ASTVผู้จัดการรายวัน - "คริสตินา" ผู้ผลิตอ่างอาบน้ำครบวงจร วางเป้าภายใน 3 ปี ฐานลูกค้ารายย่อยต้องเพิ่มขึ้นเป็น 50% เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น พร้อมปรับแผนเน้นตลาดในประเทศ รับมือผลข้างเคียงตลาดในญี่ปุ่นและความเสี่ยงการสู้รบในตะวันออกกลาง อาจกระทบยอดส่งออกของบริษัทฯ
นายภูชิชญ์ อรรครฐานะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สุขภัณฑ์คริสตินา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตอ่างอาบน้ำระดับพรีเมี่ยมฝีมือคนไทย แบรนด์ “คริสตินา (Cristina)” และ “ออนเซ็น (Onzen)” เปิดเผยว่าในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทางบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายกับกลุ่มผู้ใช้รายย่อยให้อยู่ระดับ 50% และขายผ่านทางโครงการที่อยู่อาศัย 50% จากปัจจุบันที่ยอดขายผ่านโครงการจะสูงถึง 70% และรายย่อย 30% สาเหตุหลัก เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากขณะนี้ สินค้าที่นำเสนอให้แก่ลูกค้ามีครบทุกความต้องการ แต่จะกระตุ้นสินค้าประเภทอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆให้เติบโตกว่าที่เป็นอยู่ นอกเหนือจากสินค้าอ่างอาบน้ำที่มีส่วนแบ่งของรายได้สูงถึง 60-70%
"ตอนนี้เราพร้อมรบแล้ว ทั้งเรื่องกำลังเงินที่สามารถสนับสนุนการขยายธุรกิจ และด้วยที่อยู่ในวงการมานานกว่า 16 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภัณฑ์ "นายภูชิชญ์กล่าว
สำหรับแผนการตลาดในปี 54 นั้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งเรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับประเทศญี่ปุ่น และปัญหาในตะวันออกกลาง ทำให้กังวลเรื่องตลาดการส่งออก ดังนั้นในปีนี้จะเร่งทำตลาดภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยจะขยับสัดส่วนให้ได้ระดับ 80% ส่งออก 20% จากปี53 ในประเทศ 70% และส่งออก 30% ซึ่งตลาดส่งออกครึ่งหลังของปี 54 จะฟื้นตัวหรือแย่ลง ต้องพิจารณาผลกระทบใน 2 ไตรมาสแรกของปี 54
โดยเป้าการขายในปีนี้ ถูกกำหนดให้เติบโตกว่า 20% หรือมียอดขายกว่า 800 ล้านบาท เนื่องมาจากการทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาทในการส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกัน ช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรด อาทิ คริสตัลดีไซน์ เซ็นเตอร์ , โฮมโปร สาขาฉะเชิงเทรา , บุญถาวร สาขาหัวหิน รวมทั้งร้านค้าย่อยทั่วทุกภูมิภาค ผลักดันให้การขายเป็นไปเป้าที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทางภาคใต้นั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับการขายของบริษัทฯ เนื่องจากการผลิตจะทำตามคำสั่งซื้อ ทำให้ไม่มีสต๊อกค้างในตัวแทนจำหน่าย ถึงกระนั้น 1-2 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้รักษาระดับราคา แม้ภาพรวมต้นทุนจะขยับขึ้น แต่สถานการณ์ในขณะนี้ ราคาน้ำมันและต้นทุนต่างๆขยับมาก ทำให้ต้องปรับราคาขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อลูกค้า
นายภูชิชญ์ อรรครฐานะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สุขภัณฑ์คริสตินา (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตอ่างอาบน้ำระดับพรีเมี่ยมฝีมือคนไทย แบรนด์ “คริสตินา (Cristina)” และ “ออนเซ็น (Onzen)” เปิดเผยว่าในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทางบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการขายกับกลุ่มผู้ใช้รายย่อยให้อยู่ระดับ 50% และขายผ่านทางโครงการที่อยู่อาศัย 50% จากปัจจุบันที่ยอดขายผ่านโครงการจะสูงถึง 70% และรายย่อย 30% สาเหตุหลัก เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากขณะนี้ สินค้าที่นำเสนอให้แก่ลูกค้ามีครบทุกความต้องการ แต่จะกระตุ้นสินค้าประเภทอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆให้เติบโตกว่าที่เป็นอยู่ นอกเหนือจากสินค้าอ่างอาบน้ำที่มีส่วนแบ่งของรายได้สูงถึง 60-70%
"ตอนนี้เราพร้อมรบแล้ว ทั้งเรื่องกำลังเงินที่สามารถสนับสนุนการขยายธุรกิจ และด้วยที่อยู่ในวงการมานานกว่า 16 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภัณฑ์ "นายภูชิชญ์กล่าว
สำหรับแผนการตลาดในปี 54 นั้น เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งเรื่องภัยพิบัติที่เกิดกับประเทศญี่ปุ่น และปัญหาในตะวันออกกลาง ทำให้กังวลเรื่องตลาดการส่งออก ดังนั้นในปีนี้จะเร่งทำตลาดภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยจะขยับสัดส่วนให้ได้ระดับ 80% ส่งออก 20% จากปี53 ในประเทศ 70% และส่งออก 30% ซึ่งตลาดส่งออกครึ่งหลังของปี 54 จะฟื้นตัวหรือแย่ลง ต้องพิจารณาผลกระทบใน 2 ไตรมาสแรกของปี 54
โดยเป้าการขายในปีนี้ ถูกกำหนดให้เติบโตกว่า 20% หรือมียอดขายกว่า 800 ล้านบาท เนื่องมาจากการทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาทในการส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกัน ช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรด อาทิ คริสตัลดีไซน์ เซ็นเตอร์ , โฮมโปร สาขาฉะเชิงเทรา , บุญถาวร สาขาหัวหิน รวมทั้งร้านค้าย่อยทั่วทุกภูมิภาค ผลักดันให้การขายเป็นไปเป้าที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทางภาคใต้นั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับการขายของบริษัทฯ เนื่องจากการผลิตจะทำตามคำสั่งซื้อ ทำให้ไม่มีสต๊อกค้างในตัวแทนจำหน่าย ถึงกระนั้น 1-2 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้รักษาระดับราคา แม้ภาพรวมต้นทุนจะขยับขึ้น แต่สถานการณ์ในขณะนี้ ราคาน้ำมันและต้นทุนต่างๆขยับมาก ทำให้ต้องปรับราคาขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อลูกค้า