ASTVผู้จัดการรายวัน - สสปน. ปั้นโดเมสติกไมซ์ รับเสรีอาเซียน เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย Domestic MICE มั่นใจเมืองไทยพร้อม” ปรับโครงการองค์กร แยกฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ อัดงบ 50 ล้านบาท กระตุ้นตลาดปีนี้ เตรียมเสนอ ครม.เดือนนี้ แย้มคู่แข่งบางตา อียิปต์ การ์ต้า ถอนตัว
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ตลาดโดเมสติกไมซ์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งภาพของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ที่รวมกันเป็นหนึ่ง จะทำให้ตลาดโดเมสติกไมซ์จะขยายมากกกว่าปัจจุบันนี้อีกกว่าเท่าตัว ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือการแข่งขัน
ปีที่ผ่านมาตลาดโดเมสติกไมซ์ สร้างรายได้ 1.35 หมื่นล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไมซ์ที่ 2 ล้านคน โตจากปี 2552 ราว 25% สำหรับปี 2554 ตั้งเป้า 30% เพิ่มเป็น 1.75 หมื่นล้านบาท จำนวน 2.5 ล้านคน เมื่อนำมารวมกับเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวไมซ์ต่างชาติในปีนี้อีกราว 6 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ปีนี้เกือบ 8 หมื่นล้านบาทและเมื่อเปิดเขตเสรีอาเซียน มีการเดินทางจัดประชุมสัมมนา เอ็กซิบิชั่น กันในกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าตลาดนี้จะโตเพิ่มเป็นมูลค่ากว่า แสนล้านบาทในปี 2558
ล่าสุด สสปน ได้เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย Domestic MICE มั่นใจเมืองไทยพร้อม” เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมตลาดโดเมสติกไมซ์ ภายใต้กลยุทธ์การตลาด D-MICE เป็นโครงการต่อเนื่องจาก”ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ ในปีก่อน ขณะเดียวกัน ยังปรับโครงสร้างองค์กร จัดตั้งฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ โดยมี นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการดูแล และจัดสรรงบการตลาดภายใต้งบประมาณประจำปี 2554 ให้ทั้งสิ้น 50 ล้านบาท เพิ่มกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่ฝ่ายนี้ได้รับงบเพียง 20 ล้านบาท
ปีนี้ได้วางแผนกลยุทธ์การทำตลาดแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม MIC หรือ ประชุม,ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลและประชุมนานาชาติ ซึ่งเป็นตลาดที่มีสัดส่วนรวมกันแล้วสูงมาก เมื่อเทียบกับงานแสดงสินค้าหรือเอ็กซิบิชั่นที่ยังมีสัดส่วนน้อย แต่สสปน.มองว่า เอ็กซิบิชั่น มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยจะพยายามผลักดันผ่าน ไมซ์ซิตี้
ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ปูพรมทางความคิด รุกตลาดไมซ์ภูมิภาคครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเพิ่มอีก 2 ภูมิภาค ใน 3 จังหวัด ได้แก่ อีสานตอนบน จ.อุดรธานี อีสานตอนล่าง จ.ขอนแก่น และ ภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ที่ พัทยา กรุงเทพฯ หาดใหญ่ และ เชียงใหม่
คาดมีผู้ร่วมงาน 3 จังหวัดกว่า 300 คน
***อียิปต์-การ์ต้าถอนตัวเวิลด์เอ็กซ์โป***
ด้านความคืบหน้า การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ภายในเดือนมีนาคมนี้ สสปน.จะเสนอเรื่องให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และ จะเสนอตัวเข้าประมูลสิทธิ์ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เบื้องต้น สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE กรุงปารีส เห็นชอบในแนวทางการกำหนดธีมงาน แต่อาจต้องปรับแก้เล็กน้อยให้เหมาะจุดแข็งของประเทศไทยในเวทีโลก โดยเน้นขายความเป็นไทย
ทั้งนี้ประเทศคู่แข่งขันที่จะร่วมประมูลสิทธิ์ ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนหรือคืบหน้าเท่าประเทศไทย และยังมีประเทศที่ออกจากการแข่งขันแล้ว 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และ การ์ต้า และที่ยังแสดงตัวเข้าร่วมประมูลที่ชัดเจนมีประเทศเดียวคือรัสเซีย จึงมองว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะได้สิทธิ์การจัดงานครั้งนี้มีอยู่สูงมาก
