เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (31 มี.ค.) นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ผู้แทนราษฎรได้ทำหน้าที่ประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย ในวาระ 2 มาตรา 4 นิยามความหมายของคำว่า “ยางพารา” ต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่องค์ประชุมล่ม ระหว่างที่จะต้องโหวตลงมติว่าจะเห็นชอบตามร่างของคณะกรรมาธิการฯ หรือส.ส. ที่สงวนคำแปรญัตติ แต่มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมบางตา ประธานจึงได้สั่งเลื่อนการเปิดประชุมออกไป 1 ชั่วโมงครึ่ง จนเมื่อถึงเวลา ก็ได้ดำเนินการประชุมทันที โดยนายชัย แจ้งว่า ขณะนี้มีการเลื่อนการประชุมอีก 5 ครั้ง จะเข้าช่วงยุบสภาในช่วงต้นเดือนพ.ค. ดังนั้นอยากขอร้อง ส.ส.ที่มีหน้าที่หลักในการประชุม ขอความร่วมมือ โปรดมาเข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณากฎหมายที่ยังคั่งค้างอยู่ รวมถึงรับทราบรายงานต่างๆ เพื่อส่งไปให้วุฒิสภาได้พิจารณาต่อไป จากนั้น ทุกคนก็จะได้เข้าสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเต็มตัว
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย หารือว่า ส.ส.ต้องลงพื้นที่พบปะประชาชน เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว ดังนั้นขอให้ประธานสั่งงดการประชุม ในวันศุกร์ที่ 1 เม.ย. แม้ได้มีคำสั่งนัดประชุมพิจารณากระทู้ถามสด
แต่นายชัย ยืนยันว่า ในช่วงเช้า (1 เม.ย.) ติดภารกิจเข้าเฝ้าฯ เช่นกัน แต่ได้จัดเวรทำหน้าที่ประธานการประชุมในภาคเช้าไว้แล้ว เป็นพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ซึ่งในการพิจารณากระทู้สด คงใช้เวลา 1 ชั่วโมง น่าจะดำเนินการได้ เพราะเรื่องกระทู้ถามสด เป็นประโยชน์ของฝ่ายค้านและรัฐบาล
จากนั้นที่ประชุม เริ่มพิจารณาของ ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ต่อจากในมาตรา 4 ที่ค้างการพิจารณาจากเมื่อวาน จนมาถึงมาตรา 17 ซึ่งเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย โดยก่อนลงมติ พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้สั่งนับองค์ประชุมถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกนับองค์ประชุมได้ 223 คน ซึ่ง นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชอให้นับองค์ประชุมอีกครั้ง เนื่องจากมีส.ส.จำนวนมาก ที่ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับ กำลังเข้ามายังห้องประชุม เพื่อแสดงตน ซึ่งพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า จะรออีก 3 นาที จากนั้นได้ขอให้นับองค์ประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่าเหลือจำนวน ส.ส.เพียง 218 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจำนวน 238 คนจาก ส.ส.ทั้งหมด 475 คน
พ.อ.อภิวันท์ ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 15.15 น. ซึ่งเหตุการณ์สภาล่มครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันที่ 1 เม.ย. ทางวิปรัฐบาลได้ประสานงานขอให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ งดการประชุมสภาฯ โดยอ้างว่ามี ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งจะต้องลงพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม แต่นายชัย ยืนยันกำหนดการประชุมตามเดิม เนื่องจากเป็นเพียงการพิจารณากระทู้ถามสด ใช้องค์ประชุมเพียง 1 ใน 5 หรือเท่ากับ 95 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ นายชัย ยังได้สั่งการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือเวียนแจ้งสมาชิกรัฐสภา ถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 19 และ 26 เม.ย. ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภา ในเดือนพ.ค.54 เพื่อเร่งพิจารณาเรื่องที่บรรจุอยู่ในระเบียบวาระรอการพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 จำนวน 18 เรื่อง ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งกำหนดการประชุมเดือน เม.ย. ก่อนการยุบสภา เหลืออีก 8 ครั้ง
