สุรินทร์- เปิดชีวิตรันทด “เฮียง ซิบ” เด็กกำพร้าชาวกัมพูชาเผชิญโรคร้ายตามยถากรรม ไร้การรักษาและเหลียวแลจากรัฐบาลแผ่นดินเกิด ต้องอาศัยหลับนอนใต้ต้นไม้ตามแนวป่าชายแดน“ช่องจอม” ปักหลักขอทาน ขอเศษอาหารจากเจ้าหน้าที่ไทยประทั่งชีวิตมากว่า 10 ปี และเฝ้านับวันรอวาระสุดท้ายแห่งชีวิต บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้
วานนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายเฮียง ซิบ อายุ 15 ปี เด็กกำพร้าชาวกัมพูชาใช้ชีวิตตามยถากรรมในพื้นที่แนวรั้วชายแดนไทยแห่งนี้ และป่วยเป็นโรคร้ายซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นโรคอะไร เพราะไม่เคยได้รับการรักษา ขณะนี้เกิดตุ่มขึ้นตามร่างกาย ใบหน้า และแตกเป็นแผลเน่า สร้างความเจ็บปวดทรมานให้เจ้าตัวเป็นอย่างมาก
จากการพูดคุยกับ “เฮียง ซิบ” เด็กกำพร้าชาวกัมพูชา อายุ 15 ปี ทราบว่า เป็นชาวกัมพูชา ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ บ้านต้นไทร ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา ราว 23 กิโลเมตร (กม.) นายเฮียง บอกว่า พ่อแม่ เสียชีวิตตั้งแต่ตัวเขาเองอายุ ได้ 5 ขวบ ซึ่งไม่ทราบว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร ต่อมาพี่ชายที่พึ่งสุดท้ายก็มาถูกยิงเสียชีวิต ไม่ทราบว่าจะไปอยู่กับใคร จึงได้มาอาศัยอยู่ตามแนวรั้วชายแดนด่านช่องจอม-โอร์เสม็ด ฝั่งประเทศไทย ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยอาศัยการขอทาน ขออาหารจากเจ้าหน้าที่ไทยกินประทังชีวิตและหลับนอนกับเพื่อนเด็กๆ ชาวกัมพูชาอีก 3 คน ตามใต้ร่มไม้ในแนวป่าเขตชายแดนไทย วันไหนฝนตกก็ไปขอนอนในศาลาที่พักของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) กาบเชิง ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยไม่สามารถไปอยู่อาศัยในฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานกาสิโนหรูหราใหญ่โต 2 ถึงแห่ง มีเงินหมุนเวียนมหาศาลวันละกว่า 10 ล้านบาทได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่กัมพูชาจะขับไล่ให้มาอยู่ฝั่งไทยทุกครั้งที่ลอดหรือข้ามรั้วเข้าไป เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนเด็กชาวกัมพูชาที่ไม่มีพ่อแม่และไร้ที่อยู่อาศัย ก็จะมาอาศัยหากินหลับนอนอยู่ในฝั่งแนวรั้วเขตแดนประเทศไทยกันทุกคน
“เฮียง ซิบ” เล่าว่า ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคอะไร แต่ป้าเคยพาไปหาหมอที่ อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา แล้วหมอให้ยาแก้ปวดมากิน และกลับมาอยู่ตามแนวชายแดนเช่นเดิม จากนั้นไม่เคยได้รับการรักษาอีกเลย ขณะนี้ตุ่มตามร่างกายผุพองแตกเป็นแผล โดยเฉพาะช่วงขาเป็นแผลขนาดใหญ่เดินลำบาก น้ำหนักตัวก็ลดลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังพอเดินเล่น หยอกล้อกับกลุ่มเพื่อนเด็กชาวกัมพูชาที่มาอยู่อาศัยด้วยกันได้
ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาที่บริเวณด่านผ่านแดนช่องจอม-โอร์เสม็ด ทราบว่า “เฮียง ซิบ” เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณแนวรั้วชายแดนด่านช่องจอม ฝั่งไทย ตั้งแต่อายุประมาณ 5 ขวบ หลังจากพ่อ แม่เสียชีวิตซึ่งคาดว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อ HIV ในช่วงเด็กๆ นั้น “เฮียง ซิบ” รูปร่างอ้วนน่ารัก แต่จากการติดเชื้อโรคร้ายไม่แน่ใจว่าเป็นการติดเชื้อ HIV มาจากพ่อแม่หรือไม่ ทำให้น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ “เฮียง ซิบ” ปักหลักขอทานอยู่บริเวณประตูด่านผ่านแดนช่องจอม และมักมาช่วยเจ้าหน้าที่ไทยทำงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแลกกับอาหาร และอาศัยหลับนอนตามร่มไม้ในแนวป่าเขตรั้วชายแดนไทย จนกระทั่งเติบโตมีอายุครบ 15 ปี ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เด็กชาวกัมพูชาไร้ที่อยู่อาศัยเหล่านี้ หากข้ามรั้วไปวิ่งเล่นหรือไปหลับนอนฝั่งประเทศกัมพูชา จะถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาขับไล่ไสส่งกลับออกมายังฝั่งไทยทันที และเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน
“เฮียง ซิบ” เองจำต้องก้มหน้าเผชิญกับโรคร้ายต่อไปตามยถากรรม กับสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมไร้ซึ่งการรักษาและเหลียวแลเยียวยาจากรัฐบาลแผ่นดินเกิด
