ASTVผู้จัดการรายวัน-“ส.อ.ท.”ผวารัฐบาลใหม่เดินหน้าประชานิยมตรึงราคาสินค้าต่อ เตือนเงินเฟ้อขณะนี้ของเทียมควรผ่อนคลายตามต้นทุนที่แท้จริงไม่เช่นนั้นอาจคุมไม่อยู่ เตรียมชงแก้ 147 เรื่อง ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจต่อรัฐบาลใหม่ และเสนอให้มีแผนรองรับ AEC ในปี 2558
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ (3พ.ค.) ว่า ส.อ.ท.มีความกังวลปัญหาเงินเฟ้อของไทย หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศจะยังคงใช้แนวนโยบายประชาชานิยมเช่นปัจจุบันด้วยการตรึงราคาสินค้าเป็นระยะเวลานานว่าอาจไม่สามารถควบคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ ดังนั้น รัฐบาลควรใช้นโยบายผ่อนคลายราคาสินค้าที่พิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริงประกอบ
“เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นภาวะเทียม เพราะรัฐบาลใช้วิธีควบคุมราคาสินค้าไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะสูงกว่านี้ และเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะยังคุมราคาต่อไป แต่สิ่งที่กังวล ถ้ารัฐบาลใหม่มา ยังคงใช้นโยบายนี้และกดราคาสินค้าไว้นานๆ จะระเบิดได้ ซึ่งหลายประเทศเองก็วิตกปัญหานี้เช่นกันและหากประเทศใดคุมไม่ได้จะลุกลามเป็นระดับภูมิภาคแต่ของไทยนั้นยังคงไม่ก้าวถึงภาวะเงินฝืด”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับภาวการณ์ส่งออกนั้นคาดว่าไตรมาส 2 คงจะปรับตัวลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่มีปัญหาผลิตไม่ได้ เพราะเกิดปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนจากกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ต้องการเห็นรัฐบาลใหม่มาให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชนและประชาชนในทุกมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง โดยไม่ควรเน้นการประชานิยมที่ระยะยาวจะเป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจไทย
ส่วนการประชุมกกร.ไม่ได้หารือถึงผลกระทบทางการเมือง เนื่องจากการยุบสภา เป็นเรื่องที่ทราบล่วงหน้าแล้ว แต่ได้พิจารณาถึงข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางธุรกิจของเอกชนที่มีทั้งสิ้น 147 เรื่อง ซึ่งจะได้ไปจัดทำรายละเอียดต่างๆ เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาต่อไป รวมไปถึงนโยบายบางเรื่องที่ยังคงค้างที่คาดว่าจะมีการนำเสนอรัฐบาลใหม่ผลักดัน เช่น ค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล เป็นต้น
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาทบทวนการขับเคลื่อนของไทยในการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ที่ไทยต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เพื่อที่จะยังคงให้ไทยเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจในอาเซียนต่อไป โดยไม่ใช่คิดแบบสั้นๆ ควรจะเตรียมตัวในระยะยาว
“เมื่อมีการยุบสภา พรรคการเมืองต่างๆ คงจะมาหารือกับเรา เราเองคงจะต้องบอกให้การเมืองเข้าใจถึงความสำคัญในเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องทำอย่างไรให้การค้าชายแดนไทยมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่เปิดเสรีแล้วติดระเบียบปฏิบัติเช่นอดีตที่ผมเผชิญมา ก็ไม่มีใครสนใจดู และนี่ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ไทยต้องเร่งปรับตัวรักษาความเป็นผู้นำให้ได้”นายดุสิตกล่าว
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ (3พ.ค.) ว่า ส.อ.ท.มีความกังวลปัญหาเงินเฟ้อของไทย หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศจะยังคงใช้แนวนโยบายประชาชานิยมเช่นปัจจุบันด้วยการตรึงราคาสินค้าเป็นระยะเวลานานว่าอาจไม่สามารถควบคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ ดังนั้น รัฐบาลควรใช้นโยบายผ่อนคลายราคาสินค้าที่พิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริงประกอบ
“เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นภาวะเทียม เพราะรัฐบาลใช้วิธีควบคุมราคาสินค้าไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะสูงกว่านี้ และเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะยังคุมราคาต่อไป แต่สิ่งที่กังวล ถ้ารัฐบาลใหม่มา ยังคงใช้นโยบายนี้และกดราคาสินค้าไว้นานๆ จะระเบิดได้ ซึ่งหลายประเทศเองก็วิตกปัญหานี้เช่นกันและหากประเทศใดคุมไม่ได้จะลุกลามเป็นระดับภูมิภาคแต่ของไทยนั้นยังคงไม่ก้าวถึงภาวะเงินฝืด”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับภาวการณ์ส่งออกนั้นคาดว่าไตรมาส 2 คงจะปรับตัวลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่มีปัญหาผลิตไม่ได้ เพราะเกิดปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนจากกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ต้องการเห็นรัฐบาลใหม่มาให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชนและประชาชนในทุกมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง โดยไม่ควรเน้นการประชานิยมที่ระยะยาวจะเป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจไทย
ส่วนการประชุมกกร.ไม่ได้หารือถึงผลกระทบทางการเมือง เนื่องจากการยุบสภา เป็นเรื่องที่ทราบล่วงหน้าแล้ว แต่ได้พิจารณาถึงข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางธุรกิจของเอกชนที่มีทั้งสิ้น 147 เรื่อง ซึ่งจะได้ไปจัดทำรายละเอียดต่างๆ เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาต่อไป รวมไปถึงนโยบายบางเรื่องที่ยังคงค้างที่คาดว่าจะมีการนำเสนอรัฐบาลใหม่ผลักดัน เช่น ค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล เป็นต้น
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาทบทวนการขับเคลื่อนของไทยในการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ที่ไทยต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เพื่อที่จะยังคงให้ไทยเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจในอาเซียนต่อไป โดยไม่ใช่คิดแบบสั้นๆ ควรจะเตรียมตัวในระยะยาว
“เมื่อมีการยุบสภา พรรคการเมืองต่างๆ คงจะมาหารือกับเรา เราเองคงจะต้องบอกให้การเมืองเข้าใจถึงความสำคัญในเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องทำอย่างไรให้การค้าชายแดนไทยมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่เปิดเสรีแล้วติดระเบียบปฏิบัติเช่นอดีตที่ผมเผชิญมา ก็ไม่มีใครสนใจดู และนี่ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่ไทยต้องเร่งปรับตัวรักษาความเป็นผู้นำให้ได้”นายดุสิตกล่าว
