ASTVผู้จัดการรายวัน- เพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายโควตาก.(บริโภคในประเทศ) อีก 3-5 ล้านกระสอบจากที่กำหนดไว้ 25 ล้านกระสอบป่วนเคาะไม่ลงหลังชาวไร่-โรงงานค้านมากไป กน.นัดเคาะสรุป 11 มีนาคมนี้ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมเตีรยมลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริงการยื่นย้ายโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ 24-25 มี.ค.ก่อนไฟเขียว
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการน้ำตาลทราย(กน.)ที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธานจะประชุมวันที่ 11 มีนาคมนี้เพื่อพิจารณาการเพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ(โควตาก.) ที่นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรมมีนโยบายให้เพิ่มอีก 3-5 ล้านกระสอบ จากที่กำหนดไว้ 25 ล้านกระสอบเป็น 28-30 ล้านกระสอบซึ่งท้ายสุดจะเพิ่มอัตราใดนั้นคงจะอยู่ที่กน.จะพิจารณา
สำหรับความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณาย้ายและขยายโรงงานน้ำตาลที่ตนเป็นประธานนั้นวันที่ 24-25 มี.ค.นี้คณะกรรมการฯจะเดินทางไปตรวจสอบหลักเกณฑ์และข้อเท็จจริงในการขอพิจารณาย้ายโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์จาก จ.อุตรดิตถ์ ไปยังจ.สุโขทัย
ก่อนที่จะนำผลสรุปมาพิจารณาพร้อมกับการขอย้ายและขยายโรงงานที่ยังค้างพิจารณาเพื่อนำเสนอรมว.อุตสาหกรรมให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวยอมรับว่า จากการหารือเบื้องต้นถึงแนวทางการเพิ่มโควตาก.ตามนโยบายรมว.อุตสาหกรรมปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องตัวเลขที่ไม่ตรงกันจึงทำให้ไม่ได้ข้อสรุปประกอบกับชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทรายไม่เห็นด้วยที่จะเพิ่มโควตาก.อีก 3-5 ล้านกระสอบโดยระบุว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินความเป็นจริงเพราะตัวเลขที่กำหนดไว้ 25 ล้านกระสอบถือว่าค่อนข้างสูงอยู่แล้วดังนั้นสูงสุดไม่ควรจะเกิน 2 ล้านกระสอบ
“ความเห็นค่อนข้างต่างกันมากโรงงานและชาวไร่เองจริงๆ ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มโควตาก.อีก แต่ไม่อยากมีปัญหาก็คงจะต้องดูเหตุและผลที่เหมาะสมและก็เห็นว่า 1-1.5 ล้านกระสอบก็น่าจะพอแต่ตัวเลขก็ยังตกลงกันไม่ได้ ”แหล่งข่าวกล่าว
นายชลัส ชินธรรมมิตร ประธานคณะทำงานด้านตลาดภายในประเทศ บริษัทไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า การเพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายโควตาก.นั้นรัฐบาลควรจะพิจารณาข้อเท็จจริงว่าเป็นการเพิ่มเพื่อให้คนไทยบริโภคอย่างแท้จริงหรือว่าเพิ่มแล้วให้กับภาคอุตสาหกรรมไปทำการผลิตสินค้าแล้วส่งออกไปยังต่างประเทศกันแน่เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับไม่ได้ช่วยคนไทยแต่อย่างใด
“เวลานี้น้ำตาลไม่ได้ขาดแต่แพง แล้วทำไมไม่จับล่ะ เราต้องยอมรับว่าอาหารทั่วโลกแพงหมดแล้วแต่ของเราน้ำตาลถูกมากเมื่อผลิตส่งออกก็ได้กำไรกันถ้วนหน้าถามว่าคนที่ต้องการเพิ่มใครกันแน่คนไทยหรือเปล่า ซึ่งจากการตรวจน้ำตาลขึ้นงวดสัปดาห์ละ 4.8 แสนกระสอบนั้นการใช้ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงพีคก่อนเข้าฤดูฝนปลายเม.ย.ก็ยังใช้เกินไปเล็กน้อยเท่านั้นเองและปีนี้ก็ยังเหลือค้างกระดานอีก 1.1 ล้านกระสอบมันพออยู่เห็นๆ “นายชลัสกล่าว
