ASTVผู้จัดการรายวัน- "อัศวโภคิน"แห่ง"เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ " ระบุปี 54 อสังหาฯเหนื่อยหนัก ปัจจัยลบเพียบ แถมบิ๊กจัดสรรแข่งเดือดในทุกตลาด หวั่นปัญหาการเมือง ราคาน้ำมันกระทบตลาด แต่ยังหวังจีดีพีโต 4% ตามที่รัฐบาลประกาศ ขู่ไตรมาส 4 ราคาบ้านปรับขึ้นแน่ ส่วนแผนปี 54 ลุยเปิด 20 โครงการมูลค่า 23,525 ล้านบาท ตั้งเป้าโต 25% รายได้ 17,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัว The Pleno ทาวน์เฮาส์ล้านต้นๆ เจาะตลาดรอบเมือง
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานปี 54 ว่า วางแผนเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 23,525 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่า 1,750 ล้านบาท, ทาวน์เฮาส์ 13 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ขณะที่ในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 36 โครงการ มูลค่า 24,637 ล้านบาท ส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทฯมีสินค้ารอขายในมือ 56 โครงการ มูลค่า 71,755 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 25% จากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 17,000 ล้านบาท จากที่ปีที่แล้วมีรายได้ 13,840 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้แล้ว 25,188 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวจะสามารถรับรู้ภายในปีนี้ 11,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 2,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 53 มียอดขาย 900 ล้านบาท
สำหรับงบซื้อที่ดินปีนี้ ตั้งไว้จำนวน 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนตั้งงบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 1,500 ล้านบาท ยังคงเหลือวงเงินอีก 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า นอกจากนี้ ได้เตรียมงบทำการตลาด จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ AP และแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
สำหรับการปรับขึ้นของต้นทุนก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจะตรึงราคาขายบ้านไปได้ถึงไตรมาส 3/54 เนื่องจากได้ล็อกต้นทุนก่อสร้างไปจนถึงไตรมาส 3 แล้ว แต่หลังจากนี้จะต้องปรับราคาขายตามต้นทุนที่ปรับขึ้น ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นก็จะปรับขึ้นราคาบ้านในช่วงไตรมาส 4 เช่นเดียวกัน
นายอนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการกำไรของผู้ประกอบการเท่าเดิม นั้นแสดงว่าผู้ประกอบการได้ปรับขึ้นราคาบ้านไปแล้ว ส่วนปีนี้ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 1% ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่ เพราะราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนดอกเบี้ยเชื่อว่าทั้งปีน่าจะปรับขึ้นประมาณ 1%
"ปีนี้ธุรกิจอสังหาฯ จะเติบโตตามจีดีพีที่คาดว่าโตประมาณ 4% ความต้องการยังมีอยู่ แต่ผู้ประกอบการจะเหนื่อยมาก การแข่งขันรุนแรงทุกกลุ่มสินค้า ( segment) เพราะปัจจุบันรายใหญ่หันมาทำทุกตลาด ส่วนปัจจัยเสี่ยงปีนี้ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเรื่องการเมือง ปัจจัยภายนอกที่กระทบเศรษฐกิจ ส่วนค่าน้ำมัน และดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น แต่รายใหญ่จะได้เปรียบ เพราะใช้ต้นทุนเก่าไปก่อน ส่วนรายเล็กคิดว่าต้นทุนขึ้นไปแล้วในไตรมาส 2-3"นายอนุพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 1 เท่า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนหุ้นกู้ 80% ของหนี้สินรวม ที่เหลือ 20% เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน จึงเชื่อว่าบริษัทยังมีความสามารถก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น ส่วนการออกหุ้นกู้จะดำเนินการต่อเนื่องทุกปี ซึ่งช่วงต้นปีได้ออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท และรอดูจังหวะดอกเบี้ยในการเสนอขายหุ้นกู้อีกครั้ง เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ใหม่ The Pleno ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ด้วยคอนเซ็ปต์ “บ้านเย็น” เน้นทำเลที่ตั้งในแหล่งชุมชน มีความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงการออกแบบบ้านที่อยู่สบาย การสร้างสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ และที่สำคัญอย่างยิ่งเรื่องระบบการรักษาปลอดภัยภายในโครงการ โดยในปีนี้ตั้งเป้าเปิด The Pleno 6 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 1 โครงการ The Pleno เอกชัย-กาญจนาภิเษก จำนวน 434 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดแล้ว 60 ยูนิต ส่วนงานก่อสร้างโครงการจะใช้ระบบพรีแฟ็บ ผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือชื่อบริษัท เอสคิวอี คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ต่อไป.
