xs
xsm
sm
md
lg

ประหาร'ส.ท.ต่าย' คดีฆ่าสส.กอบกุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลอาญาพิพากษาประหาร"ส.ท.ต่าย"ยิง เอ็ม 16 ถล่ม"กอบกุล นพอมรบดี" อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคไทยรักไทย เสียชีวิตกลางสี่แยกเขางู ราชบุรี ส่วนลูกน้องทีมฆ่า 2 คน สารภาพลดโทษเหลือตลอดชีวิต

วานนี้(31 มี.ค.)ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2995/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.สาธารณสุข สามีของนางกอบกุล นพอมรบดี ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ราชบุรี ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องนายอนันตศักดิ์ หรือ ต่าย ศรีสวัสดิ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองราชบุรี หรือ ส.ท.ต่าย อายุ 46 ปี นายวิญญู หรือ เลิฟ รัตนวรรณี อายุ 34 ปี พ่อค้าขายผัก และนายอานนท์ หรือ เอ็ม พันธ์รัตน์ คนดูแลโต๊ะสนุกเกอร์ อายุ 44 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 มี ความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้วไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าแม้โจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยาน แต่จำเลยที่ 2 - 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน สรุปว่าก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ จำเลยที่ 1 ได้มาชวนจำเลยที่ 2 จากโต๊ะสนุ๊กเกอร์ แล้วบอกว่าจะเล่น ส.ส.กอบกุล เนื่องจากทราบข่าวว่าผู้ตายจ้างมือปืนมายิงจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 รู้ตัวก่อน เพราะญาติมือปืนรู้จักจำเลยที่ 1จึงนำข่าวมาบอก ซึ่งจำเลยที่ 1 จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายก่อน จึงสั่งให้จำเลยที่ 2 ไปทำป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมขอให้เป็นทะเบียนจังหวัดราชบุรี ตัวอักษรสีเขียวนำไปติดรถยนต์กระบะคันก่อเหตุ หลังจากนั้นจำเลยทั้งสามได้ไปนำปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนไปซุกซ่อนไว้ที่บ้านจำเลยที่ 3 ก่อนที่จำเลยที่ 1 และ 3 จะร่วมกันนำไปใช้ฝึกซ้อมยิงที่ลำห้วยโครงการนิคมอุตสาหกรรม โดยจำเลยที่ 1 บอกว่าในวันเกิดเหตุจะมีผู้ดูต้นทางให้ เมื่อถึงวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะ ส่วนจำเลยที่ 1 และ 3 นั่งอยู่ท้ายกระบะซึ่งบรรจุเข่งผัก 2 เข่งอำพราง แล้วนายสงัด ผู้ต้องหาที่เสียชีวิตแล้วได้โทรศัพท์มารายงานความเคลื่อนไหวว่าผู้ตายได้กลับออกจากงานบวชแล้ว พวกจำเลยทั้งสามจึงได้ออกไปดักกลางทางแต่รถของผู้ตายขับมาด้วยความเร็ว ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้บอกว่าหากตามไม่ทันก็ไม่เป็นไร กระทั่งขับตามไปเจอรถยนต์ผู้ตายที่สี่แยกนิสสัน (สี่แยกเขางู) พบรถผู้ตายจอดรอสัญญาณไฟ จำเลยที่ 1 จึงเคาะรถสั่งให้จำเลยที่ 2 ขับประกบด้านขวาเยื้องไปทางข้างหน้า จากนั้นจำเลยที่ 1 และ 3 ได้ใช้อาวุธยิงรถผู้ตายนานประมาณ 30 - 40 วินาที จึงขับรถหลบหนีไป หลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และ 3 ได้นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปทิ้งที่ลำน้ำแม่กลอง

