ASTVผู้จัดการรายวัน – ท่องเที่ยว ของบกลางปี 358 ล้านบาท ติดตั้งระบบและคุรุภัณฑ์ศูนย์ประชุมฯเชียงใหม่ อ้างถ้าได้สิ้นปีนี้เปิดให้บริการ ขณะที่การคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่อง 37% จากปีก่อน ชี้ปัจจัยยังเป็นบวก เผยเหตุปะทะชายแดนไทย-เขมร นักท่องเที่ยวหลบไปใช้ด่านจากประเทศลาวเดินทางเข้าประเทศไทย
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาขออนุมัติงบประมาณจากงบกลางปี 2554 วงเงิน 358 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ จัดซื้อคุรุภัณฑ์ การวางระบบออดิโอวิชวล ระบบวิศวกรรมไฟฟ้าและไอที ให้แก่ศูนย์การประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ โดยเป็นวงเงินที่ลดลงจากก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าจะขอที่วงเงินกว่า 1,000
ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ จากผลการศึกษา พบว่า ในส่วนของ การลงทุนเดินสายไฟฟ้า ปะปา และโทรศัพท์ รวมถึง การสร้างถนนเข้าศูนย์ จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานในแต่ละสังกัด ที่จะต้องตั้งงบขึ้นมาดำเนินการให้
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า หากได้รับจัดสรรเงินตามที่เสนอขอ การก่อสร้างก็จะแล้วเสร็จทันภายในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.ศกนี้ พร้อมทำพิธี้ปืดอย่างเป็นทางการได้ภายในเดือน พ.ย.หรือธ.ค.ศกนี้ ซึ่งถือเป็นการแล้วเสร็จตามกำหนด โดยในระหว่างนี้ จะเตรียมร่างทีโออาร์ เพื่อเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้าประมูลสิทธิ์ในการเป็นผู้บริหารศูนย์ฯ โดยจะต้องแล้วเสร็จก่อน 30 ก.ย.ศกนี้
แต่ก็ยังไม่ทิ้งทางเลือกที่จะให้ ท้องถิ่น หรือให้กระทรวงเป็นผู้บริหารจัดการ
สำหรับการประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อการอำนวยการและบริการด้านการท่องเที่ยว ได้มีรายงานจากกรมการท่องเที่ยว ว่า ได้ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า จะเติบโต 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวก ในเรื่องของ ความสงบทางการเมือง ในประเทศ และ ต้องไม่มีการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพิ่มเติมนับจากนี้ ขณะที่ ไตรมาสแรก
มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5.33 ล้านคน เพิ่มขึ้น 674,065 คน หรือ 14.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุด พบว่า ผลจากกรณีการปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนของประเทศ มีผลทำให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเข้าออกชายแดน ไปเดินทางเข้าออกที่ด่านชายแดนระหว่างไทยกับประเทศลาว เพราะมีสะพานข้ามหลายจุด โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากประเทศเวียดนามเพื่อมาไทยที่ด่านฝั่งลาวได้ด้วย
ส่วนกรณีกลุ่มอัลกออิดะ ประกาศจะล้างแค้นสหรัฐอเมริกาที่ฆ่าบินลาดินนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ก็เตรียมพร้อมรับมือเรื่องภัยการก่อการร้ายอยู่แล้ว และพยายามไม่ให้เรื่องเหล่านี้กระทบกับการท่องเที่ยว
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาขออนุมัติงบประมาณจากงบกลางปี 2554 วงเงิน 358 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ จัดซื้อคุรุภัณฑ์ การวางระบบออดิโอวิชวล ระบบวิศวกรรมไฟฟ้าและไอที ให้แก่ศูนย์การประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ โดยเป็นวงเงินที่ลดลงจากก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าจะขอที่วงเงินกว่า 1,000
ล้านบาท ทั้งนี้เพราะ จากผลการศึกษา พบว่า ในส่วนของ การลงทุนเดินสายไฟฟ้า ปะปา และโทรศัพท์ รวมถึง การสร้างถนนเข้าศูนย์ จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานในแต่ละสังกัด ที่จะต้องตั้งงบขึ้นมาดำเนินการให้
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า หากได้รับจัดสรรเงินตามที่เสนอขอ การก่อสร้างก็จะแล้วเสร็จทันภายในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.ศกนี้ พร้อมทำพิธี้ปืดอย่างเป็นทางการได้ภายในเดือน พ.ย.หรือธ.ค.ศกนี้ ซึ่งถือเป็นการแล้วเสร็จตามกำหนด โดยในระหว่างนี้ จะเตรียมร่างทีโออาร์ เพื่อเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้าประมูลสิทธิ์ในการเป็นผู้บริหารศูนย์ฯ โดยจะต้องแล้วเสร็จก่อน 30 ก.ย.ศกนี้
แต่ก็ยังไม่ทิ้งทางเลือกที่จะให้ ท้องถิ่น หรือให้กระทรวงเป็นผู้บริหารจัดการ
สำหรับการประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อการอำนวยการและบริการด้านการท่องเที่ยว ได้มีรายงานจากกรมการท่องเที่ยว ว่า ได้ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 2 ปีนี้ ว่า จะเติบโต 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวก ในเรื่องของ ความสงบทางการเมือง ในประเทศ และ ต้องไม่มีการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพิ่มเติมนับจากนี้ ขณะที่ ไตรมาสแรก
มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5.33 ล้านคน เพิ่มขึ้น 674,065 คน หรือ 14.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ล่าสุด พบว่า ผลจากกรณีการปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนของประเทศ มีผลทำให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเข้าออกชายแดน ไปเดินทางเข้าออกที่ด่านชายแดนระหว่างไทยกับประเทศลาว เพราะมีสะพานข้ามหลายจุด โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาจากประเทศเวียดนามเพื่อมาไทยที่ด่านฝั่งลาวได้ด้วย
ส่วนกรณีกลุ่มอัลกออิดะ ประกาศจะล้างแค้นสหรัฐอเมริกาที่ฆ่าบินลาดินนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ก็เตรียมพร้อมรับมือเรื่องภัยการก่อการร้ายอยู่แล้ว และพยายามไม่ให้เรื่องเหล่านี้กระทบกับการท่องเที่ยว