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการน้ำตาลทราย(กน.)ที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธานจะประชุมวันที่ 11 มีนาคมนี้เพื่อพิจารณาการเพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ(โควตาก.) ที่นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรมมีนโยบายให้เพิ่มอีก 3-5 ล้านกระสอบ จากที่กำหนดไว้ 25 ล้านกระสอบเป็น 28-30 ล้านกระสอบซึ่งท้ายสุดจะเพิ่มอัตราใดนั้นคงจะอยู่ที่กน.จะพิจารณา
สำหรับความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อพิจารณาย้ายและขยายโรงงานน้ำตาลที่ตนเป็นประธานนั้นวันที่ 24-25 มี.ค.นี้คณะกรรมการฯจะเดินทางไปตรวจสอบหลักเกณฑ์และข้อเท็จจริงในการขอพิจารณาย้ายโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์จาก จ.อุตรดิตถ์ ไปยังจ.สุโขทัย
ก่อนที่จะนำผลสรุปมาพิจารณาพร้อมกับการขอย้ายและขยายโรงงานที่ยังค้างพิจารณาเพื่อนำเสนอรมว.อุตสาหกรรมให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติต่อไป
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวยอมรับว่า จากการหารือเบื้องต้นถึงแนวทางการเพิ่มโควตาก.ตามนโยบายรมว.อุตสาหกรรมปรากฏว่ามีปัญหาเรื่องตัวเลขที่ไม่ตรงกันจึงทำให้ไม่ได้ข้อสรุปประกอบกับชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทรายไม่เห็นด้วยที่จะเพิ่มโควตาก.อีก 3-5 ล้านกระสอบโดยระบุว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินความเป็นจริงเพราะตัวเลขที่กำหนดไว้ 25 ล้านกระสอบถือว่าค่อนข้างสูงอยู่แล้วดังนั้นสูงสุดไม่ควรจะเกิน 2 ล้านกระสอบ
“ความเห็นค่อนข้างต่างกันมากโรงงานและชาวไร่เองจริงๆ ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มโควตาก.อีก แต่ไม่อยากมีปัญหาก็คงจะต้องดูเหตุและผลที่เหมาะสมและก็เห็นว่า 1-1.5 ล้านกระสอบก็น่าจะพอแต่ตัวเลขก็ยังตกลงกันไม่ได้ ”แหล่งข่าวกล่าว
นายชลัส ชินธรรมมิตร ประธานคณะทำงานด้านตลาดภายในประเทศ บริษัทไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด กล่าวว่า การเพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายโควตาก.นั้นรัฐบาลควรจะพิจารณาข้อเท็จจริงว่าเป็นการเพิ่มเพื่อให้คนไทยบริโภคอย่างแท้จริงหรือว่าเพิ่มแล้วให้กับภาคอุตสาหกรรมไปทำการผลิตสินค้าแล้วส่งออกไปยังต่างประเทศกันแน่เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับไม่ได้ช่วยคนไทยแต่อย่างใด
“เวลานี้น้ำตาลไม่ได้ขาดแต่แพง แล้วทำไมไม่จับล่ะ เราต้องยอมรับว่าอาหารทั่วโลกแพงหมดแล้วแต่ของเราน้ำตาลถูกมากเมื่อผลิตส่งออกก็ได้กำไรกันถ้วนหน้าถามว่าคนที่ต้องการเพิ่มใครกันแน่คนไทยหรือเปล่า ซึ่งจากการตรวจน้ำตาลขึ้นงวดสัปดาห์ละ 4.8 แสนกระสอบนั้นการใช้ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงพีคก่อนเข้าฤดูฝนปลายเม.ย.ก็ยังใช้เกินไปเล็กน้อยเท่านั้นเองและปีนี้ก็ยังเหลือค้างกระดานอีก 1.1 ล้านกระสอบมันพออยู่เห็นๆ “นายชลัสกล่าว