ทั้งนี้ในช่วงเช้าก่อนการประชุมสภา นายชัย ได้กล่าวถึงปัญหาสภาล่มในช่วงนี้ว่า เกิดจากการจ้องทำลายล้างกัน ระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล แม้ฝ่ายค้านจะอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่กดบัตรแสดงตน อีกทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภาในช่วงต้นเดือนพ.ค. เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ส.ส.เห็นความสำคัญของการลงพื้นที่หาเสียง มากกว่าการมาทำหน้าที่ประชุมสภา
" ฝ่ายค้านจ้องจะทำยังไง ให้ฝ่ายรัฐบาลล่มจมได้ เขาก็มีเจตนาที่จะทำ ถ้าฝ่ายรัฐบาลเตรียมตัวไม่ได้ ก็แพ้ เช่น การล่มประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน เห็นชัด ๆ ความจริงพรรคเพื่อไทยอยู่ในห้องประชุม 100 คน แต่ไม่ยอมเสียบบัตรแสดงตน จึงควรเขียนข้อบังคับให้ชัดว่า ใครอยู่ในห้องประชุม ให้นับองค์ประชุม เหมือนสมัยก่อนปัญหาต่างๆ จะได้ไม่เกิดขึ้น สมัยต่อไปคงจะต้องแก้ไขระเบียนนี้ แต่ถ้าฝ่ายค้าน และรัฐบาลเข้าใจกัน วิปต่อวิปประสานงานให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน ไม่คิดที่จะแทงข้างหลัง ปัดแข้งปัดขากัน บ้านเมืองไปรอด เพราะประชุมสภาใช้เสียงครบองค์ 237 เสียง ประชุมร่วมครบองค์ใช้เสียง 277 เท่านั้น เวลาประชุมใครจะรับไม่รับ ก็มีสิทธิ์ออกเสียง ถึงจะเป็นนักการเมืองที่แท้จริง แต่ถ้าเล่นระบบนี้ทำสภาล่มบ่อย บ้านเมืองไปไม่รอด สภาควรให้ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการไปซะ เลือกตั้งจากประชาชนอย่างทุกวันนี้ ไม่มีประโยชน์" นายชัยกล่าว
เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาสภาล่มอย่างไร นายชัย กล่าวว่า ลำบาก ถ้าไม่กลับตัวกลับใจ ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 อาทิตย์กว่า ๆ สภาก็ยุบแล้ว เพราะคำพูดคือนาย นายกฯ ก็ต้องปฏิบัติตามคำพูด
" ถ้าสมัยก่อนมีเหตุการณ์สภาล่มแบบนี้ ฝ่ายผู้มีอำนาจท่านก็เป่าแตรแล้ว ผมห่วงเรื่องเป่าแตรมากว่า ถ้าส.ส.สมัยนี้ มีประสบการณ์อย่างผม ถ้าไม่อยากให้เป่าแตร ต้องช่วยกันแก้ปัญหา เป่าแตร ก็มีทั้งแตรนอน แตรรบ เคยเห็นมั้ย เปาแตรแล้วไปเลย " นายชัย กล่าว
**จี้"มาร์ค"ยุบสภาหลังผ่านกม.ลูก3ฉบับ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสภาล่มเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันว่า คนที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำพรรครัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภาทันที หลังจากที่กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านสภา เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ สภาก็จะล่มซ้ำซาก
ส่วนการพิจารณาบันทึกข้อตกลงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) นั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นการเตะถ่วง สมาชิกไม่กล้าโหวต เพราะเกรงว่าตัวเองจะมีความผิด ดังนั้นจึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่เรื่อยไป
ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ พร้อมจะยกมือแสดงตน และร่วมโหวตด้วย เพื่อให้กฎหมายผ่านสภา เพื่อที่จะได้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บ้านเมืองเกิดอุทกภัย วาตภัย อย่างนี้ ถ้านายกฯจะยุบสภาเลือกตั้งท่ามกลางประชาชนยังประสบปัญหาภัยภิบัติ เดือดร้อนอย่างนี้ คงไม่พร้อมในการจัดการเลือกตั้งแน่นอน แต่หากยังอยู่ต่อไป ก็บริหารประเทศลำบาก เชื่อว่านายกฯ ก็รู้ตัวดี ดังนั้นจึงควรเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเปิดโอกาสให้สภาฯได้เลือกผู้ที่มีความสามารถเข้าแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ ในช่วงเวลา 6-8 เดือนที่เหลือ และแก้กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับให้ครบรอบเรียบร้อย ก่อนที่จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นอกจากนี้ เท่าที่พูดคุยกับ ส.ส.ด้วยกัน ต่างมีความวิตกกังวลว่าหากสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไปถึงจะมีการยุบสภา เกรงว่าจะเกิดอำนาจนอกระบบ เข้ามาปฏิวัติเงียบ ยึดอำนาจ ดังนั้นต้องยึดตามแนวทางรัฐสภาเพื่อสกัดอำนาจอื่นเข้ามา
