ASTVผู้จัดการรายวัน- ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ประทานสัมภาษณ์ผ่านรายการทีวี เหตุเผาบ้านเมืองนำความทุกข์เหลือเกินสู่พระราชินี-ในหลวงกระทั่งอาการพระประชวรทรุด ทรงเล่าทั้ง 2 พระองค์ทรงงานหนักมาโดยตลอด โดยเฉพาะในยามประเทศเกิดวิกฤต ตรัสอยากได้เวลาทีวีวันละ 10 นาทีหวังคนเข้าใจในหลวงทำอะไรอยู่ แต่ไม่กล้าขอ
มีประชาชนคนไทยจำนวนมากให้ความสนใจติดตามชมกันสำหรับรายการ "วู๊ดดี้ เกิดมาคุย" เทปคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(3) ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี หลังทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานสัมภาษณ์เรื่องราวส่วนพระองค์อย่างทรงเป็นกันเอง โดยมี "วู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ
โดยในช่วงต้นรายการฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ ได้ตรัสถึงการที่มีข่าวลือถึงอาการพระประชวรของพระองค์เอง ที่บ้างก็ว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ บ้างก็ว่าล้มเพราะถูกคนกระทำ ซึ่งทุกอย่างหาใช่เรื่องจริง จากนั้นทรงเล่าถึงการได้เข้าไปเป็นลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนได้รับแง่คิดในการดำเนินชีวิตมามากมาย ทั้งเรื่องการพิจารณาตัวเอง การปล่อยวาง
จากนั้นได้ทรงเล่าถึงการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้ทรงตรากตรำงานมาโดยตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งในยามที่ทรงประชวร โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านเมืองเกิวิกฤติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงติดตามข่าวสาร และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าถวายพระรายงานอยู่ตลอดกระทั่งเกือบจะไม่มีเวลาบรรทม
"ท่านบรรทมดึกมาก บางครั้งท่านก็บรรทมไม่หลับ บางครั้งก็บรรทมน้อย บางครั้งมีการส่งรูปปัญหาต่างๆ เข้าท่านก็คอยตาม อย่างน้ำท่วมคนลำบากไหม ท่านก็ทรงให้ส่งถุงยังชีพไปให้ แต่พอท่านทอดพระเนตรทางโทรทศน์ ว่าทางนั้นก็น้ำท่วม ทางนี้ร้อน ทางโน้นก็บาดเจ็บ ท่านนี้ตามช่วยเหลือโดยที่ไม่บอกใครด้วย คือท่านปิดทองหลังพระจริงๆ คือถ้าไม่ได้เป็นลูกท่านคงไม่รู้จริงๆ"
"จริงๆ อยาก แต่ยังไม่กล้าขอ อยากขอเวลาทีวี วันละ 10 นาที หลังข่าวอยากจะฉายหนังสั้นพระราชกรณียกิจว่า พระองค์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีทรงอะไรบ้าง สงสารท่านเถอะ ตอนท่านทรงงานทุ่มพระทัยเต็มที่สำหรับประชาชนคนไทยทั้งสองพระองค์ท่านเอาใจใส่มาก พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตามงานชลประธารท่านให้คนมาเข้าเฝ้าที่โรงพยาบาลทุกวันที่โรงพยาบาล"
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอยังทรงเล่าด้วยว่าที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่นำความทุกข์มาสู่พระบิดาและพระมารดาอย่างเหลือเกินก็คือเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่มีการเผาบ้านเผาเมือง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อาการพระประชวรขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เริ่มดีขึ้นนั้นทรุดลงไปอีก ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ทั้งสองพระองค์ก็ยังทรงห่วงถึงเรื่องการแตกแยกและทรงหวังที่จะเห็นคนไทยกลับมาสามัคคีกัน
"พูดตรงๆ ทั้งสองพระองค์เป็นห่วงความสามัคคีกลมเกลียวกันในชาติไทย เพราะว่าถ้าแตกแยกกันศัตรูนี้จะทำร้ายเราง่ายมาก คนไทยเราต้องเข้มแข็งมีมิตรกระจิตมิตรกระใจต่อกัน สามัคคีกัน ชาติจึงจะเจริญได้ เพราะว่าจะเล่าไปข้าพเจ้าเป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ไม่อยากพูดถึงใครว่าใครดีใครเลวไม่รู้ เพราะไม่เคยคบนักการเมือง"
"รู้แต่ว่า เหตุการณ์ปีที่แล้ว ที่มีการเผาบ้านเผาเมืองกัน อันนั้นนำความทุกข์มาสู่พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จฯ เหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวจากที่ทรงหัดเดินได้ ตอนนั้นทรงทรุดเลย เป็นไข้ต้องให้น้ำเกลือนอนแบ่บเลย สมเด็จฯ ก็เสียพระทัยมากเลย ท่านรับสั่งว่า คราวที่เราถูกเผาเมืองนั้น คือสมัยเสียกรุงต่อพม่ากรุงศรีอยุธยา แต่คราวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า เพราะเป็นการที่คนไทยเผาเมืองไทยเอง"
