ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยายันนโยบายพัฒนาเมืองสู่ความเป็นอินเตอร์ ต้องมีรถไฟฟ้ารางเดี่ยว เตรียมนัดประชุมใหม่หารือแนวทางการดำเนินโครงการต้นมิ.ย. ชี้ข้อดีมากกว่าเสีย ส่วนที่ประชาชนคัดค้านเป็นเพราะไม่เข้าใจเนื้อหาของโครงการที่ชัดเจนเท่านั้น
จากกรณีที่เมืองพัทยาได้ริเริ่มแนวคิดในการจัดทำโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ โมโนเรล ซึ่งถือเป็นโครงการที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ทำสัญญาประชาคมและชี้แจงไว้แก่ประชาชนในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตามแผนงาน 1 ใน 14 นโยบายเร่งด่วนที่เมืองพัทยาจะจัดทำขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร พัฒนาระบบขนส่งมวลชน และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บ.โชติจินดา มูเชล คอนซัลแตนท์ จำกัด และ บ.เทสโก้ จำ กัด เข้ามาศึกษา วิเคราะห์ปัญหาด้านการจราจรและระบบขนส่งมวลชนทั้งปัจจุบันและอนาคต เพื่อจัดทำแผนแม่บทระบบรถไฟฟ้ารอบเมืองพัทยาที่มีความยาวไม่น้อยกว่า 25 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ เสนอโครงการนำร่องที่มีระยะทางไม่น้อยกว่า 6 กิโลเมตร โดยมีเส้นทางหลักอยู่บนถนนพัทยาสาย 2 ทั้งนี้ จะไม่มีการเวนคืนที่ดิน และหากดำเนินการแล้วเสร็จก็คงจะทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น แต่พบว่าที่ผ่านมามีประชาชนบางส่วนคัดค้านเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น
กรณีดังกล่าว ดร.พิษณุ พะลายานนท์ ประธานที่ปรึกษากลุ่มยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองท่องเที่ยวน่าอยู่เมืองพัทยา กลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดดังกล่าวเปิดเผยว่าในวันที่ 3 มิ.ย. เมืองพัทยาจะเรียกประชุมคณะกรรมการในกลุ่มยุทธศาสตร์ ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือ โมโนเรล มาเข้าร่วมทำการหารือใหม่อีกครั้ง เพื่อกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์การจัดทำโครงการที่ชัดเจน
ทั้งนี้ต้องขอยืนยันว่าโครงการดังกล่าวถือเป็นนโยบายสำคัญของเมืองพัทยาที่มีเจตนารมณ์ในการพัฒนาเมืองพัทยาไปสู่ความเป็นนานาชาติ รวมทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาระบบขนส่งมวลชนและการจราจรในพื้นที่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การจัดทำโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว สิ่งสำคัญคือเรื่องของการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนที่ก่อนหน้านี้ในการระดมความคิดเห็นจากประชาชน และที่มีการคัดค้านจากคนบางกลุ่ม เมืองพัทยาไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะทุกขั้นตอนทำเพื่อประโยชน์ในภาพรวม และที่คัดค้านก็คงเป็นเพราะประชาชนเหล่านั้นยังคงขาดความเข้าใจในภาพรวมของโครงการมากกว่า
โดยเฉพาะพื้นที่การจัดสร้างโครงการนั้นแต่เดิมมีแผนการลง ทุนบริเวณตามแนวถนนสายชายหาด แต่พบว่าอาจมีปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการบดบังสภาพภูมิทัศน์ จึงเปลี่ยนย้ายโครงการมายังบริเวณถนนพัทยาสาย 2 ซึ่งไม่มีการกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบดบังสภาพภูมิทัศน์แต่อย่างใด อีกทั้งพื้นที่ตามแนวถนนเส้นนี้ก็มีความเหมาะสมทั้งเป็นแหล่งการค้าการลงทุน และนักท่องเที่ยวจำนวนมากจึงน่าจะเหมาะสม
ที่สำคัญการก่อสร้างรางเดินรถและสถานีขนส่งก็อยู่กลางแนวถนนที่จะไม่กีดขวางทางเดินเท้า และสถานประกอบการแต่อย่างใด เพราะมีขนาดความกว้างของเสาตอม่อเพียงไม่ถึง 1 เมตร ซึ่งเบื้องต้นได้วางเส้นทางเดินรถไว้ในระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องของการลงทุน ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วง แต่ข้อสรุปล่าสุดนั้นมีแนวคิดที่จะเปิดให้ภาคเอกชนมาลงทุน โดยไม่จำเป็นต้องของบประมาณซึ่งเป็นภาษีของรัฐมาใช้แต่อย่างใด โดยจะดำเนินการในลักษณะของการร่วมทุนตาม พ.ร.บ.ที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยจะมีรูปแบบ ระยะทาง รูปลักษณะของรถ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ เพื่อนำเสนอตามความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าคงจะใช้งบประมาณราว 5-6 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจหลายรายแสดงความจำนงที่จะเข้ามาสัมปทานโครงการไม่ว่าจะเป็นจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น จีน หรือยุโรปอย่างประเทศสวีเดน โดยคาดว่าคงจะใช้เวลาการเตรียมการอีกประมาณ 1-1.5 ปี
สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว หรือโมโนเรล ถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ และจากการสุ่มสำรวจความคิดเห็นจากนักท่องเที่ยวและประชาชน ก็พบว่าส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย เนื่องจากจะเป็นโครงการที่เชิดหน้าชูตาให้กับเมืองพัทยาเป็นอย่างดี และถือเป็นโครงการที่มีความทันสมัย ในการยกระดับการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยามากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2554 คงจะมีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมขึ้นอย่างแน่นอน