-------------
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย หารือว่า ส.ส.ต้องลงพื้นที่พบปะประชาชน เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว ดังนั้นขอให้ประธานสั่งงดการประชุม ในวันศุกร์ที่ 1 เม.ย. แม้ได้มีคำสั่งนัดประชุมพิจารณากระทู้ถามสด
แต่นายชัย ยืนยันว่า ในช่วงเช้า (1 เม.ย.) ติดภารกิจเข้าเฝ้าฯ เช่นกัน แต่ได้จัดเวรทำหน้าที่ประธานการประชุมในภาคเช้าไว้แล้ว เป็นพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ซึ่งในการพิจารณากระทู้สด คงใช้เวลา 1 ชั่วโมง น่าจะดำเนินการได้ เพราะเรื่องกระทู้ถามสด เป็นประโยชน์ของฝ่ายค้านและรัฐบาล
จากนั้นที่ประชุม เริ่มพิจารณาของ ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ต่อจากในมาตรา 4 ที่ค้างการพิจารณาจากเมื่อวาน จนมาถึงมาตรา 17 ซึ่งเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย โดยก่อนลงมติ พ.อ.อภิวันท์ ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้สั่งนับองค์ประชุมถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกนับองค์ประชุมได้ 223 คน ซึ่ง นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชอให้นับองค์ประชุมอีกครั้ง เนื่องจากมีส.ส.จำนวนมาก ที่ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับ กำลังเข้ามายังห้องประชุม เพื่อแสดงตน ซึ่งพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า จะรออีก 3 นาที จากนั้นได้ขอให้นับองค์ประชุมอีกครั้ง ปรากฏว่าเหลือจำนวน ส.ส.เพียง 218 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งจำนวน 238 คนจาก ส.ส.ทั้งหมด 475 คน
พ.อ.อภิวันท์ ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 15.15 น. ซึ่งเหตุการณ์สภาล่มครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันที่ 1 เม.ย. ทางวิปรัฐบาลได้ประสานงานขอให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ งดการประชุมสภาฯ โดยอ้างว่ามี ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่งจะต้องลงพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม แต่นายชัย ยืนยันกำหนดการประชุมตามเดิม เนื่องจากเป็นเพียงการพิจารณากระทู้ถามสด ใช้องค์ประชุมเพียง 1 ใน 5 หรือเท่ากับ 95 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ นายชัย ยังได้สั่งการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือเวียนแจ้งสมาชิกรัฐสภา ถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 19 และ 26 เม.ย. ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภา ในเดือนพ.ค.54 เพื่อเร่งพิจารณาเรื่องที่บรรจุอยู่ในระเบียบวาระรอการพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องการให้ความเห็นชอบหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 จำนวน 18 เรื่อง ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งกำหนดการประชุมเดือน เม.ย. ก่อนการยุบสภา เหลืออีก 8 ครั้ง
ทั้งนี้ในช่วงเช้าก่อนการประชุมสภา นายชัย ได้กล่าวถึงปัญหาสภาล่มในช่วงนี้ว่า เกิดจากการจ้องทำลายล้างกัน ระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล แม้ฝ่ายค้านจะอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่กดบัตรแสดงตน อีกทั้งการที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศจะยุบสภาในช่วงต้นเดือนพ.ค. เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ส.ส.เห็นความสำคัญของการลงพื้นที่หาเสียง มากกว่าการมาทำหน้าที่ประชุมสภา
