การประกาศลาออกจากส.ส.สัดส่วน ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย คงไม่ได้หมายความถึงการเลิกเล่นการเมืองตามที่เจ้าตัวออกมาพูดทีเล่นทีจริงหลายครั้งในช่วงหลัง
แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงการแสดงออก จงใจเหวี่ยงแรงกระแทกไปถึงใครบางคนมากกว่า...?
"สิ่งที่น้อยใจคือโพลที่พรรคทำ ผมได้อันดับหนึ่งทั้งหัวหน้าพรรค และนายกฯ แต่ไม่มีใครมาสนใจบอกผม ใจดำจริงๆ ต่อไปจะไม่ใช่ตุ๊กตาให้ใครใช้อีกแล้ว"
ชัดเจนสื่อความในใจไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่นักโทษหนีคดีอาญา ว่าเขาคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดบนตำแหน่งผู้นำพรรคเพื่อไทย ควรมีบทบาทความรับผิดชอบภายในพรรคมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ดูเหมือน “นายใหญ่”จะไม่สนใจใยดี ไม่ได้ให้ราคาค่างวดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ทักษิณ”เลือกเก็บ “สารวัตรเหลิม” ไว้ใช้ประโยชน์ในสภา โดยเฉพาะการใช้ปากที่องอาจ ฉะฉาน นอกจากนั้นยังจำเป็นสำหรับการเดินสายปราศรัยหาเสียง แต่จะให้มาเป็นผู้นำพรรค คงยาก เพราะไม่ไว้วางใจ
สำหรับการลาออกของ “เหลิม บางบอน” ได้สร้างความดีอกดีใจให้ใครบางคน คนหนึ่งก็คือ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” คู่อริตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ เท่ากับได้ขจัดคู่แข่งให้พ้นทางโดยไม่ต้องออกแรง
แต่คนที่ดีใจที่สุดคงหนีไม่พ้น “เจ๊หน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองหลวง ผู้อยู่เบื้องหลังส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ไม้เบื่อไม้เมา ทานเกาเหลากับ “สารวัตรเหลิม” มาต่อเนื่องยาวนาน
วันนี้หาก “เหลิม บางบอน” จะเดินจากไปหรือโลว์โพรไฟล์ลง ก็จะยินดีอย่างยิ่ง เรื่องการบริหารจัดการในกทม. “เจ๊หน่อย”จะได้ไม่มีใครมาปัดแข้งปัดขาให้หน่ายใจ ที่ผ่านมา “เหลิม” ที่รักลูกยิ่งกว่าชีวิตพยายามผลักดันให้ลูกชายลงสมัครส.ส.กทม.อยู่เสมอที่มีการเลือกตั้งส.ส. แต่ทว่ายังไม่ได้รับไฟเขียว เพราะมี “สุดารัตน์”เป็นแรงขวางสำคัญ
การเปิดตัวผู้สมัครล็อตแรกของพรรคเพื่อไทยไปเมื่อเร็วๆนี้ ก็ไม่พบรายชื่อลูกชายร.ต.อ.เฉลิม มีแต่รายชื่อคนรุ่นใหม่ เป็นผู้สมัครส.ส.กทม. อาทิ ม.ล.ณัฐพล เทวกุล ร.ท.สุนิสา เลิศภควัฒน์ หรือ “หมวดเจี๊ยบ” และฯลฯ เน้นขายคนหนุ่มสาวที่มีชื่อเสียงเป็นที่คุ้นเคยของสังคม แต่บางคนก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่ดีกว่าลูกเหลิมเลย
แต่ในวงสังคมพรรคเผาไทยกลับเห็นว่า หากจะมีรายชื่อบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิมมาร่วมคณะด้วย ภาพของการขายคนรุ่นใหม่ อนาคตสดใส คงต้องมัวมองลงไปถนัดใจ
ยิ่งเมื่อร.ต.อ.เฉลิมตัดสินใจเช่นนี้ เรื่องจัดวางตัวผู้สมัครของ “เจ๊หน่อย” คงง่ายขึ้นอีกจมหู แต่การณ์จะเป็นดังนั้นหรือไม่ ยังต้องจับตากันก่อน เชื่อว่า “สารวัตรเหลิม” คงไม่ยอมศิโรราบง่าย ๆ แน่
เพราะเหตุการลาออกของร.ต.อ.เฉลิมที่สำคัญประการหนึ่ง ก็เป็นวิธีหลบชิ่ง หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ถ้ามีปฏิวัติขึ้นมา จากหนักก็จะกลายเป็นเบา
คงไม่ต้องหลบลี้หนีหน้าไปต่างประเทศ อย่างที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเมื่อ20ปีที่แล้ว
แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงการแสดงออก จงใจเหวี่ยงแรงกระแทกไปถึงใครบางคนมากกว่า...?
