จากงบประมาณที่เคยจะได้ เช่น การสร้างถนนหนทางในท้องถิ่น จะได้สัก 2-3 เส้นทาง อาจจะเหลือแค่เส้นทางเดียว จากที่เคยจะได้โรงเรียนชุมชนสัก 4-5 โรง ก็เหลือเพียงไม่กี่โรงเท่านั้น
เรื่องแบบนี้เรียกว่าแทบจะเกิดขึ้นทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการตำรวจ เมื่อมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง มันก็ต้องมีการถอนถั่วอยู่ร่ำไป มีที่ไหนกันหว่านพืชจะไม่หวังผล??

ตำรวจไทย จะว่าไปมันมีช่องทางซิกแซ็ก หากินกันหลายทาง หลายอย่างจิปาถะ เมื่อถือกฎหมาย ถืออำนาจในมือแล้วใครก็ตามต้องยอมศิโรราบทั้งนั้น
ครานี้ใครจะเปิดบ่อน เปิดผับ เปิดบาร์ ก็เอากันให้เต็มที่ เพียงแต่อย่าลืมจ่ายส่วย “จ่ายกันหนักๆ ลือเต็มที่ อั๊วก็เต็มใจ กากี่นั้ง”

หนักข้อเข้าก็ลามปามเลยเถิดไปถึงขบวนการยาเสพติด บางคนบางแห่งได้รับผลประโยชน์กันเต็มตีน ก็ทำอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียอย่างนั้น ที่ร้ายกว่านั้นคือไปร่วมขบวนการด้วยเลย ปัญหาสังคมมันจึงยิ่งฟอนเฟะกู่ไม่กลับกันอย่างนี้
ครั้นเมื่อเหลือบไปดูข่าวคราวล่าสุดที่ คุณสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โชว์แอคอาร์ท ควงข้าราชการในกระทรวง ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐในท้องที่จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก ทำผิดกฎหมาย ทำตัวเป็นนายหน้าขายที่ดิน นำที่ดินของรัฐมาจำหน่ายให้นายทุนจากภาคใต้ เพื่อปลูกยางพาราด้วยแล้วมันตลก
กระทรวงนี้มีกระแสข่าวการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งไม่แพ้กระทรวงมหาดไทย และน่าจะมากกว่าด้วยซ้ำ แม้แต่คนในรัฐบาลกันเอง ยังออกมาแฉกันดังๆ ออกอากาศ กระทุ้งกระแทกกันจนเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้ว
วันดีคืนดีรัฐมนตรีก็ออกแอคชั่นพาทีมงาน นักข่าวไปตรวจกันที สร้างภาพเรียกคะแนน
แต่สุดท้ายแล้วก็เข้าอีหรอบเดิม มันสามารถจับกุมได้แค่แรงงานชาวมอญและพม่าที่มารับจ้างเป็นแรงงานปลูกและเฝ้าสวนยางเท่านั้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตัวใหญ่ ตัวเป้งกลับลอยนวล
วงจรอุบาทว์ ตอกย้ำภาพของการถอนทุน การถอนถั่วชัดเจน!!

เมื่อใช้เงินซื้อตำแหน่งมา ก็ต้องไปเอาล่อเอาเถิดกับทรัพยากรของชาติ พอเรื่องแดงขึ้นมาก็เข้าไปตรวจกันที แล้วก็จับปลาซิวปลาสร้อย จบไปๆ
ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ มันเกิดขึ้นจากต้นตอการเมืองที่ไม่เป็นธรรม ราชการจึงสะเปะสะปะหาทิศทางที่ดีไม่เจอ สุดท้ายก็กลายเป็นวงจรอุบาทว์กัดกร่อนสังคมไทย ถอนทุน บวกกำไรอย่างไร้ยางอายเช่นนี้
เพราะเมื่อหัวเบี้ยว หางก็ปัด!! ดังนั้นมันคงน่าจะถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรปฏิรูปเรื่องเหล่านี้ ให้เข้ารูปเข้ารอยที่ถูกที่ควรเสียที..
กำลังโหลดความคิดเห็น