เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาประกาศสินทรัพย์ส่วนบุคคลต่อหน่วยต่อต้านการทุจริตของประเทศในวันศุกร์ (1 เม.ย.) และเรียกร้องให้บรรดาข้าราชการต่างๆปฏิบัติตามเพื่อต่อสู้กับปัญหาการรับสินบน
"วันนี้ ผมได้ปฏิบัติตามหน้าที่ภายใต้กฎหมายต่อต้านการทุจริต" นายกฯฮุนเซน กล่าว ขณะส่งมอบเอกสารของเขาด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในกรุงพนมเปญ
แม้ว่าการประกาศสินทรัพย์ถือเป็นความลับ แต่ฮุนเซนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 4,600,000 เรียล หรือประมาณ 1,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว35,000บาท) และยังสนับสนุนให้ข้าราชการระดับสูงทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายทหารปฏิบัติตามก่อนกำหนดเวลาจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์หน้า โดยฮุนเซนย้ำกว่า "ไม่ต้องลังเลหรือกลัว"
แต่คำกล่าวเกี่ยวกับรายได้ของฮุนเซนทำให้บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างประหลาดใจ โดย นางมัม สิทธา ประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตอิสระแห่งกัมพูชา ชี้ว่า จำนวนเงินเดือนกับความร่ำรวยของนายกฯฮุนเซนที่แสดงออกมาให้เห็นในเวลานี้ดูไม่สมดุลกันเลย เธอบอกด้วยว่า การกำหนดให้แจ้งสินทรัพย์แต่กลับถือเป็นความลับดังเช่นที่กัมพูชาปฏิบัติอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่โปร่งใสและไม่มีประสิทธิภาพต่อการปราบปรามการทุจริต
ทั้งนี้ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตลอดจนหัวหน้าองค์กรพลเรือนต่างๆ มากกว่า 100,000 คนในกัมพูชา จะต้องรายงานทรัพย์สิน ยานพาหนะ ผลประโยชน์ทางธุรกิจและสินทรัพย์อื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการรับสินบน ที่ผ่านออกมาบังคับใช้เมื่อปี 2010 แต่หน่วยต่อต้านการทุจริตระบุในคำแถลงว่า ได้กำหนดให้ข้าราชการเหล่านี้ทยอยกันรายงานเป็นหลายๆ ขั้นตอน โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 7 เมษายนที่จะถึงนี้ จะใช้กับข้าราชการบางส่วนเท่านั้น
กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยตามดัชนีชี้วัดล่าสุดขององค์การเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ (Transparency International) กัมพูชาถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 154 จากทั้งหมด 178 ประเทศ และในตอนนี้กัมพูชาก็กำลังพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามุ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ภายใต้กฎหมายต่อต้านการทุจริตฉบับใหม่ของกัมพูชาระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ถูกตัดสินว่ารับสินบน ก็อาจถูกจำคุกสูงสุด 15 ปี นอกจากนั้นกฎหมายยังให้จัดตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและหน่วยต่อต้านการทุจริตขึ้นมากำกับดูแลการสืบสวนคดีประเภทนี้ แต่นักวิจารณ์กล่าวว่า หน่วยงานทั้งสองนี้ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพ เพราะล้วนควบคุมโดยรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีฮุนเซนอยู่ในอำนาจติดต่อกันมายาวนาน 27 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัวในคฤหาสน์หรูหราที่สุดในกรุงพนมเปญ ก่อนหน้านี้อาศัยบ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.กันดาล ห่างจากในกลางกรุงพนมเปญออกไปเพียงประมาณ 20 กม.
