ชาวประมงพื้นบ้านอ่าวปัตตานีร้องผู้ว่าฯถูกนายทุน-จนท.รัฐขู่แจ้งข้อหาลักหอยแครง

ปัตตานี - ชาวประมงพื้นบ้านรอบอ่าวปัตตานี ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าฯปัตตานี หลังจากถูกกลุ่มนายทุนเลี้ยงหอยแครงสมคบกับเจ้าหน้าที่รัฐนอกรีตบางคน แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ แถมยังมีพฤติกรรมข่มขู่ จนเป็นเหตุให้ชาวประมงต้องได้รับความเดือดร้อน

วานนี้ (8 มี.ค.) นายอำนาจ มะมิง ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี นายมักตาร์ สาแม ประธานชมรมประมงพื้นบ้านรอบอ่าวปัตตานี นายสุนันท์ หลีเจริญ ประมงอำเภอเมืองปัตตานี ได้นำตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้านในอ่าวปัตตานีเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังจากที่ถูกกลุ่มนายทุนเลี้ยงหอยแครงร่วมกับเจ้าหน้าที่บางคนพยายามดำเนินคดีกับกลุ่มประมงพื้นบ้าน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ 6 ราย และยังมีพฤติกรรมข่มขู่ จนเป็นเหตุชาวประมงต้องได้รับความเดือดร้อน

โดยมีนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้กรุณามารับหนังสือขอความเป็นธรรมด้วยตัวเอง และยืนยันกับตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้านว่าทางจังหวัดพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน เพราะเขาเหล่านี้มีฐานะยากจน จึงเป็นหน้าที่ของจังหวัดอยู่แล้วที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ สร้างความพอใจและดีใจให้ตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี

หลังจากคณะตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้านได้เดินทางต่อไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดีต่อชาวประมงพื้นบ้าน โดยมีนายชวลิต ฮุยตระกูล รองอัยการจังหวัดปัตตานี นายบรรเจิด รัตนมโนธรรม(สคร) และนายรัตนชัย อนุตรพงษ์สกุล รองอัยการจังหวัดปัตตานี(สคช) ร่วมให้การต้อนรับและรับหนังสือแทนอัยการจังหวัดที่ติดภารกิจราชการที่ต่างจังหวัด

จากนั้นจึงได้เปิดห้องประชุมเพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องของคดี ซึ่งมีตัวแทนประมงพื้นบ้านรวมทั้งประมงอำเภอได้ร่วมกันชี้แจงที่มาของสาเหตุการที่ชาวประมงพื้นบ้านต้องถูกดำเนินคดี ว่ายังมีบางขั้นตอนที่ไม่ถูกมาพิจารณาในการสอบสวนและทำสำนวนคดีเป็นลักษณะการรวบรัดในการปิดสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อการส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีเอาความผิดกับประมงพื้นบ้าน

โดยประมงพื้นบ้านได้ตั้งข้อสังเกตว่านายทุนใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายใช้กราดหอยแครง ทำให้ทรัพยากรทางน้ำได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มีการปักไม้ทำเป็นอาณาเขตยึดครองพื้นที่อ่าวฯโดยไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายของบ้านเมือง แต่กลับสามารถดำเนินคดีกล่าวโทษและเอาผิดกับชาวประมงพื้นบ้านที่ประกอบอาชีพลอยอวนในอ่าวด้วยความสุจริตได้ด้วยหรือ

หลังจากที่ได้มีการชี้แจงในเรื่องข้อเท็จจริงแล้วทางอัยการยินดีที่จะรับข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อเป็นข้อมูลในสำนวนก่อนที่จะพิจารณาว่าจะมีการส่งฟ้องหรือไม่ จึงสร้างความพอใจ และสบายใจให้แก่ตัวแทนประมงพื้นบ้านได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากนั้นตัวแทนประมงพื้นบ้านได้ออกจากสำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เดินทางต่อไปที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อนำสมาชิกประมงพื้นบ้าน จำนวน 3 คนที่ถูก ร.ต.อ.สิทธิโชค บัวทอง พนักงานสอบสวน (สบ.1) ร้องกล่าวโทษในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ในการขออนุมัติหมายจับศาลปัตตานี มามอบตัวและต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยมี พ.ต.ท.ปพนวัฒน์ ขันติยะวรานันท์ รองผกก.สส.สภ.เมืองปัตตานี รับการมอบตัวในครั้งนี้และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมในชั้นการสอบสวน

ผู้ที่ถูกดำเนินคดี ได้แก่ นายอาลี มามะ อยู่บ้านเลขที่ 43/5 ม.2 ต.บานา หมายจับเลขที่ จ. 446/2553 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หอยแครง คดีอาญาที่ 656/2553 และหมายจับเลขที่ จ. 444/2553 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หอยแมลงภู่ คดีอาญาที่ 657/2553 นายแวอุเซ็ง สานิ อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.2 ต.บานา หมายจับเลขที่ จ.445/2553 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หอยแครง คดีอาญาที่ 696/2553 และนายอามะ ปะจูมะ อยู่บ้านเลขที่ 43/9 ม.2 ต.บานา หมายจับเลขที่ จ. 447/2553 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ คดีอาญาที่ 696/2553 โดยบุคคลทั้งสามให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้ใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านค้ำประกันก่อนที่จะถูกปล่อยกลับบ้าน

นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า วันนี้ได้มีกลุ่มประมงพื้นบ้านที่มาจากตำบลตันหยงลุโละ ตำบลบานา ตำบลบาราโหม มาร้องขอความเป็นธรรม หลังจากถูกกลุ่มนายทุนที่ได้เลี้ยงหอยแครง ปักหลักเขตเลี้ยงหอยแครงในอ่าวปัตตานี โดยกล่าวหาว่าชาวบ้านไปทำลายทรัพย์สินของเขา ชาวบ้านจึงได้ขอความเป็นธรรมว่าชาวบ้านไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แต่ด้วยเขาประสบกับความยากลำบากในการประกอบอาชีพประมงในอ่าวปัตตานี จะเป็นการจับปลาก็ดี จับปูหากุ้งก็ดี เขาได้รับความลำบากมาก เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เขายากจน

"เราต้องช่วยเขา คือ ต้องดูข้อกฎหมายก่อนว่าเราสามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไร" ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าว