"สิ่งที่น้อยใจคือโพลที่พรรคทำ ผมได้อันดับหนึ่งทั้งหัวหน้าพรรค และนายกฯ แต่ไม่มีใครมาสนใจบอกผม ใจดำจริงๆ ต่อไปจะไม่ใช่ตุ๊กตาให้ใครใช้อีกแล้ว"
ชัดเจนสื่อความในใจไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่นักโทษหนีคดีอาญา ว่าเขาคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดบนตำแหน่งผู้นำพรรคเพื่อไทย ควรมีบทบาทความรับผิดชอบภายในพรรคมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ดูเหมือน “นายใหญ่”จะไม่สนใจใยดี ไม่ได้ให้ราคาค่างวดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ทักษิณ”เลือกเก็บ “สารวัตรเหลิม” ไว้ใช้ประโยชน์ในสภา โดยเฉพาะการใช้ปากที่องอาจ ฉะฉาน นอกจากนั้นยังจำเป็นสำหรับการเดินสายปราศรัยหาเสียง แต่จะให้มาเป็นผู้นำพรรค คงยาก เพราะไม่ไว้วางใจ
สำหรับการลาออกของ “เหลิม บางบอน” ได้สร้างความดีอกดีใจให้ใครบางคน คนหนึ่งก็คือ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” คู่อริตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ เท่ากับได้ขจัดคู่แข่งให้พ้นทางโดยไม่ต้องออกแรง
แต่คนที่ดีใจที่สุดคงหนีไม่พ้น “เจ๊หน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองหลวง ผู้อยู่เบื้องหลังส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ไม้เบื่อไม้เมา ทานเกาเหลากับ “สารวัตรเหลิม” มาต่อเนื่องยาวนาน
วันนี้หาก “เหลิม บางบอน” จะเดินจากไปหรือโลว์โพรไฟล์ลง ก็จะยินดีอย่างยิ่ง เรื่องการบริหารจัดการในกทม. “เจ๊หน่อย”จะได้ไม่มีใครมาปัดแข้งปัดขาให้หน่ายใจ ที่ผ่านมา “เหลิม” ที่รักลูกยิ่งกว่าชีวิตพยายามผลักดันให้ลูกชายลงสมัครส.ส.กทม.อยู่เสมอที่มีการเลือกตั้งส.ส. แต่ทว่ายังไม่ได้รับไฟเขียว เพราะมี “สุดารัตน์”เป็นแรงขวางสำคัญ
การเปิดตัวผู้สมัครล็อตแรกของพรรคเพื่อไทยไปเมื่อเร็วๆนี้ ก็ไม่พบรายชื่อลูกชายร.ต.อ.เฉลิม มีแต่รายชื่อคนรุ่นใหม่ เป็นผู้สมัครส.ส.กทม. อาทิ ม.ล.ณัฐพล เทวกุล ร.ท.สุนิสา เลิศภควัฒน์ หรือ “หมวดเจี๊ยบ” และฯลฯ เน้นขายคนหนุ่มสาวที่มีชื่อเสียงเป็นที่คุ้นเคยของสังคม แต่บางคนก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่ดีกว่าลูกเหลิมเลย
แต่ในวงสังคมพรรคเผาไทยกลับเห็นว่า หากจะมีรายชื่อบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิมมาร่วมคณะด้วย ภาพของการขายคนรุ่นใหม่ อนาคตสดใส คงต้องมัวมองลงไปถนัดใจ
ยิ่งเมื่อร.ต.อ.เฉลิมตัดสินใจเช่นนี้ เรื่องจัดวางตัวผู้สมัครของ “เจ๊หน่อย” คงง่ายขึ้นอีกจมหู แต่การณ์จะเป็นดังนั้นหรือไม่ ยังต้องจับตากันก่อน เชื่อว่า “สารวัตรเหลิม” คงไม่ยอมศิโรราบง่าย ๆ แน่
เพราะเหตุการลาออกของร.ต.อ.เฉลิมที่สำคัญประการหนึ่ง ก็เป็นวิธีหลบชิ่ง หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ถ้ามีปฏิวัติขึ้นมา จากหนักก็จะกลายเป็นเบา
คงไม่ต้องหลบลี้หนีหน้าไปต่างประเทศ อย่างที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเมื่อ20ปีที่แล้ว