“ตั้งฮั่วเส็ง” ปรับใหญ่ สาขาธนบุรีรอบ 20 ปี ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ปรับสู่ศูนย์การค้าที-สแควร์ ขยายกลุ่มเป้าหมายกลุ่มอายุ 20-40 ปีมากขึ้น คาดทั้งปีนี้รายได้รวมทั้งกลุ่มโต 5%
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งธนบุรี ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีของสาขานี้ ขณะที่แบรนด์ตั้งฮั่วเส็งมีอายุครบ 50 ปี โดยจะปรับสาขาธนบุรีเป็นศูนย์การค้า ใช้ชื่อว่า ที-สแควร์ (T-SQUARE) ภายใต้คอนเซ็ปท์ ครีเอทีฟ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ โดยปรับพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งและเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่เหลือ 20,000 ตร.ม. และเพิ่มพื้นที่พลาซ่าขึ้นมาอีกประมาณ 10,000 ตร.ม.เพื่อรองรับร้านค้าต่างๆ และเปิดบริการพื้นที่ชั้น 5 เพิ่มอีก รวมเป็นพื้นที่บริการทั้งศุนย์ฯ 35,000 ตร.ม.
ทั้งนี้มีแผนจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนอายุเฉลี่ย 20-40 ปีมากขึ้น ทั้งกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน ครอบครัว จากเดิมกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยจะเพิ่มร้านอาหาร ร้านค้าและบริการต่างๆที่จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่นี้มากขึ้น เช่น ร้านซีเอ็ด ร้านฮอทพอท เป็นต้น ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่ โดยขณะนี้มีพื้นที่ปล่อยเช่าได้แล้วกว่า 60% จากพื้นที่พลาซ่า 10,000 ตร.ม. ราคาค่าเช่าเฉลี่ย 900-1,500 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน
สำหรับการแบ่งพื้นที่ในศูนย์ทีสแควร์นั้น ชั้นใต้ดินยังเป็นจุดแข็งคือ เก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ต และพื้นที่บริการต่างๆ ชั้น1เป็นร้านอาหารแบรนด์ดัง ธนาคาร สปา สถาบันเสริมความงาม เครื่องสำอาง ชั้น2เป็นแฟชั่น ชั้น3เป็นฮอบบี้เซ็นเตอร์ ศูนย์รวมงานฝีมือ งานอดิเรก ชั้น4เป็นเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า กีฬา และชั้น5เป็นเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ คาดว่าจะสามารถเปิดบริการรูปโฉมใหม่ได้เฟสแรกคือชั้นใต้ดินและชั้น1ประมาณเดือนตุลาคมปีนี้ และเสร็จสมบูรณ์แบบทั้งโครงการประมาณกลางปีหน้า
“ถึงแม้ว่าตั้งฮั่วเส็งยังห่างไกลกับกลุ่มยักษ์ใหญ่เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ ที่มีการขยายตัวตลอด แต่เราก็ต้องปรับตัวเองเเช่นกันและปรับปรุงธุรกิจต่อไปไม่หยุด” นายวิโรจน์กล่าวย้ำ
ส่วนจะมีการเปิดสาขาใหม่ของตั้งฮั่วเส็งหรือทีสแควร์หรือไม่นั้นตอนนี้ยังไม่มีแผน และคาดว่าเมื่อปรับปรุงสาขาธนบุรีเสร็จเป็นที-สแควร์ จะมีคนเข้าศูนย์รวมเพิ่มเป็น 20,000 คนในวันธรรมดา และ 30,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ จากเดิม 7,000 คนและ 10,000 คนตามลำดับ
สำหรับธุรกิจเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตนั้น ในปีนี้จะมีการขยายสาขาใหม่ 4-5 สาขา เน้นทำเลหน้ามหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมันและหน้าหมู่บ้าน ลงทุนเฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 300-450 ตร.ม.ต่อสาขา ที่ผ่านมาเป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ และได้เปิดไปแล้วในปั๊มซัสโก้ที่ ราชพฤกษ์ และเจรจาเพิ่มอีกที่แถวสายใต้ใหม่ ซึ่งขณะนี้ซัสโก้มีปั๊มในกรุงเทพฯมากกว่า 46 สาขา นอกนั้นสาขาเก็ทอิทที่เปิดแล้วนอกปั๊มซัสโก้เช่น มหิดลศาลายา,โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลเด็ก สุขาภิบาล3 เป็นต้น ซึ่งรายได้จากเก็ทอิทมีสัดส่วนประมาณ 30% จากรายได้รวม ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็งสาขาบางลำภู มีแผนที่จะปรับปรุงใหญ่เช่นกันในปีหน้าด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 5,000 ตร.ม. สูง 5 ชั้น เช่น ย้ายแผนกงานฝีมือขึ้นไปบนชั้น2 เป็นต้น
นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า คาดว่าผลประกอบการปีนี้โดยรวมของทั้งกลุ่มจะมีรายได้เติบโตประมาณ 5% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกที่ผ่านมาทำได้ 5% ตามเป้าหมาย และคาดว่าในปีหน้ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 20% หลังจากที่ที-สแควร์ เปิดบริการสมบูรณ์แบบ
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งธนบุรี ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีของสาขานี้ ขณะที่แบรนด์ตั้งฮั่วเส็งมีอายุครบ 50 ปี โดยจะปรับสาขาธนบุรีเป็นศูนย์การค้า ใช้ชื่อว่า ที-สแควร์ (T-SQUARE) ภายใต้คอนเซ็ปท์ ครีเอทีฟ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ โดยปรับพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็งและเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่เหลือ 20,000 ตร.ม. และเพิ่มพื้นที่พลาซ่าขึ้นมาอีกประมาณ 10,000 ตร.ม.เพื่อรองรับร้านค้าต่างๆ และเปิดบริการพื้นที่ชั้น 5 เพิ่มอีก รวมเป็นพื้นที่บริการทั้งศุนย์ฯ 35,000 ตร.ม.
