ASTVผู้จัดการรายวัน – นักท่องเที่ยว ยังหวั่นการเมืองประเทศไทย สทน. เผยล่าสุด มียกเลิกการจองแล้ว 20% แนะ รัฐกล้าลงทุน ระบบโลจิสติกส์ เพิ่มทางเลือกนักเดินทางใช้บริการสะดวก ด้านตลาดในประเทศ ขอใช้งาน เที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกปลายเดือนนี้ เป็นตัวชี้วัด กำลังซื้อครึ่งปีแรก
น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณโกเศส นายกสมาคมธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศไทย (สทน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้ ยอมรับว่าการชุมนุมทางการเมือง เริ่มมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการทัวร์และมัคคุเทศก์แล้ว โดยมีการยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยราว 20% ส่งผลให้มัคคุเทศก์ถูกเลิกจ้าง บริษัททัวร์ขนาดเล็กก็ต้องปิดกิจการ
“ทัวร์ที่ยกเลิกส่วนใหญ่ คือกลุ่มที่มีโปรแกรมเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เช่น ตลาดที่อ่อนไหว อย่าง ญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ก็ยอมรับว่าเป็นผลกระทบที่ยังน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักประเทศไทยดีขึ้น จึงไม่กังวล และวางแผนการเดินทาง อย่างเช่น ตลาดจีน ก็ยังไม่กระทบ ส่วนตลาดญี่ปุ่นผลจากการเมือง
อาจทำให้ยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดหวัง ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนก็ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมกันมากมายหลายกลุ่มแบบนี้”
อย่างไรก็ตามสมาคมต้องการให้ภาครัฐ กล้าที่จะตัดสินใจลงทุนในเรื่องโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะเห็นว่า การมีระบบคมนาคมขนส่งที่ดี เป็นทางเลือกในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยในด้านการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ ปัจจัยลบสำคัญ ยังเป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง การชุมนุมทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสินค้าขึ้นราคา เช่น น้ำมันพืชที่ปรับราคาสูงและยังขาดตลาด รวมถึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลด้านจิตวิทยา แต่ทั้งนี้ สมาคมยังขอใช้งาน “เทศกาลเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ. 54 เป็นดัชนีชี้วัดพฤติกรรมและกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวคนไทยในปีนี้ ว่าผลจากปัจจัยลบที่กล่าวมา จะมีผลต่อกำลังซื้อสินค้าและบริการท่องเที่ยว มากน้อยเพียงใด
“ งานเทศกาลเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก จะเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อของคนไทยครึ่งปีแรก ว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่ และชี้วัดว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมีผลต่อพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยหรือไม่ ซึ่งยังมีกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อ แต่มีการปรับพฤติกรรมการซื้อบ้าง โดยใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยทางสมาคม
ไม่คาดหวังว่าผู้เข้าชมงานจะต้องตั้งเป้ามาซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ มาชมงานที่เราจัดขึ้น ให้รู้และเข้าใจการซื้อบริการผ่านบริษัทนำเที่ยวที่น่าเชื่อถือได้ก็พอใจแล้ว”
อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าว ตั้งเป้ามีผู้ชมงาน 8 แสนคน เกิดการซื้อขายตลอด 4 วันที่จัดงานราว 1,200 ล้านบาท โดย สมาคมจะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกรูปแบบ 10 ล้านบาท
น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณโกเศส นายกสมาคมธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศไทย (สทน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้ ยอมรับว่าการชุมนุมทางการเมือง เริ่มมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการทัวร์และมัคคุเทศก์แล้ว โดยมีการยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยราว 20% ส่งผลให้มัคคุเทศก์ถูกเลิกจ้าง บริษัททัวร์ขนาดเล็กก็ต้องปิดกิจการ
“ทัวร์ที่ยกเลิกส่วนใหญ่ คือกลุ่มที่มีโปรแกรมเดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เช่น ตลาดที่อ่อนไหว อย่าง ญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ก็ยอมรับว่าเป็นผลกระทบที่ยังน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักประเทศไทยดีขึ้น จึงไม่กังวล และวางแผนการเดินทาง อย่างเช่น ตลาดจีน ก็ยังไม่กระทบ ส่วนตลาดญี่ปุ่นผลจากการเมือง
อาจทำให้ยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดหวัง ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนก็ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมกันมากมายหลายกลุ่มแบบนี้”
อย่างไรก็ตามสมาคมต้องการให้ภาครัฐ กล้าที่จะตัดสินใจลงทุนในเรื่องโลจิสติกส์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะเห็นว่า การมีระบบคมนาคมขนส่งที่ดี เป็นทางเลือกในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยในด้านการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ ปัจจัยลบสำคัญ ยังเป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง การชุมนุมทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสินค้าขึ้นราคา เช่น น้ำมันพืชที่ปรับราคาสูงและยังขาดตลาด รวมถึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลด้านจิตวิทยา แต่ทั้งนี้ สมาคมยังขอใช้งาน “เทศกาลเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ. 54 เป็นดัชนีชี้วัดพฤติกรรมและกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวคนไทยในปีนี้ ว่าผลจากปัจจัยลบที่กล่าวมา จะมีผลต่อกำลังซื้อสินค้าและบริการท่องเที่ยว มากน้อยเพียงใด
“ งานเทศกาลเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก จะเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อของคนไทยครึ่งปีแรก ว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่ และชี้วัดว่า ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมีผลต่อพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยหรือไม่ ซึ่งยังมีกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อ แต่มีการปรับพฤติกรรมการซื้อบ้าง โดยใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยทางสมาคม
ไม่คาดหวังว่าผู้เข้าชมงานจะต้องตั้งเป้ามาซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ มาชมงานที่เราจัดขึ้น ให้รู้และเข้าใจการซื้อบริการผ่านบริษัทนำเที่ยวที่น่าเชื่อถือได้ก็พอใจแล้ว”
อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าว ตั้งเป้ามีผู้ชมงาน 8 แสนคน เกิดการซื้อขายตลอด 4 วันที่จัดงานราว 1,200 ล้านบาท โดย สมาคมจะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกรูปแบบ 10 ล้านบาท