เท่าที่เคยมีรายงานเป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ หลายปีมานี้ฮุนเซนกับครอบครัวเคยอุทิศเงินส่วนตัวราว 40 ล้านดอลลาร์ สร้างอาคาร บ้านพักและจัดสวัสดิการต่างๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองพลน้อย 70 ให้เป็นกองกำลังทันสมัยที่สุด โดยที่ตลอด 15 ปีก่อนหน้านี้ กองกำลังนี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกองทัพส่วนตัวของผู้นำ
เดือน ต.ค.2009 ฮุนเซนจึงได้แยกกองกำลังพิทักษ์ผู้นำออกเป็นเอกเทศจากกองพลน้อย 70 โดยที่กองพลน้อยนี้จะทำหน้าที่เป็นกองกำลังปราบปรามการก่อร้ายเป็นหลัก
เมื่อมีการเลื่อนยศให้ฮุนมาเนต บุตรชายคนโตวัย 33 ปีของฮุนเซน เป็นนายพลตรีในเดือน ม.ค.ปีนี้ ก็มีการแต่งตั้งให้เขาเป็นทั้งรองผู้บัญชาการกองพลน้อย 70 และ เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์บิดาด้วย
ฮุนเซนนั้นแวดล้อมด้วยกลุ่มทุนใหญ่นับสิบกลุ่ม ซึ่งล้วนแต่มีเส้นสายโยงใยทางครอบครัวกับผู้นำชุดปัจจุบัน ที่เกาะกลุ่มกันกลายเป็นวงวานว่านเครือใหญ่โตครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจและทุกแขนงเศรษฐกิจของประเทศ
"วันนี้ ผมได้ปฏิบัติตามหน้าที่ภายใต้กฎหมายต่อต้านการทุจริต" นายกฯฮุนเซน กล่าว ขณะส่งมอบเอกสารของเขาด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในกรุงพนมเปญ
แม้ว่าการประกาศสินทรัพย์ถือเป็นความลับ แต่ฮุนเซนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้รับเงินเดือนเพียงแค่ 4,600,000 เรียล หรือประมาณ 1,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว35,000บาท) และยังสนับสนุนให้ข้าราชการระดับสูงทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายทหารปฏิบัติตามก่อนกำหนดเวลาจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์หน้า โดยฮุนเซนย้ำกว่า "ไม่ต้องลังเลหรือกลัว"
แต่คำกล่าวเกี่ยวกับรายได้ของฮุนเซนทำให้บรรดาผู้สังเกตการณ์ต่างประหลาดใจ โดย นางมัม สิทธา ประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตอิสระแห่งกัมพูชา ชี้ว่า จำนวนเงินเดือนกับความร่ำรวยของนายกฯฮุนเซนที่แสดงออกมาให้เห็นในเวลานี้ดูไม่สมดุลกันเลย เธอบอกด้วยว่า การกำหนดให้แจ้งสินทรัพย์แต่กลับถือเป็นความลับดังเช่นที่กัมพูชาปฏิบัติอยู่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่โปร่งใสและไม่มีประสิทธิภาพต่อการปราบปรามการทุจริต
ทั้งนี้ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตลอดจนหัวหน้าองค์กรพลเรือนต่างๆ มากกว่า 100,000 คนในกัมพูชา จะต้องรายงานทรัพย์สิน ยานพาหนะ ผลประโยชน์ทางธุรกิจและสินทรัพย์อื่นๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการรับสินบน ที่ผ่านออกมาบังคับใช้เมื่อปี 2010 แต่หน่วยต่อต้านการทุจริตระบุในคำแถลงว่า ได้กำหนดให้ข้าราชการเหล่านี้ทยอยกันรายงานเป็นหลายๆ ขั้นตอน โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 7 เมษายนที่จะถึงนี้ จะใช้กับข้าราชการบางส่วนเท่านั้น
กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยตามดัชนีชี้วัดล่าสุดขององค์การเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ (Transparency International) กัมพูชาถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 154 จากทั้งหมด 178 ประเทศ และในตอนนี้กัมพูชาก็กำลังพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ามุ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ภายใต้กฎหมายต่อต้านการทุจริตฉบับใหม่ของกัมพูชาระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ถูกตัดสินว่ารับสินบน ก็อาจถูกจำคุกสูงสุด 15 ปี นอกจากนั้นกฎหมายยังให้จัดตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและหน่วยต่อต้านการทุจริตขึ้นมากำกับดูแลการสืบสวนคดีประเภทนี้ แต่นักวิจารณ์กล่าวว่า หน่วยงานทั้งสองนี้ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพ เพราะล้วนควบคุมโดยรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีฮุนเซนอยู่ในอำนาจติดต่อกันมายาวนาน 27 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัวในคฤหาสน์หรูหราที่สุดในกรุงพนมเปญ ก่อนหน้านี้อาศัยบ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.กันดาล ห่างจากในกลางกรุงพนมเปญออกไปเพียงประมาณ 20 กม.
เท่าที่เคยมีรายงานเป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ หลายปีมานี้ฮุนเซนกับครอบครัวเคยอุทิศเงินส่วนตัวราว 40 ล้านดอลลาร์ สร้างอาคาร บ้านพักและจัดสวัสดิการต่างๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของกองพลน้อย 70 ให้เป็นกองกำลังทันสมัยที่สุด โดยที่ตลอด 15 ปีก่อนหน้านี้ กองกำลังนี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกองทัพส่วนตัวของผู้นำ
เดือน ต.ค.2009 ฮุนเซนจึงได้แยกกองกำลังพิทักษ์ผู้นำออกเป็นเอกเทศจากกองพลน้อย 70 โดยที่กองพลน้อยนี้จะทำหน้าที่เป็นกองกำลังปราบปรามการก่อร้ายเป็นหลัก
เมื่อมีการเลื่อนยศให้ฮุนมาเนต บุตรชายคนโตวัย 33 ปีของฮุนเซน เป็นนายพลตรีในเดือน ม.ค.ปีนี้ ก็มีการแต่งตั้งให้เขาเป็นทั้งรองผู้บัญชาการกองพลน้อย 70 และ เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์บิดาด้วย
ฮุนเซนนั้นแวดล้อมด้วยกลุ่มทุนใหญ่นับสิบกลุ่ม ซึ่งล้วนแต่มีเส้นสายโยงใยทางครอบครัวกับผู้นำชุดปัจจุบัน ที่เกาะกลุ่มกันกลายเป็นวงวานว่านเครือใหญ่โตครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจและทุกแขนงเศรษฐกิจของประเทศ