ASTVผู้จัดการรายวัน – ไอ.ซี.ซี.บุกตลาดชุดว่ายน้ำเต็มสูบ ควงฟังก์ชันสินค้าตอกย้ำบัลลังก์ บีเอสซี ระเบิดชุดว่ายน้ำ บาย ปนัดดา3 ฟังก์ชัน เจาะผู้หญิงมีปัญหารูปร่างอ้วน อกหน้าเล็ก สร้างความต่างรับสมรภูมิชุดว่ายน้ำแข่งเดือดหน้าร้อน ตั้งเป้ายอดโต 50% แชร์เพิ่ม 15% สิ้นปีรายได้กลุ่มโต 30% หรือ 780 ล้านบาท
นายธนศิษฐ ธนาวริศอนันต์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้ากีฬาและชุดว่ายน้ำ บริษัท ไอซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำบีเอสซี กล่าวว่า ปีนี้บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุก กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์บีเอสซี โดยได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% ทำตลาดช่วง 3-4 เดือนนี้ ประเดิมรุกตลาดชุดว่ายน้ำเพื่อต้อนรับหน้าร้อนปีนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลจำหน่ายสินค้าโดยสร้างยอดขาย 65% หรือเติบโตมากกว่าปกติ 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงปกติ
กลยุทธ์การตลาดชุดว่ายน้ำ ปีนี้บริษัทเน้นนำเสนอนวัตกรรม สินค้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าเน้นที่การออกแบบ เพื่อสร้างความแตกต่างสินค้าในตลาด ที่แข่งขันด้านการออกแบบสูง ล่าสุดทุ่ม 5 ล้านบาท เปิดตัวชุดว่ายน้ำคอลเลกชันใหม่”บีเอสซี บาย ปนัดดา” 3 รูปแบบ 1.ชุดว่ายน้ำกระชับสัดส่วน 2.ชุดว่ายน้ำประดับเพชร และ3.ชุดว่ายน้ำเสริมทรวงอก เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป คาดว่ายอดโต 50% และผลักดันให้บีเอสซี มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 10% เป็น 15%
“ตลาดชุดว่ายน้ำสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านรูปร่าง เป็นตลาดใหญ่และเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูง ดังนั้นเราจึงขยายต้องการขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ และเตรียมจะแตกไลน์ชุดชั้นในบีเอสซี บาย ปนัดดาต่อไปในอนาคตนี้ด้วย”
ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างชุดว่ายน้ำในเครือไอ.ซี.ซี. ซึ่งมีทั้งหมด 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ สปีโด้,บีเอสซี ,สตรีมไลน์ และแอล ปีนี้บริษัทเน้นใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดโรดโชว์ ของพรีเมียม เพื่อผลักดันให้ยอดขายทั้งกลุ่มโต 30% จาก 2 ปีที่ผ่านมาเติบโต 25% หรือรายได้ปีที่ผ่านมา 600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 780 บาทในสิ้นปีนี้ โดยสปีโด้ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%
สภาพตลาดชุดว่ายน้ำมูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้เติบโต 25% ซึ่งผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้การตัดสินใจซื้อสินค้าคำนึงถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉลี่ยซื้อสินค้า 2 ชุดต่อปี และคนไทยยังคงนิยมใส่ชุดวันพีช สัดส่วน 85% เหลือเป็น 75% ส่วนทู พีช เพิ่มจาก 15% เป็น 25% อย่างไรก็ตามปีนี้ต้นทุนการผลิตชุดว่ายน้ำเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทนำเข้าผ้ามาจากอิตาลี แต่ไม่ได้ปรับราคาสินค้าขึ้น
นายธนศิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการทำตลาดต่างประเทศในกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์บีเอสซี วางแผนจะเปิดช็อปในยุโรป นำร่องที่ประเทศอิตาลี และมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เข้ามาเจรจา ส่วนหนึ่งเพราะสินค้ามีความหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ขณะที่ชุดว่ายน้ำเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการเป็นสปอนเซอร์การประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นายธนศิษฐ ธนาวริศอนันต์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้ากีฬาและชุดว่ายน้ำ บริษัท ไอซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำบีเอสซี กล่าวว่า ปีนี้บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุก กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์บีเอสซี โดยได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% ทำตลาดช่วง 3-4 เดือนนี้ ประเดิมรุกตลาดชุดว่ายน้ำเพื่อต้อนรับหน้าร้อนปีนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลจำหน่ายสินค้าโดยสร้างยอดขาย 65% หรือเติบโตมากกว่าปกติ 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงปกติ
กลยุทธ์การตลาดชุดว่ายน้ำ ปีนี้บริษัทเน้นนำเสนอนวัตกรรม สินค้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าเน้นที่การออกแบบ เพื่อสร้างความแตกต่างสินค้าในตลาด ที่แข่งขันด้านการออกแบบสูง ล่าสุดทุ่ม 5 ล้านบาท เปิดตัวชุดว่ายน้ำคอลเลกชันใหม่”บีเอสซี บาย ปนัดดา” 3 รูปแบบ 1.ชุดว่ายน้ำกระชับสัดส่วน 2.ชุดว่ายน้ำประดับเพชร และ3.ชุดว่ายน้ำเสริมทรวงอก เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป คาดว่ายอดโต 50% และผลักดันให้บีเอสซี มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 10% เป็น 15%
“ตลาดชุดว่ายน้ำสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านรูปร่าง เป็นตลาดใหญ่และเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูง ดังนั้นเราจึงขยายต้องการขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ และเตรียมจะแตกไลน์ชุดชั้นในบีเอสซี บาย ปนัดดาต่อไปในอนาคตนี้ด้วย”
ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างชุดว่ายน้ำในเครือไอ.ซี.ซี. ซึ่งมีทั้งหมด 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ สปีโด้,บีเอสซี ,สตรีมไลน์ และแอล ปีนี้บริษัทเน้นใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดโรดโชว์ ของพรีเมียม เพื่อผลักดันให้ยอดขายทั้งกลุ่มโต 30% จาก 2 ปีที่ผ่านมาเติบโต 25% หรือรายได้ปีที่ผ่านมา 600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 780 บาทในสิ้นปีนี้ โดยสปีโด้ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40%
สภาพตลาดชุดว่ายน้ำมูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้เติบโต 25% ซึ่งผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมากนัก ทำให้การตัดสินใจซื้อสินค้าคำนึงถึงความคุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉลี่ยซื้อสินค้า 2 ชุดต่อปี และคนไทยยังคงนิยมใส่ชุดวันพีช สัดส่วน 85% เหลือเป็น 75% ส่วนทู พีช เพิ่มจาก 15% เป็น 25% อย่างไรก็ตามปีนี้ต้นทุนการผลิตชุดว่ายน้ำเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทนำเข้าผ้ามาจากอิตาลี แต่ไม่ได้ปรับราคาสินค้าขึ้น
นายธนศิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการทำตลาดต่างประเทศในกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์บีเอสซี วางแผนจะเปิดช็อปในยุโรป นำร่องที่ประเทศอิตาลี และมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เข้ามาเจรจา ส่วนหนึ่งเพราะสินค้ามีความหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ขณะที่ชุดว่ายน้ำเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการเป็นสปอนเซอร์การประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
