00 ผ่านพ้นและเห็นภาพภายในกันไปแล้ว สำหรับเสียงไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา มากบ้างน้อยบ้าง ที่แต่ละคนได้รับแตกต่างกันไป แต่ที่ถือว่ามี “นัย” สำคัญ ก็เห็นจะเป็น กรณีของ “พรทิวา นาคาศัย” และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับแรงหนุนอย่าง “เป็นกันเอง” จาก “ก๊วน 3 พี” ที่ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำจากปากของ ไพโรจน์ สุวรรณฉวี
00 การทอดไมตรีแบบนี้ มันก็ย่อมหวังผลตอบแทนกันภายหน้าอยู่แล้ว เพราะถ้าพิจารณากันแบบมีเหตุมีผล มันก็ย่อมทราบกันดีว่า “ของฟรี” ไม่มีในโลก งานนี้หากดูกันแบบฉาบฉวยคงมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างชัดเจน หากแยกพิจารณาเฉพาะกรณีของ พรทิวา เสียก่อนก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือ “ก๊วนสมศักดิ์ เทพสุทิน” คนละส่วนกับ “เนวิน ชิดชอบ” และถ้ายื่นมือไปให้แตะ ก็คงไม่ใช่ภูมิใจไทยทั้งพรรค
00 ส่วนไมตรีกับประชาธิปัตย์ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการลุ้นเป็นพันธมิตรทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง เป็นการจับขั้วกันให้เห็นกลายๆ “หลวมๆ” ไปก่อน หลังจาก “เนวินกรุ๊ป” จับมือโชว์กับ “ปลาไหลเติ้ง” กันไปล่วงหน้าแล้ว
00 หลังเสร็จสิ้น “ศึกซักฟอก” มันก็มีแนวโน้มหลายอย่างตามมาให้เห็น ส่งผลกระทบกันไปทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายค้านและรัฐบาล เริ่มจากฝ่ายรัฐบาลก่อน น่าจะเป็นครั้งแรกที่หลังจากการอภิปรายผ่านพ้นไปแล้วจะทำให้เกิด “ผลลบ” กับตัว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “ขุนพล” สำคัญ อย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เพราะเมื่อพิจารณาจากโพลก็จะพบได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งสองคนดังกล่าว “สอบตก” สวนทางกับเสียงข้างมาก “ลากถู” กันในสภา ขณะที่ฝ่ายค้านก็ “ไม่มีอะไรจะเสีย” ที่เหลือถือว่า “มีแต่กำไร”
00 เป็นไปได้อย่างไร หากดูจากคะแนนโหวต ตั้งแต่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ลงมา รัฐมนตรีแต่ละคนได้รับเสียงท่วมท้น แต่เมื่อหันไปดูความรู้สึกของชาวบ้านผ่านผลโพล กลับออกมาในทางตรงกันข้าม คนที่ชาวบ้านไม่ไว้วางใจที่สุดก็เป็นไปตามคาด คือ “เทพเทือก” รมว.พาณิชย์ พรทิวา หรือแม้แต่ นายกฯ ตามลำดับ อย่างนี้มันหมายความว่าอย่างไร
00 ภาพที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นถึงความ “ถดถอย” ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่มี “นักฉวยโอกาส” ทางการเมือง พยายาม “เชิด” ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ขึ้นมาแทรกกลาง แต่ขอโทษ นาทีนี้มันไม่เหมือนก่อน สังคมมันพัฒนาไปไกลแล้ว รู้ดีว่าใครของจริง “ใครของปลอม” ดังนั้นถ้าอยากเสียคนอีกคน ก็ลองเสี่ยงเข้ามาก็ได้นะ “ดร.ปุ” ไม่ว่ากัน ของแบบนี้ไม่ลองด้วยตัวเองอาจไม่รู้ว่า นรกมีจริง
00 แต่ที่น่าจับตา “อาฟเตอร์ช็อก” ก็คือ “เกมแย่งชิง” เอาหน้า “นายใหญ่” ระหว่าง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะนั่นหมายความว่า ถ้าใครชนะก็จะมี “อำนาจ” เป็นบำเหน็จรางวัลรออยู่ตรงหน้า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าถามว่าว่า นาทีนี้ใครตกเป็นรอง ก็ต้องบอกตามตรง สั้นๆว่า “เหลิม” นั่นแหละ !!
