วานนี้ ( 8 มี.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบการจัดงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ว่า เข้าข่ายผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 57,68 ,69 และมาตรา 71 หรือไม่ โดยเห็นว่าการจัดงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ เสมือนเป็นการจูงใจ หรือสัญญาว่าจะให้ โดยพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้บริจาคที่มียอดเงินจำนวนมาก ว่าประกอบอาชีพใด และมีความเป็นไปได้ขนาดไหน ที่จะบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองที่สูงในระดับ 1 ล้านบาทขึ้นไป อีกทั้งจะตรวจสอบประวัติการเสียภาษี ของผู้บริจาคว่า มีความสมดุลกับเงินที่บริจาคให้พรรคการเมืองหรือไม่
ได้รับเรื่องร้องเรียนผู้ที่ถูกขอให้ช่วยบริจาคเงินว่า มีผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการบางแห่งไปบังคับให้ประชาชน บริษัท ห้างร้านต่างๆ ช่วยซื้อโต๊ะพรรคการเมือง หน่วยงานละ 10-20 โต๊ะ รวมทั้งคำสัมภาษณ์ของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า จะช่วยหาสมาชิกในการระดมทุนแบบวีไอพี โดยใช้กำไรของบริษัท เจพีมอร์แกน คิดเป็นเปอร์เซนต์นำมาบริจาคนั้นเข้าข่ายกระทำผิดหรือไม่ เพราะบริษัทเจพีมอร์แกนเป็นบริษัทต่างชาติ
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า การจัดงานระดมทุนของพรรคการเมือง เหมือนกับการขอรับบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 54 ได้กำหนดให้พรรคการเมือง ที่หาเงินในการระดมทุนจากการบริจาคไม่ว่าจะเป็นจัดเลี้ยงต่างๆจะถือเป็นเงินบริจาค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์วางเป้าไว้ 600 ล้านบาท และได้แจ้งให้กกต.ทราบเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ งานระดมทุนดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแจ้งถึงการรับบริจาคดังกล่าวในกรณีที่มีผู้สนับสนุนการระดมทุนดังกล่าวมากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป โดยจะต้องรายงานให้กกต. ทราบภายใน 30 วัน
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า การระดมทุนดังกล่าวมีการบีบบังคับข้าราชการ และบริษัทเอกชนซื้อโต๊ะนั้นหากมีการร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็ต้องดำเนินการ และถ้าพบว่าเป็นการขู่บังคับ บีบให้ซื้อบัตรก็ต้องมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
วันเดียวกันการจัดงานระดมทุนอย่างยิ่งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 18.00 น.ภายใต้หัวข้อ “65 ปีประชาธิปัตย์สร้างอนาคตไทยด้วยใจด้วยกัน” ณ ห้อง plenary hall ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ มีการจัดโต๊ะอาหารไว้กว่า 300 โต๊ะๆละ 2 ล้านบาท มีเมนูอาหารหลักอย่างดีเสิร์ฟครบครัน
ส่วนการแสดงนอกจากมีวงออเครสตร้าศิลปินนักร้องอาทิ วงคาราบาว ชินวุฒิ แก้ม-สิงห์โต เดอะสตาร์ ก็มาร่วมร้องเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่จำนวน 8 เพลงที่จะนำไปใช้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในอนาคตด้วย
ขณะที่บรรยายกาศทั่วไป มีนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.ลำปาง จากพรรคเพื่อไทย ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วมงาน ทั้งนี้ยังบุคคลจากภาคธุรกิจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และ นักการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก
ส่วนยอดบริจาคเงินได้รับการเปิดเผยจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ ระบุว่ามีการจัดโต๊ะไว้ 212 โต๊ะ ซึ่งราคาโต๊ะขั้นต่ำอยู่ที่ 2 ล้านแต่ไม่จำกัดจำนวนว่าต้องบริจาคเท่าไหร่ ขณะนี้ยอดบริจาคได้เกิน 600 ล้านบาท ขณะที่นายสุเทพได้กำชับไม่ให้ ส.ส.เปิดเผยเพราะเกรงว่าจะไม่ตรงกัน วมทั้งกลัวว่าจะถูกกกต. ตรวจสอบตามที่พรรคเพื่อไทยได้เข้าร้องเรียนไว้
อย่างไรก็ตามนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ในบีบีว่า “เหลืออีก 10 ล้านก็จะครบ 750 ล้านบาท
ด้านนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ กล่าวตอนหนึ่งที่มีการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ว่า ขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนและศรัทธาในพรรคผ่านการสละภาษี สนับสนุนเงินและ กำลังใจ โดยเฉพาะปี 2550 ที่พรรคระดมทุน จนได้ส.ส.มาจำนวนมากกว่าประวัติศาสตร์และขณะนี้ได้เป็นแกนนำบริหารบ้านเมืองในภาวะวิกฤติและยาก จาก 2ปีกว่าที่ผ่านมาความเชื่อหนึ่งเดียวระหว่างประชาธิปัตย์กับประชาชน ที่ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆที่มีปรากฎการณ์ที่ท้าทาย จากทั้งเศรษฐกิจ การสร้างปํญหาจากกลุ่มการเมือง พรรคได้ฝ่าฝันจนเกิดความเข้มแข็ง ธงนำในปี 2550 “ประชาชนต้องมาก่อน” ที่ทำให้เราสามารถฟื้นฟูประเทศ ไม่เหมือนกับหลายรัฐบาลที่ทำ เราทำเพื่อประชาชนที่ยากลำบากก่อน นอกจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวสรุปนโยบายในอดีตและในอนาคตที่จะทำเป็นต้น