พอมีเรี่ยวแรงบ้าง “เฮียง ซิบ” มักจะเดิน หรือวิ่งเล่นสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนๆ เด็กกำพร้าชาวกัมพูชาด้วยกัน เฝ้านับวันรอวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ... บนผืนแผ่นดินไทยอันร่มเย็นและปลอดภัยแห่งนี้
วานนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายเฮียง ซิบ อายุ 15 ปี เด็กกำพร้าชาวกัมพูชาใช้ชีวิตตามยถากรรมในพื้นที่แนวรั้วชายแดนไทยแห่งนี้ และป่วยเป็นโรคร้ายซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นโรคอะไร เพราะไม่เคยได้รับการรักษา ขณะนี้เกิดตุ่มขึ้นตามร่างกาย ใบหน้า และแตกเป็นแผลเน่า สร้างความเจ็บปวดทรมานให้เจ้าตัวเป็นอย่างมาก
จากการพูดคุยกับ “เฮียง ซิบ” เด็กกำพร้าชาวกัมพูชา อายุ 15 ปี ทราบว่า เป็นชาวกัมพูชา ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ บ้านต้นไทร ต.โอร์เสม็ด อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา ราว 23 กิโลเมตร (กม.) นายเฮียง บอกว่า พ่อแม่ เสียชีวิตตั้งแต่ตัวเขาเองอายุ ได้ 5 ขวบ ซึ่งไม่ทราบว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร ต่อมาพี่ชายที่พึ่งสุดท้ายก็มาถูกยิงเสียชีวิต ไม่ทราบว่าจะไปอยู่กับใคร จึงได้มาอาศัยอยู่ตามแนวรั้วชายแดนด่านช่องจอม-โอร์เสม็ด ฝั่งประเทศไทย ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยอาศัยการขอทาน ขออาหารจากเจ้าหน้าที่ไทยกินประทังชีวิตและหลับนอนกับเพื่อนเด็กๆ ชาวกัมพูชาอีก 3 คน ตามใต้ร่มไม้ในแนวป่าเขตชายแดนไทย วันไหนฝนตกก็ไปขอนอนในศาลาที่พักของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) กาบเชิง ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยไม่สามารถไปอยู่อาศัยในฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานกาสิโนหรูหราใหญ่โต 2 ถึงแห่ง มีเงินหมุนเวียนมหาศาลวันละกว่า 10 ล้านบาทได้เลย เพราะเจ้าหน้าที่กัมพูชาจะขับไล่ให้มาอยู่ฝั่งไทยทุกครั้งที่ลอดหรือข้ามรั้วเข้าไป เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนเด็กชาวกัมพูชาที่ไม่มีพ่อแม่และไร้ที่อยู่อาศัย ก็จะมาอาศัยหากินหลับนอนอยู่ในฝั่งแนวรั้วเขตแดนประเทศไทยกันทุกคน
“เฮียง ซิบ” เล่าว่า ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคอะไร แต่ป้าเคยพาไปหาหมอที่ อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา แล้วหมอให้ยาแก้ปวดมากิน และกลับมาอยู่ตามแนวชายแดนเช่นเดิม จากนั้นไม่เคยได้รับการรักษาอีกเลย ขณะนี้ตุ่มตามร่างกายผุพองแตกเป็นแผล โดยเฉพาะช่วงขาเป็นแผลขนาดใหญ่เดินลำบาก น้ำหนักตัวก็ลดลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังพอเดินเล่น หยอกล้อกับกลุ่มเพื่อนเด็กชาวกัมพูชาที่มาอยู่อาศัยด้วยกันได้
ทั้งนี้ จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาที่บริเวณด่านผ่านแดนช่องจอม-โอร์เสม็ด ทราบว่า “เฮียง ซิบ” เข้ามาอาศัยอยู่บริเวณแนวรั้วชายแดนด่านช่องจอม ฝั่งไทย ตั้งแต่อายุประมาณ 5 ขวบ หลังจากพ่อ แม่เสียชีวิตซึ่งคาดว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อ HIV ในช่วงเด็กๆ นั้น “เฮียง ซิบ” รูปร่างอ้วนน่ารัก แต่จากการติดเชื้อโรคร้ายไม่แน่ใจว่าเป็นการติดเชื้อ HIV มาจากพ่อแม่หรือไม่ ทำให้น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ “เฮียง ซิบ” ปักหลักขอทานอยู่บริเวณประตูด่านผ่านแดนช่องจอม และมักมาช่วยเจ้าหน้าที่ไทยทำงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแลกกับอาหาร และอาศัยหลับนอนตามร่มไม้ในแนวป่าเขตรั้วชายแดนไทย จนกระทั่งเติบโตมีอายุครบ 15 ปี ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เด็กชาวกัมพูชาไร้ที่อยู่อาศัยเหล่านี้ หากข้ามรั้วไปวิ่งเล่นหรือไปหลับนอนฝั่งประเทศกัมพูชา จะถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาขับไล่ไสส่งกลับออกมายังฝั่งไทยทันที และเป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน
“เฮียง ซิบ” เองจำต้องก้มหน้าเผชิญกับโรคร้ายต่อไปตามยถากรรม กับสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมไร้ซึ่งการรักษาและเหลียวแลเยียวยาจากรัฐบาลแผ่นดินเกิด
พอมีเรี่ยวแรงบ้าง “เฮียง ซิบ” มักจะเดิน หรือวิ่งเล่นสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนๆ เด็กกำพร้าชาวกัมพูชาด้วยกัน เฝ้านับวันรอวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ... บนผืนแผ่นดินไทยอันร่มเย็นและปลอดภัยแห่งนี้