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนดำเนินงานปี 54 ว่า วางแผนเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 23,525 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 1 โครงการ มูลค่า 1,750 ล้านบาท, ทาวน์เฮาส์ 13 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ขณะที่ในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 36 โครงการ มูลค่า 24,637 ล้านบาท ส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทฯมีสินค้ารอขายในมือ 56 โครงการ มูลค่า 71,755 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 25% จากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 17,000 ล้านบาท จากที่ปีที่แล้วมีรายได้ 13,840 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้แล้ว 25,188 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวจะสามารถรับรู้ภายในปีนี้ 11,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไปแล้ว 2,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 53 มียอดขาย 900 ล้านบาท
สำหรับงบซื้อที่ดินปีนี้ ตั้งไว้จำนวน 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนตั้งงบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 1,500 ล้านบาท ยังคงเหลือวงเงินอีก 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้า นอกจากนี้ ได้เตรียมงบทำการตลาด จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ AP และแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
สำหรับการปรับขึ้นของต้นทุนก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจะตรึงราคาขายบ้านไปได้ถึงไตรมาส 3/54 เนื่องจากได้ล็อกต้นทุนก่อสร้างไปจนถึงไตรมาส 3 แล้ว แต่หลังจากนี้จะต้องปรับราคาขายตามต้นทุนที่ปรับขึ้น ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นก็จะปรับขึ้นราคาบ้านในช่วงไตรมาส 4 เช่นเดียวกัน
นายอนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นทุกปี ในขณะที่อัตราการกำไรของผู้ประกอบการเท่าเดิม นั้นแสดงว่าผู้ประกอบการได้ปรับขึ้นราคาบ้านไปแล้ว ส่วนปีนี้ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 1% ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะขึ้นไปอีกเท่าไหร่ เพราะราคาน้ำมันยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนดอกเบี้ยเชื่อว่าทั้งปีน่าจะปรับขึ้นประมาณ 1%
"ปีนี้ธุรกิจอสังหาฯ จะเติบโตตามจีดีพีที่คาดว่าโตประมาณ 4% ความต้องการยังมีอยู่ แต่ผู้ประกอบการจะเหนื่อยมาก การแข่งขันรุนแรงทุกกลุ่มสินค้า ( segment) เพราะปัจจุบันรายใหญ่หันมาทำทุกตลาด ส่วนปัจจัยเสี่ยงปีนี้ นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเรื่องการเมือง ปัจจัยภายนอกที่กระทบเศรษฐกิจ ส่วนค่าน้ำมัน และดอกเบี้ย ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น แต่รายใหญ่จะได้เปรียบ เพราะใช้ต้นทุนเก่าไปก่อน ส่วนรายเล็กคิดว่าต้นทุนขึ้นไปแล้วในไตรมาส 2-3"นายอนุพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 1 เท่า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนหุ้นกู้ 80% ของหนี้สินรวม ที่เหลือ 20% เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน จึงเชื่อว่าบริษัทยังมีความสามารถก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น ส่วนการออกหุ้นกู้จะดำเนินการต่อเนื่องทุกปี ซึ่งช่วงต้นปีได้ออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท และรอดูจังหวะดอกเบี้ยในการเสนอขายหุ้นกู้อีกครั้ง เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ใหม่ The Pleno ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ด้วยคอนเซ็ปต์ “บ้านเย็น” เน้นทำเลที่ตั้งในแหล่งชุมชน มีความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงการออกแบบบ้านที่อยู่สบาย การสร้างสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ และที่สำคัญอย่างยิ่งเรื่องระบบการรักษาปลอดภัยภายในโครงการ โดยในปีนี้ตั้งเป้าเปิด The Pleno 6 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 1 โครงการ The Pleno เอกชัย-กาญจนาภิเษก จำนวน 434 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดแล้ว 60 ยูนิต ส่วนงานก่อสร้างโครงการจะใช้ระบบพรีแฟ็บ ผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือชื่อบริษัท เอสคิวอี คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ต่อไป.