ได้รับเรื่องร้องเรียนผู้ที่ถูกขอให้ช่วยบริจาคเงินว่า มีผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการบางแห่งไปบังคับให้ประชาชน บริษัท ห้างร้านต่างๆ ช่วยซื้อโต๊ะพรรคการเมือง หน่วยงานละ 10-20 โต๊ะ รวมทั้งคำสัมภาษณ์ของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า จะช่วยหาสมาชิกในการระดมทุนแบบวีไอพี โดยใช้กำไรของบริษัท เจพีมอร์แกน คิดเป็นเปอร์เซนต์นำมาบริจาคนั้นเข้าข่ายกระทำผิดหรือไม่ เพราะบริษัทเจพีมอร์แกนเป็นบริษัทต่างชาติ
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า การจัดงานระดมทุนของพรรคการเมือง เหมือนกับการขอรับบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 54 ได้กำหนดให้พรรคการเมือง ที่หาเงินในการระดมทุนจากการบริจาคไม่ว่าจะเป็นจัดเลี้ยงต่างๆจะถือเป็นเงินบริจาค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์วางเป้าไว้ 600 ล้านบาท และได้แจ้งให้กกต.ทราบเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว
ทั้งนี้ งานระดมทุนดังกล่าวพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแจ้งถึงการรับบริจาคดังกล่าวในกรณีที่มีผู้สนับสนุนการระดมทุนดังกล่าวมากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป โดยจะต้องรายงานให้กกต. ทราบภายใน 30 วัน
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า การระดมทุนดังกล่าวมีการบีบบังคับข้าราชการ และบริษัทเอกชนซื้อโต๊ะนั้นหากมีการร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็ต้องดำเนินการ และถ้าพบว่าเป็นการขู่บังคับ บีบให้ซื้อบัตรก็ต้องมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
วันเดียวกันการจัดงานระดมทุนอย่างยิ่งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 18.00 น.ภายใต้หัวข้อ “65 ปีประชาธิปัตย์สร้างอนาคตไทยด้วยใจด้วยกัน” ณ ห้อง plenary hall ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ มีการจัดโต๊ะอาหารไว้กว่า 300 โต๊ะๆละ 2 ล้านบาท มีเมนูอาหารหลักอย่างดีเสิร์ฟครบครัน
ส่วนการแสดงนอกจากมีวงออเครสตร้าศิลปินนักร้องอาทิ วงคาราบาว ชินวุฒิ แก้ม-สิงห์โต เดอะสตาร์ ก็มาร่วมร้องเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่จำนวน 8 เพลงที่จะนำไปใช้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในอนาคตด้วย
ขณะที่บรรยายกาศทั่วไป มีนายนิคม เชาว์กิตติโสภณ ส.ส.ลำปาง จากพรรคเพื่อไทย ที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วมงาน ทั้งนี้ยังบุคคลจากภาคธุรกิจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และ นักการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก
ส่วนยอดบริจาคเงินได้รับการเปิดเผยจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ ระบุว่ามีการจัดโต๊ะไว้ 212 โต๊ะ ซึ่งราคาโต๊ะขั้นต่ำอยู่ที่ 2 ล้านแต่ไม่จำกัดจำนวนว่าต้องบริจาคเท่าไหร่ ขณะนี้ยอดบริจาคได้เกิน 600 ล้านบาท ขณะที่นายสุเทพได้กำชับไม่ให้ ส.ส.เปิดเผยเพราะเกรงว่าจะไม่ตรงกัน วมทั้งกลัวว่าจะถูกกกต. ตรวจสอบตามที่พรรคเพื่อไทยได้เข้าร้องเรียนไว้
อย่างไรก็ตามนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ในบีบีว่า “เหลืออีก 10 ล้านก็จะครบ 750 ล้านบาท
ด้านนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ กล่าวตอนหนึ่งที่มีการถ่ายทอดสดทางช่อง 9 ว่า ขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนและศรัทธาในพรรคผ่านการสละภาษี สนับสนุนเงินและ กำลังใจ โดยเฉพาะปี 2550 ที่พรรคระดมทุน จนได้ส.ส.มาจำนวนมากกว่าประวัติศาสตร์และขณะนี้ได้เป็นแกนนำบริหารบ้านเมืองในภาวะวิกฤติและยาก จาก 2ปีกว่าที่ผ่านมาความเชื่อหนึ่งเดียวระหว่างประชาธิปัตย์กับประชาชน ที่ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆที่มีปรากฎการณ์ที่ท้าทาย จากทั้งเศรษฐกิจ การสร้างปํญหาจากกลุ่มการเมือง พรรคได้ฝ่าฝันจนเกิดความเข้มแข็ง ธงนำในปี 2550 “ประชาชนต้องมาก่อน” ที่ทำให้เราสามารถฟื้นฟูประเทศ ไม่เหมือนกับหลายรัฐบาลที่ทำ เราทำเพื่อประชาชนที่ยากลำบากก่อน นอกจากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวสรุปนโยบายในอดีตและในอนาคตที่จะทำเป็นต้น