มีประชาชนคนไทยจำนวนมากให้ความสนใจติดตามชมกันสำหรับรายการ "วู๊ดดี้ เกิดมาคุย" เทปคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(3) ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี หลังทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานสัมภาษณ์เรื่องราวส่วนพระองค์อย่างทรงเป็นกันเอง โดยมี "วู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ
โดยในช่วงต้นรายการฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ ได้ตรัสถึงการที่มีข่าวลือถึงอาการพระประชวรของพระองค์เอง ที่บ้างก็ว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ บ้างก็ว่าล้มเพราะถูกคนกระทำ ซึ่งทุกอย่างหาใช่เรื่องจริง จากนั้นทรงเล่าถึงการได้เข้าไปเป็นลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนได้รับแง่คิดในการดำเนินชีวิตมามากมาย ทั้งเรื่องการพิจารณาตัวเอง การปล่อยวาง
จากนั้นได้ทรงเล่าถึงการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้ทรงตรากตรำงานมาโดยตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งในยามที่ทรงประชวร โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านเมืองเกิวิกฤติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงติดตามข่าวสาร และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าถวายพระรายงานอยู่ตลอดกระทั่งเกือบจะไม่มีเวลาบรรทม
"ท่านบรรทมดึกมาก บางครั้งท่านก็บรรทมไม่หลับ บางครั้งก็บรรทมน้อย บางครั้งมีการส่งรูปปัญหาต่างๆ เข้าท่านก็คอยตาม อย่างน้ำท่วมคนลำบากไหม ท่านก็ทรงให้ส่งถุงยังชีพไปให้ แต่พอท่านทอดพระเนตรทางโทรทศน์ ว่าทางนั้นก็น้ำท่วม ทางนี้ร้อน ทางโน้นก็บาดเจ็บ ท่านนี้ตามช่วยเหลือโดยที่ไม่บอกใครด้วย คือท่านปิดทองหลังพระจริงๆ คือถ้าไม่ได้เป็นลูกท่านคงไม่รู้จริงๆ"
"จริงๆ อยาก แต่ยังไม่กล้าขอ อยากขอเวลาทีวี วันละ 10 นาที หลังข่าวอยากจะฉายหนังสั้นพระราชกรณียกิจว่า พระองค์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีทรงอะไรบ้าง สงสารท่านเถอะ ตอนท่านทรงงานทุ่มพระทัยเต็มที่สำหรับประชาชนคนไทยทั้งสองพระองค์ท่านเอาใจใส่มาก พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตามงานชลประธารท่านให้คนมาเข้าเฝ้าที่โรงพยาบาลทุกวันที่โรงพยาบาล"
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอยังทรงเล่าด้วยว่าที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่นำความทุกข์มาสู่พระบิดาและพระมารดาอย่างเหลือเกินก็คือเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่มีการเผาบ้านเผาเมือง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อาการพระประชวรขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เริ่มดีขึ้นนั้นทรุดลงไปอีก ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ทั้งสองพระองค์ก็ยังทรงห่วงถึงเรื่องการแตกแยกและทรงหวังที่จะเห็นคนไทยกลับมาสามัคคีกัน
"พูดตรงๆ ทั้งสองพระองค์เป็นห่วงความสามัคคีกลมเกลียวกันในชาติไทย เพราะว่าถ้าแตกแยกกันศัตรูนี้จะทำร้ายเราง่ายมาก คนไทยเราต้องเข้มแข็งมีมิตรกระจิตมิตรกระใจต่อกัน สามัคคีกัน ชาติจึงจะเจริญได้ เพราะว่าจะเล่าไปข้าพเจ้าเป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ไม่อยากพูดถึงใครว่าใครดีใครเลวไม่รู้ เพราะไม่เคยคบนักการเมือง"
"รู้แต่ว่า เหตุการณ์ปีที่แล้ว ที่มีการเผาบ้านเผาเมืองกัน อันนั้นนำความทุกข์มาสู่พระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จฯ เหลือเกิน พระเจ้าอยู่หัวจากที่ทรงหัดเดินได้ ตอนนั้นทรงทรุดเลย เป็นไข้ต้องให้น้ำเกลือนอนแบ่บเลย สมเด็จฯ ก็เสียพระทัยมากเลย ท่านรับสั่งว่า คราวที่เราถูกเผาเมืองนั้น คือสมัยเสียกรุงต่อพม่ากรุงศรีอยุธยา แต่คราวนี้สะเทือนใจยิ่งกว่า เพราะเป็นการที่คนไทยเผาเมืองไทยเอง"