วานนี้ ( 25 มี.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต.ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาส.ว. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงาน และกลั่นกรองการสรรหาส.ว. ว่า คณะอนุกรรมการได้รับทราบผลการตรวจสอบประวัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ แล้ว โดยจะมีการนำรายละเอียดลงในแบบฟอร์มที่ได้มีการปรับปรุง เพื่อที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาต่อไป อาทิ กรณีการตรวจสอบพบว่าผู้ได้รับการเสนอยังพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ถึง 5 ปี หรือยังคงมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ จำนวนหลายสิบคน แต่ทั้งนี้อนุกรรมการ ก็จะไม่มีการตัดรายชื่อผู้ที่ขาดคุณสมบัติ เพราะถือว่าเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสรรหา แต่จะเสนอเป็นข้อสังเกตให้ทราบ เพื่อประกอบการพิจารณา
นายสุทธิพล ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสรรหา ที่มีนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน ทางสำนักงานกกต. ได้แจ้งให้คณะกรรมการสรรหา ทราบถึงพ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะส่งผลให้การสรรหาส.ว. จากเดิมที่ต้องสรรหา 74 คน เหลือเพียง 73 คน โดยทางคณะกรรมการสรรหา ก็คงจะยึดหลักการในการสรรหารูปแบบเดิม คือจะดูว่า องค์กรภาคใดที่มีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาน้อยที่สุด ก็จะสรรหาจากภาคนั้นลดลง 1 คน จากเดิมที่จะเลือกองค์กรภาคละ15 คน ซึ่งในครั้งนี้มีองค์กรที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาน้อยที่สุด 2 องค์กร คือองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาควิชาการ ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาก็จะสรรหาบุคคลเป็นส.ว.สรรหาจาก 2 ภาคนี้ภาคละ 14 คน ส่วนองค์กรภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นๆ ก็จะสรรหาภาคละ 15 คน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสรรหาจะมีการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 4 เม.ย. และต่อเนื่องในวันที่ 5 ,8,10 เม.ย. โดยจะเป็นการประชุมเต็มวันในทุกวัน เพื่อทำสรรหาในแล้วเสร็จตามที่คณะกรรมการสรรหาตั้งใจไว้ว่าจะให้แล้วเสร็จก่อนเทศกาลสงกรานต์
------------------
นายสุทธิพล ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสรรหา ที่มีนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน ทางสำนักงานกกต. ได้แจ้งให้คณะกรรมการสรรหา ทราบถึงพ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะส่งผลให้การสรรหาส.ว. จากเดิมที่ต้องสรรหา 74 คน เหลือเพียง 73 คน โดยทางคณะกรรมการสรรหา ก็คงจะยึดหลักการในการสรรหารูปแบบเดิม คือจะดูว่า องค์กรภาคใดที่มีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาน้อยที่สุด ก็จะสรรหาจากภาคนั้นลดลง 1 คน จากเดิมที่จะเลือกองค์กรภาคละ15 คน ซึ่งในครั้งนี้มีองค์กรที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาน้อยที่สุด 2 องค์กร คือองค์กรภาครัฐ และองค์กรภาควิชาการ ดังนั้นคณะกรรมการสรรหาก็จะสรรหาบุคคลเป็นส.ว.สรรหาจาก 2 ภาคนี้ภาคละ 14 คน ส่วนองค์กรภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคอื่นๆ ก็จะสรรหาภาคละ 15 คน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสรรหาจะมีการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 4 เม.ย. และต่อเนื่องในวันที่ 5 ,8,10 เม.ย. โดยจะเป็นการประชุมเต็มวันในทุกวัน เพื่อทำสรรหาในแล้วเสร็จตามที่คณะกรรมการสรรหาตั้งใจไว้ว่าจะให้แล้วเสร็จก่อนเทศกาลสงกรานต์
------------------