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ตลาดโดเมสติกไมซ์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งภาพของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ที่รวมกันเป็นหนึ่ง จะทำให้ตลาดโดเมสติกไมซ์จะขยายมากกกว่าปัจจุบันนี้อีกกว่าเท่าตัว ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือการแข่งขัน
ปีที่ผ่านมาตลาดโดเมสติกไมซ์ สร้างรายได้ 1.35 หมื่นล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไมซ์ที่ 2 ล้านคน โตจากปี 2552 ราว 25% สำหรับปี 2554 ตั้งเป้า 30% เพิ่มเป็น 1.75 หมื่นล้านบาท จำนวน 2.5 ล้านคน เมื่อนำมารวมกับเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวไมซ์ต่างชาติในปีนี้อีกราว 6 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ปีนี้เกือบ 8 หมื่นล้านบาทและเมื่อเปิดเขตเสรีอาเซียน มีการเดินทางจัดประชุมสัมมนา เอ็กซิบิชั่น กันในกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าตลาดนี้จะโตเพิ่มเป็นมูลค่ากว่า แสนล้านบาทในปี 2558
ล่าสุด สสปน ได้เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย Domestic MICE มั่นใจเมืองไทยพร้อม” เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมตลาดโดเมสติกไมซ์ ภายใต้กลยุทธ์การตลาด D-MICE เป็นโครงการต่อเนื่องจาก”ประชุมเมืองไทย ภูมิใจช่วยชาติ ในปีก่อน ขณะเดียวกัน ยังปรับโครงสร้างองค์กร จัดตั้งฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ โดยมี นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นผู้อำนวยการดูแล และจัดสรรงบการตลาดภายใต้งบประมาณประจำปี 2554 ให้ทั้งสิ้น 50 ล้านบาท เพิ่มกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่ฝ่ายนี้ได้รับงบเพียง 20 ล้านบาท
ปีนี้ได้วางแผนกลยุทธ์การทำตลาดแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม MIC หรือ ประชุม,ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลและประชุมนานาชาติ ซึ่งเป็นตลาดที่มีสัดส่วนรวมกันแล้วสูงมาก เมื่อเทียบกับงานแสดงสินค้าหรือเอ็กซิบิชั่นที่ยังมีสัดส่วนน้อย แต่สสปน.มองว่า เอ็กซิบิชั่น มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยจะพยายามผลักดันผ่าน ไมซ์ซิตี้
ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ปูพรมทางความคิด รุกตลาดไมซ์ภูมิภาคครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเพิ่มอีก 2 ภูมิภาค ใน 3 จังหวัด ได้แก่ อีสานตอนบน จ.อุดรธานี อีสานตอนล่าง จ.ขอนแก่น และ ภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ที่ พัทยา กรุงเทพฯ หาดใหญ่ และ เชียงใหม่
คาดมีผู้ร่วมงาน 3 จังหวัดกว่า 300 คน
***อียิปต์-การ์ต้าถอนตัวเวิลด์เอ็กซ์โป***
ด้านความคืบหน้า การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ภายในเดือนมีนาคมนี้ สสปน.จะเสนอเรื่องให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และ จะเสนอตัวเข้าประมูลสิทธิ์ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เบื้องต้น สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE กรุงปารีส เห็นชอบในแนวทางการกำหนดธีมงาน แต่อาจต้องปรับแก้เล็กน้อยให้เหมาะจุดแข็งของประเทศไทยในเวทีโลก โดยเน้นขายความเป็นไทย
ทั้งนี้ประเทศคู่แข่งขันที่จะร่วมประมูลสิทธิ์ ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดแสดงเจตจำนงค์ชัดเจนหรือคืบหน้าเท่าประเทศไทย และยังมีประเทศที่ออกจากการแข่งขันแล้ว 2 ประเทศ คือ อียิปต์ และ การ์ต้า และที่ยังแสดงตัวเข้าร่วมประมูลที่ชัดเจนมีประเทศเดียวคือรัสเซีย จึงมองว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะได้สิทธิ์การจัดงานครั้งนี้มีอยู่สูงมาก