xs
xsm
sm
md
lg

เวียดสร้างอนุสาวรีย์'ผู้พิชิตกุบไลข่าน' บนเกาะกลางทะเลที่พิพาทอยู่กับ'จีน'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการออนไลน์- เวียดนามกำลังก่อสร้างอนุสาวรีย์ขุนพลผู้เลืองนาม วีรบุรุษผู้พิชิตกองทัพกุบไลข่านของอาณาจักรจีนถึง 3 ครั้งที่หมู่เกาะเจื่องซา (Truong Sa) หรือ สแปรตลีย์ (Spratly) ซึ่งเป็นหมู่เกาะพิพาทกับจีนในทะเลจีนใต้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้

อนุสาวรีย์ขุนพลเจิ่นฮึงเดา (Tran Hung Dạo) ความสูง 11.3 เมตร ไม่นับรวมฐาน จะตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะซองตื๋อเตย (Song Tu Tay) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่เกาะหนึ่งและเป็นที่มั่นของฝ่ายเวียดนาม ในหมู่เกาะแห่ง "ทะเลตะวันออก" ชื่อที่ฝ่ายเวียดนามเรียกแทนชื่อ “ทะเลจีนใต้”

การก่อสร้างอนุสาวรีย์ขุนพลผู้ปรีชาสามารถและวีรบุรุษแห่งชาติผู้นี้ ใช้เงินทุนประมาณ 320,000 ดอลลาร์ สำนักข่าวซเวินจี๊รายงาน โดยไม่มีการกล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง

อนุสาวรีย์กับอนุสรณ์สถานของขุนพลเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์เจิ่น พบเห็นได้ทั่วไปในเวียดนาม อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ถนนโตนดึ๊กถัง (Ton Duc Thang) ริมฝั่งแม่น้ำไซ่ง่อน ใกล้กับท่าเรือเฟอร์รี่ถูเทียม (Thu Thiem) และ ท่าเรือด่วนที่จะไปยังเมืองหวุงเต่า (Vung Tau) เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ห่างออกไปราว 80 กม.

บริเวณดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมๆ และ เป็นต้นทางของ 5 แยกใหญ่ ประกอบด้วยถนน 6 สาย ใกล้กับจัตุรัสเมลีง (Me Linh) ย่านธุรกิจการค้าใหม่ของโฮจิมินห์

อนุสรณ์สถานขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งอยู่ในกรุงฮานอย และอีกแห่งหนึ่งอยู่ใน จ.นามดิง (Nam Dinh) ทางตะวันออกของกรุงฮานอย ในชื่อ เจ้าชายเจิ่นก๊วกต๋วน (Tran Quoc Tuan) โดยที่นั่นเป็นบ้านเกิดของพระองค์

"นายพลเจิ่นฮึงเดาขุนนางผู้ยิ่งใหญ่" เป็นสมญานามอย่างเป็นทางการที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เจิ่นพระองค์หนึ่ง ทรงพระราชทานให้หลังจากขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ถึงแก่อสัญกรรม

เจิ่นฮึงเดาได้นำกองทัพไดเหวียด (Dại Viet) ภายใต้ราชวงศ์เจิ่น ที่อ่อนด้อยกว่าทุกทาง ขับไล่กองทัพจีนผู้รุกรานถึง 3 ครั้ง ในปี ค.ศ.1258, 1285 และ 1288 ทุกๆ ครั้งฝ่ายจีนนำโดยพระราชบุตรพระจักรพรรดิกุบไลข่านแห่งราชวงศ์หยวน ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ซึ่งได้ทำให้พระนามของขุนพลเวียดนามผู้นี้ขจรไกล

ตามประวัติศาสตร์ของฝ่ายเวียดนาม กองทัพมองโกลสามารถยึดนครทังลอง (กรุงฮานอย) ได้ถึง 2 ครั้งในสมัยราชวงศ์เจิ่น แต่ถูกตีโต้กลับไปทั้งสองครั้งเช่นกัน ฝ่ายจีนสูญเสียไพร่พลจำนวนมาก ครั้งที่ 3 กองทัพมองโกลระดมกำลังพลถึง 500,000 คน พร้อมกองทัพม้าอันเกรียงไกรและทัพเรือที่ใหญ่โต

เจิ่นฮึงเดานำกองเรือของไดเหวียด ที่เป็นเรือขนาดเล็ก เข้าโจมตีเรือเสบียงของมองโกลเพื่อตัดกำลังข้าศึก และยึดเสบียงอาหารได้ทั้งหมด ทำให้กองทัพอันใหญ่โตทางบกอ่อนเปลี้ยลงเรื่อยๆ

เจิ่นฮึงเดามีชื่อเสียงโด่งดังมากในการศึกครั้งสุดท้าย ที่เรียกกันว่า ยุทธนาวีที่แม่น้ำบั๊กด่าง (Bạch Dang) ซึ่งกองทัพไดเหวียดใช้การรบแบบกองโจร ใช้เรือเล็กที่คล่องตัวเข้าโจมตี ทำให้กองทัพเรืออันใหญ่โตของกุบไลข่านแพ้ราบคาบ ฝ่ายเวียดนามเผาทำลายเรือรบขนาดใหญ่ของจีนวอดไปราว 400 ลำ

กองทัพม้าของมองโกลที่ขาดเสบียงอาหาร ยังถูกไดเหวียดเข้าโจมตีจนต้องถอยร่นกลับข้ามพรมแดนทางตอนเหนือ และในระหว่างทางยังถูกองกำลังของชนกลุ่มน้อยชาวม้งกับชาวเย้า ซุ่มโจมตีจนแตกพ่ายและได้รับความเสียหายอย่างหนัก

จีนและเวียดนามในยุคปัจจุบันต่างกล่าวอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ ต่างฝ่ายต่างยกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ "อันไม่อาจโต้แย้งได้" แสดงว่าฝ่ายตนเป็นเจ้าของหมูเกาะแห่งนี้มานานหลายร้อยปี

นอกจากจีนกับเวียดนามแล้ว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และไต้หวัน ก็ประกาศสิทธิ์เหนือหมู่เกาะ หรือ ดินแดนบางส่วนของเกาะสแปรตลีย์ ที่เชื่อว่าอุดมด้วยน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น