" ฝ่ายค้านจ้องจะทำยังไง ให้ฝ่ายรัฐบาลล่มจมได้ เขาก็มีเจตนาที่จะทำ ถ้าฝ่ายรัฐบาลเตรียมตัวไม่ได้ ก็แพ้ เช่น การล่มประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน เห็นชัด ๆ ความจริงพรรคเพื่อไทยอยู่ในห้องประชุม 100 คน แต่ไม่ยอมเสียบบัตรแสดงตน จึงควรเขียนข้อบังคับให้ชัดว่า ใครอยู่ในห้องประชุม ให้นับองค์ประชุม เหมือนสมัยก่อนปัญหาต่างๆ จะได้ไม่เกิดขึ้น สมัยต่อไปคงจะต้องแก้ไขระเบียนนี้ แต่ถ้าฝ่ายค้าน และรัฐบาลเข้าใจกัน วิปต่อวิปประสานงานให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน ไม่คิดที่จะแทงข้างหลัง ปัดแข้งปัดขากัน บ้านเมืองไปรอด เพราะประชุมสภาใช้เสียงครบองค์ 237 เสียง ประชุมร่วมครบองค์ใช้เสียง 277 เท่านั้น เวลาประชุมใครจะรับไม่รับ ก็มีสิทธิ์ออกเสียง ถึงจะเป็นนักการเมืองที่แท้จริง แต่ถ้าเล่นระบบนี้ทำสภาล่มบ่อย บ้านเมืองไปไม่รอด สภาควรให้ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการไปซะ เลือกตั้งจากประชาชนอย่างทุกวันนี้ ไม่มีประโยชน์" นายชัยกล่าว
เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาสภาล่มอย่างไร นายชัย กล่าวว่า ลำบาก ถ้าไม่กลับตัวกลับใจ ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 อาทิตย์กว่า ๆ สภาก็ยุบแล้ว เพราะคำพูดคือนาย นายกฯ ก็ต้องปฏิบัติตามคำพูด
" ถ้าสมัยก่อนมีเหตุการณ์สภาล่มแบบนี้ ฝ่ายผู้มีอำนาจท่านก็เป่าแตรแล้ว ผมห่วงเรื่องเป่าแตรมากว่า ถ้าส.ส.สมัยนี้ มีประสบการณ์อย่างผม ถ้าไม่อยากให้เป่าแตร ต้องช่วยกันแก้ปัญหา เป่าแตร ก็มีทั้งแตรนอน แตรรบ เคยเห็นมั้ย เปาแตรแล้วไปเลย " นายชัย กล่าว
**จี้"มาร์ค"ยุบสภาหลังผ่านกม.ลูก3ฉบับ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสภาล่มเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันว่า คนที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำพรรครัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ยุบสภาทันที หลังจากที่กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านสภา เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ สภาก็จะล่มซ้ำซาก
ส่วนการพิจารณาบันทึกข้อตกลงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) นั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นการเตะถ่วง สมาชิกไม่กล้าโหวต เพราะเกรงว่าตัวเองจะมีความผิด ดังนั้นจึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่เรื่อยไป
ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ พร้อมจะยกมือแสดงตน และร่วมโหวตด้วย เพื่อให้กฎหมายผ่านสภา เพื่อที่จะได้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า บ้านเมืองเกิดอุทกภัย วาตภัย อย่างนี้ ถ้านายกฯจะยุบสภาเลือกตั้งท่ามกลางประชาชนยังประสบปัญหาภัยภิบัติ เดือดร้อนอย่างนี้ คงไม่พร้อมในการจัดการเลือกตั้งแน่นอน แต่หากยังอยู่ต่อไป ก็บริหารประเทศลำบาก เชื่อว่านายกฯ ก็รู้ตัวดี ดังนั้นจึงควรเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อเปิดโอกาสให้สภาฯได้เลือกผู้ที่มีความสามารถเข้าแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ ในช่วงเวลา 6-8 เดือนที่เหลือ และแก้กฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับให้ครบรอบเรียบร้อย ก่อนที่จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นอกจากนี้ เท่าที่พูดคุยกับ ส.ส.ด้วยกัน ต่างมีความวิตกกังวลว่าหากสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไปถึงจะมีการยุบสภา เกรงว่าจะเกิดอำนาจนอกระบบ เข้ามาปฏิวัติเงียบ ยึดอำนาจ ดังนั้นต้องยึดตามแนวทางรัฐสภาเพื่อสกัดอำนาจอื่นเข้ามา
-------------
