ASTVผู้จัดการรายวัน - ร.พ.บำรุงราษฎร์ เข้าเก็บหุ้นร.พ.เกษมราษฎร์ 24.99% จากการซื้อบิ๊กล็อตวงเงิน 3.5 พันล้าน ที่ขายโดยกลุ่ม “แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ด้านผู้บริหารLH ระบุเพื่อลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก หวังนำเงินที่ได้ไปใช้เป็ฯทุนหมุมเวียน
บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2554 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่18 มีนาคม 2554 มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญของบมจ.บางกอกเชน ฮอสปิทอล จำนวน 415,624,000 หุ้น จากบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.99 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าว โดยรายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer)
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการขายหุ้น บมจ. บางกอกเชน ฮอสปิทอล (KH) จำนวน 415,624,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.99 ของทุนชำระแล้ว ให้แก่ โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,532.8 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักภาษีจากการทำรายการในครั้งนี้ ประมาณ 2,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ การขายหุ้น KH เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่จะลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยได้มอบหมายให้ บล.เอเซียพลัส (ASP) เป็นตัวแทนในการหาผู้ซื้อให้แก่บริษัทฯ โดยทาง เอเซียพลัส ได้ ติดต่อ BH มาเป็นผู้ซื้อ ซี่งได้มีการทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยการทำ Big Lot
“บริษัทฯ คาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ เพื่อขยายธุรกิจในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน และนายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการของ KH ซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทฯ ได้ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นกรรมการของ KH แล้วโดยมีผลทันที”
ด้านนายไพบูรณ์ นาโคศิริ กรรมการ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล(KH)กล่าวว่า รายการบิ๊กล็อตหุ้น KH ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่มตระกูลหาญพาณิชย์ คาดว่าจะไม่ได้ทำดีลแต่อย่างใด และปัจจุบันยังถือหุ้นกว่า 40% แต่ก็ยังไม่ทราบชัดว่าใครเป็นผู้ทำรายการ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาจากการทำบิ๊กล็อตครั้งนี้ ก็คงจะไม่ทำให้การบริหารงานของบริษัทฯมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สำหรับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KH 3 อันดับแรก ล่าสุดเมื่อ 3 ก.ย.2553 คือ นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ถือหุ้น 542,500,000 หุ้นหรือคิดเป็น 32.63%, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)ถือหุ้น 477,586,025 หุ้นหรือคิดเป็น 28.73%, นางสมพร หาญพาณิชย์ ถือหุ้น 121,033,500 หุ้นหรือ 7.28%
บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2554 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่18 มีนาคม 2554 มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญของบมจ.บางกอกเชน ฮอสปิทอล จำนวน 415,624,000 หุ้น จากบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.99 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าว โดยรายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer)
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการขายหุ้น บมจ. บางกอกเชน ฮอสปิทอล (KH) จำนวน 415,624,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.99 ของทุนชำระแล้ว ให้แก่ โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ ในราคาหุ้นละ 8.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,532.8 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักภาษีจากการทำรายการในครั้งนี้ ประมาณ 2,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ การขายหุ้น KH เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่จะลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยได้มอบหมายให้ บล.เอเซียพลัส (ASP) เป็นตัวแทนในการหาผู้ซื้อให้แก่บริษัทฯ โดยทาง เอเซียพลัส ได้ ติดต่อ BH มาเป็นผู้ซื้อ ซี่งได้มีการทำรายการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยการทำ Big Lot
“บริษัทฯ คาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ เพื่อขยายธุรกิจในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน และนายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการของ KH ซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทฯ ได้ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นกรรมการของ KH แล้วโดยมีผลทันที”
ด้านนายไพบูรณ์ นาโคศิริ กรรมการ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล(KH)กล่าวว่า รายการบิ๊กล็อตหุ้น KH ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่มตระกูลหาญพาณิชย์ คาดว่าจะไม่ได้ทำดีลแต่อย่างใด และปัจจุบันยังถือหุ้นกว่า 40% แต่ก็ยังไม่ทราบชัดว่าใครเป็นผู้ทำรายการ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาจากการทำบิ๊กล็อตครั้งนี้ ก็คงจะไม่ทำให้การบริหารงานของบริษัทฯมีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สำหรับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KH 3 อันดับแรก ล่าสุดเมื่อ 3 ก.ย.2553 คือ นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ถือหุ้น 542,500,000 หุ้นหรือคิดเป็น 32.63%, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)ถือหุ้น 477,586,025 หุ้นหรือคิดเป็น 28.73%, นางสมพร หาญพาณิชย์ ถือหุ้น 121,033,500 หุ้นหรือ 7.28%