ทั้งนี้มีแผนจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนอายุเฉลี่ย 20-40 ปีมากขึ้น ทั้งกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน ครอบครัว จากเดิมกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยจะเพิ่มร้านอาหาร ร้านค้าและบริการต่างๆที่จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่นี้มากขึ้น เช่น ร้านซีเอ็ด ร้านฮอทพอท เป็นต้น ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่ โดยขณะนี้มีพื้นที่ปล่อยเช่าได้แล้วกว่า 60% จากพื้นที่พลาซ่า 10,000 ตร.ม. ราคาค่าเช่าเฉลี่ย 900-1,500 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน
สำหรับการแบ่งพื้นที่ในศูนย์ทีสแควร์นั้น ชั้นใต้ดินยังเป็นจุดแข็งคือ เก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ต และพื้นที่บริการต่างๆ ชั้น1เป็นร้านอาหารแบรนด์ดัง ธนาคาร สปา สถาบันเสริมความงาม เครื่องสำอาง ชั้น2เป็นแฟชั่น ชั้น3เป็นฮอบบี้เซ็นเตอร์ ศูนย์รวมงานฝีมือ งานอดิเรก ชั้น4เป็นเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า กีฬา และชั้น5เป็นเลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ คาดว่าจะสามารถเปิดบริการรูปโฉมใหม่ได้เฟสแรกคือชั้นใต้ดินและชั้น1ประมาณเดือนตุลาคมปีนี้ และเสร็จสมบูรณ์แบบทั้งโครงการประมาณกลางปีหน้า
“ถึงแม้ว่าตั้งฮั่วเส็งยังห่างไกลกับกลุ่มยักษ์ใหญ่เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ ที่มีการขยายตัวตลอด แต่เราก็ต้องปรับตัวเองเเช่นกันและปรับปรุงธุรกิจต่อไปไม่หยุด” นายวิโรจน์กล่าวย้ำ
ส่วนจะมีการเปิดสาขาใหม่ของตั้งฮั่วเส็งหรือทีสแควร์หรือไม่นั้นตอนนี้ยังไม่มีแผน และคาดว่าเมื่อปรับปรุงสาขาธนบุรีเสร็จเป็นที-สแควร์ จะมีคนเข้าศูนย์รวมเพิ่มเป็น 20,000 คนในวันธรรมดา และ 30,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ จากเดิม 7,000 คนและ 10,000 คนตามลำดับ
สำหรับธุรกิจเก็ทอิทซูเปอร์มาร์เก็ตนั้น ในปีนี้จะมีการขยายสาขาใหม่ 4-5 สาขา เน้นทำเลหน้ามหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมันและหน้าหมู่บ้าน ลงทุนเฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 300-450 ตร.ม.ต่อสาขา ที่ผ่านมาเป็นพันธมิตรกับปั๊มน้ำมันซัสโก้ และได้เปิดไปแล้วในปั๊มซัสโก้ที่ ราชพฤกษ์ และเจรจาเพิ่มอีกที่แถวสายใต้ใหม่ ซึ่งขณะนี้ซัสโก้มีปั๊มในกรุงเทพฯมากกว่า 46 สาขา นอกนั้นสาขาเก็ทอิทที่เปิดแล้วนอกปั๊มซัสโก้เช่น มหิดลศาลายา,โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลเด็ก สุขาภิบาล3 เป็นต้น ซึ่งรายได้จากเก็ทอิทมีสัดส่วนประมาณ 30% จากรายได้รวม ส่วนห้างตั้งฮั่วเส็งสาขาบางลำภู มีแผนที่จะปรับปรุงใหญ่เช่นกันในปีหน้าด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 5,000 ตร.ม. สูง 5 ชั้น เช่น ย้ายแผนกงานฝีมือขึ้นไปบนชั้น2 เป็นต้น
นายวิโรจน์กล่าวด้วยว่า คาดว่าผลประกอบการปีนี้โดยรวมของทั้งกลุ่มจะมีรายได้เติบโตประมาณ 5% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกที่ผ่านมาทำได้ 5% ตามเป้าหมาย และคาดว่าในปีหน้ารายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 20% หลังจากที่ที-สแควร์ เปิดบริการสมบูรณ์แบบ
