วานนี้(30 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส. จังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง พรบ.การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท ในมาตรา 4 ว่า พรบ.นี้ถือว่ามีความสำคัญต่อประชาชนเกษตรกรที่ปลูกยางพาราอย่างมาก แต่ใน ร่าง พรบ.นี้กลับมีการครอบคลุมถึงบริษัทอุตสาหกรรมและการค้าขายยางพาราด้วย ซึ่งทำให้เกษตรกรเข้าถึงกองทุนเพื่อเป็นเงินทุนได้ยากขึ้น ทั้งนี้ตนคิดว่า พรบ.ฉบับนี้เหมือนสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้สนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถร่าง พรบ.ฉบับนี้ให้มีความละเอียดมากกว่านี้ได้ ก็ขอให้ปล่อยให้รัฐบาลชุดต่อไปทำแทน
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคฝ่ายค้านยืนยันที่จะให้มีการลงมติ เนื่องจากว่าโครงสร้างของ พรบ.ฉบับนี้ เป็นการปรับแก้เพื่อให้เอกชนได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มเกษตรกร แต่น่าเสียดายที่องค์ประชุมไม่ครบ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล จะต้องประคองเสียงในห้องประชุม ตนจึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเรื่ององค์ประชุมให้ครบ เพื่อให้กลไลการทำงานของสภาเดินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ ส.ส.อย่างกินเงินเดืนอจากภาษีของประชาชนอยู่ เราจึงต้องทำงานจนวาระสุดท้าย ทั้งนี้เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังจะหมดอายุ ทำให้ผ่านกฎหมายสำคัญ ๆ ไม่ได้ จึงต้องพิจารณาดูว่าถึงเวลาที่จะเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วหรือยัง.
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคฝ่ายค้านยืนยันที่จะให้มีการลงมติ เนื่องจากว่าโครงสร้างของ พรบ.ฉบับนี้ เป็นการปรับแก้เพื่อให้เอกชนได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มเกษตรกร แต่น่าเสียดายที่องค์ประชุมไม่ครบ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล จะต้องประคองเสียงในห้องประชุม ตนจึงอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเรื่ององค์ประชุมให้ครบ เพื่อให้กลไลการทำงานของสภาเดินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ ส.ส.อย่างกินเงินเดืนอจากภาษีของประชาชนอยู่ เราจึงต้องทำงานจนวาระสุดท้าย ทั้งนี้เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังจะหมดอายุ ทำให้ผ่านกฎหมายสำคัญ ๆ ไม่ได้ จึงต้องพิจารณาดูว่าถึงเวลาที่จะเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วหรือยัง.