แม้คำให้การของจำเลยที่ 2 และ 3 จะเป็นคำให้การในลักษณะซัดทอด จำเลยที่ 1 แต่ก็สอดคล้องกันในสาระสำคัญ สมเหตุสมผลกับพฤติการณ์แห่งคดี และไม่ได้เป็นลักษณะให้พ้นความรับผิดชอบที่ได้ร่วมกระทำการกับจำเลยที่ 1 อีกทั้งยังให้การรับการสารภาพต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และยังเป็นผู้นำชี้สถานที่เกิดเหตุและที่ทิ้งอาวุธปืนและทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชนมีการบันทึกเป็นภาพวีดีโอและภาพนิ่ง ซึ่งจำเลยทั้งสองได้ลงชื่อรับรองด้วย อีกทั้งจำเลยที่ 2 มีความรู้ทางกฎหมายโดยจบคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยมีชื่อ และขณะให้การก็มีทนายความซึ่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วย ที่จำเลย 2 - 3 อ้างภายหลังว่าถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ ถูกใช้ไฟฟ้าช็อตอันทะไม่ปรากฏหลักฐานการถูกทำร้าย หรือการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่อย่างไร หากถูกทำร้ายจริงย่อมสามารถร้องเรียนสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวได้ ส่วนที่จำเลยทั้ง 3 อ้างถิ่นที่อยู่ขณะเกิดเหตุนั้น โดยนำญาติและลูกน้องมาเบิกความนั้น ฝ่ายโจทก์มีรายงานการใช้โทรศัพท์ของพวกจำเลยทั้ง 3 และนายสงัด ที่ติดต่อหากันหลายที่ปรากฏว่าอยู่ในที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ โจทก์ยังมีพยานเป็นผู้ขายโทรศัพท์ยืนยันว่าได้ขายซิมการ์ดให้พวกจำเลยจริง และที่พวกจำเลยอ้างว่าการติดต่อโทรศัพท์นั้นเป็นการรับพนันบอล แต่ปรากฏว่าช่วงเวลาดังกล่าวสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันไปแล้ว ข้อกล่าวอ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น และฝ่ายโจทก์ยังมีพยานซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์บริเวณถนนใกล้เคียงแยกที่เกิดเหตุเบิกความให้การสอดคล้องกับจำเลยที่ 2 และ 3 ที่ได้ยินเสียงคล้ายปะทัดดังต่อเนื่องแล้วยังระบุสีและยี่ห้อรถได้ตรงกับรถที่จำเลยใช้ก่อเหตุ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ไปค้นหาอาวุธที่จำเลยนำไปทิ้งในแม่น้ำนำมาตรวจสอบพบเป็นอาวุธปืนชนิดเดียวกัน

พิพากษาว่าจำเลยทั้งสาม ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อาญา ม.289 (4) ลงโทษจำคุก 3 ปี ในความผิด ตาม.พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่จำเลยที่ 2 - 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 2 -3 ส่วนที่ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อคดีการพนันนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตแล้วซึ่งเป็นโทษสูงสุดจึงไม่อาจนับโทษต่อได้

ส่วนที่นายชาตรี ศุภรานันท์ คนขับรถนางกอบกุล ผู้เสียหายที่ 1 เรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่สามารถประกอบอาชีพและค่ารักษาพยาบาล เป็นคดีแพ่งในคดีนี้เป็นเงินจำนวน 1,021,000 บาท นั้น ในการสืบพยานฝ่ายโจทก์ไม่ได้นำสืบระบุความเสียหายให้เห็นเป็นตัวเลขชัดเจน ศาลจึงเห็นควรกำหนดความเสียหายให้ตามความเหมาะสม โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาทให้แก่ผู้เสียหาย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2549

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมานิต นพอมรบดี อดีตรมช.สาธารณสุข แกนนำพรรคภูมิใจไทย สามีนางกอบกุลผู้ตายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ขณะที่ฝ่ายจำเลยทั้งสามมีญาติมาร่วมให้กำลังใจนับสิบคน

โดยภายหลังศาลมีคำพิพากษา นายวิญญู จำเลยที่ 2 ได้ตบบ่าให้กำลังใจ นายอนันตศักดิ์ จำเลยที่ 1ที่ถูกตัดสินประหารชีวิต ซึ่งนายอนันตศักดิ์ ยังยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะขอต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยระบุว่าปัญหาความขัดแย้งเรื่องการเปิดตลาดแห่งใหม่ไม่ใช่เหตุจูงใจให้ต้องสังหารนางกอบกุล เพราะขณะเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงเริ่มก่อสร้างตลาดแห่งใหม่เท่านั้น อีกทั้งก่อนเกิดเหตุยังมีประเด็นขัดแย้งทางการเมืองที่นางกอบกุลต้องลงหาเสียงแข่งขันกับพรรคการเมืองคู่แข่งด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น