00 การทอดไมตรีแบบนี้ มันก็ย่อมหวังผลตอบแทนกันภายหน้าอยู่แล้ว เพราะถ้าพิจารณากันแบบมีเหตุมีผล มันก็ย่อมทราบกันดีว่า “ของฟรี” ไม่มีในโลก งานนี้หากดูกันแบบฉาบฉวยคงมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างชัดเจน หากแยกพิจารณาเฉพาะกรณีของ พรทิวา เสียก่อนก็ต้องเข้าใจว่า นี่คือ “ก๊วนสมศักดิ์ เทพสุทิน” คนละส่วนกับ “เนวิน ชิดชอบ” และถ้ายื่นมือไปให้แตะ ก็คงไม่ใช่ภูมิใจไทยทั้งพรรค
00 ส่วนไมตรีกับประชาธิปัตย์ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการลุ้นเป็นพันธมิตรทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง เป็นการจับขั้วกันให้เห็นกลายๆ “หลวมๆ” ไปก่อน หลังจาก “เนวินกรุ๊ป” จับมือโชว์กับ “ปลาไหลเติ้ง” กันไปล่วงหน้าแล้ว
00 หลังเสร็จสิ้น “ศึกซักฟอก” มันก็มีแนวโน้มหลายอย่างตามมาให้เห็น ส่งผลกระทบกันไปทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายค้านและรัฐบาล เริ่มจากฝ่ายรัฐบาลก่อน น่าจะเป็นครั้งแรกที่หลังจากการอภิปรายผ่านพ้นไปแล้วจะทำให้เกิด “ผลลบ” กับตัว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ “ขุนพล” สำคัญ อย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เพราะเมื่อพิจารณาจากโพลก็จะพบได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งสองคนดังกล่าว “สอบตก” สวนทางกับเสียงข้างมาก “ลากถู” กันในสภา ขณะที่ฝ่ายค้านก็ “ไม่มีอะไรจะเสีย” ที่เหลือถือว่า “มีแต่กำไร”
00 เป็นไปได้อย่างไร หากดูจากคะแนนโหวต ตั้งแต่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ลงมา รัฐมนตรีแต่ละคนได้รับเสียงท่วมท้น แต่เมื่อหันไปดูความรู้สึกของชาวบ้านผ่านผลโพล กลับออกมาในทางตรงกันข้าม คนที่ชาวบ้านไม่ไว้วางใจที่สุดก็เป็นไปตามคาด คือ “เทพเทือก” รมว.พาณิชย์ พรทิวา หรือแม้แต่ นายกฯ ตามลำดับ อย่างนี้มันหมายความว่าอย่างไร
00 ภาพที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นถึงความ “ถดถอย” ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่มี “นักฉวยโอกาส” ทางการเมือง พยายาม “เชิด” ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ขึ้นมาแทรกกลาง แต่ขอโทษ นาทีนี้มันไม่เหมือนก่อน สังคมมันพัฒนาไปไกลแล้ว รู้ดีว่าใครของจริง “ใครของปลอม” ดังนั้นถ้าอยากเสียคนอีกคน ก็ลองเสี่ยงเข้ามาก็ได้นะ “ดร.ปุ” ไม่ว่ากัน ของแบบนี้ไม่ลองด้วยตัวเองอาจไม่รู้ว่า นรกมีจริง
00 แต่ที่น่าจับตา “อาฟเตอร์ช็อก” ก็คือ “เกมแย่งชิง” เอาหน้า “นายใหญ่” ระหว่าง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเป็นไปอย่างเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะนั่นหมายความว่า ถ้าใครชนะก็จะมี “อำนาจ” เป็นบำเหน็จรางวัลรออยู่ตรงหน้า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าถามว่าว่า นาทีนี้ใครตกเป็นรอง ก็ต้องบอกตามตรง สั้นๆว่า “เหลิม” นั่นแหละ !!
