เมื่อเวลา 08.30น. วานนี้(21 ก.พ.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างขึ้นโพเดี้ยม เพื่อเป็นประธานมอบนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งจัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีนายอิสสระ สมชัย รมว.พม. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประมาณ 1,000 คนร่วมงาน ปรากฎว่า ได้มีสาวใหญ่รายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังว่านางสาวเกศรินทร์ วุฒิวงศ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2333/125 แฟลตเทพประทาน พระราม 4 คลองเตย กทม.อาชีพแม่ค้าขายหมูปิ้ง ได้บุกเดี่ยวขึ้นไปประชิดตัวนายอภิสิทธิ์ พร้อมแผ่นป้ายรายละเอียดข้อความร้องเรียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษชนิดประชิดโพเดี้ยม โดยได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและขอให้นายอภิสิทธิ์ อ่านข้อความบนแผ่นป้ายร้องเรียนดังกล่าว
ในช่วงนาทีดังกล่าวนายอภิสิทธิ์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างตกตลึงและคาดไม่ถึง โดยครั้งแรกหลายคนเข้าใจว่า เป็นการแสดงประกอบการจัดงาน (เซอร์ไพร์ซ)แต่เมื่อนางสาวเกศรินทร์ตะโกนส่งเสียงดัง นายอภิสิทธิ์ถึงกับพูดผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงตกใจ ว่า “ เดี๋ยวรับเรื่องไว้ครับ เดี๋ยวจะดูให้น่ะครับ”
แต่เนื่องจากนางสาวเกศรินทร์ไม่ได้ยินคำพูดของนายอภิสิทธิ์ จึงได้พยายามชี้ให้อ่านที่แผ่นป้ายข้อความร้องเรียน เวลาผ่านไปประมาณเกือบ 2 นาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา และเจ้าหน้าบริษัทรับจัดงาน (อีเว้นท์) ประมาณ 5 คน ได้สติ จึงกรูขึ้นไปบนเวทีและพยายามฉุดกระชากลากตัวนางสาวเกศรินทร์ลงมาจากเวที ซึ่งระหว่างนั้นนางสาวเกศรินทร์ก็พยายามตะโกนร้องขอให้นายอภิสิทธิ์ช่วยเหลือ พร้อมดิ้นรนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่าไม่ได้ต้องการมาทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน แต่มาร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์หายตกตลึงได้พูดผ่านไมโครโฟนอีกครั้งเพื่อให้นางสาวเกศรินทร์สงบว่าจะรับเรื่องร้องเรียนไปดูแลและแก้ไขให้ ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้พาตัวนางสาวเกศรินทร์ลงจากเวทีอย่างทุลักทุเลและออกประตูด้านหลังของอาคารเพื่อไปสงบสติอารมณ์ ขณะที่เจ้าหน้าของ พม.พยายามกันผู้สื่อข่าวไม่ให้ไปทำข่าวนางเกศรินทร์โดยขอว่าให้ช่วยไปฟังการพูดของนายอภิสิทธิ์แทน
สำหรับนางสาวเกศรินทร์นั้นได้พยายามอธิบายและชี้แจงว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ดขึ้นสมองมาตั้งแต่ปี 2551 โดยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่อาการไม่ดีขึ้นเนื่องจากพิษของโรคจนกลายเป็นคนพิการหูไม่ได้ยิน ซึ่งวิธีรักษามีอยู่ทางเดียวคือต้องใส่ประสาทหูเทียม แต่เนื่องจากเป็นเพียงแม่ค้าไม่มีเงิน ทางโรงพยาบาลจึงไม่ยอมรักษาให้ โดยให้เหตุผลว่าการรักษาต้องใช้เงินจำนวนมาก ตนจึงได้พยายามไปร้องขอที่สภาสังคมสงเคราะห์แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
**ตบหน้ารัฐ!ร้องเรียน 9 ครั้งไม่เห็นผล
“ดิฉันได้เขียนจดหมายมาถึงนายกรัฐมนตรี โดยเขียนส่งไปที่บ้านพัก 1 ฉบับ เขียนส่งมาที่ทำเนียบรัฐบาล 8 ฉบับ แต่ก็ไม่มีการตอบรับหรือความช่วยเหลืออย่างใด การมาในวันนี้ก็ไม่ต้องการมาสร้างความเดือดร้อนสร้างความวุ่นวาย ทำร้ายหรือขอเงิน แต่ต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมเท่านั้น ซึ่งก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ด้วยที่บุกขึ้นไปบนเวทีเพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนจริงๆ ” นางสาวเกศรินทร์กล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ของ พม.ได้จดรายละเอียดความเดือดร้อนของนางเกศรินทร์ เพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
**จวกรักษาปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีวันนี้มี พ.ต.ท.นีรนาท ฉินประสิทธิชัย เป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ชุดล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยประชิดตัวทั้งตำรวจและทหาร แต่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปป้องกันได้ทัน หากเป็นการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีก็คงสำเร็จ
**“มาร์ค” ฉุนซัดทำอะไรกันอยู่ ปล่อยขึ้นมาได้ยังไง
รายงานแจ้งว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง การเมือง ในฐานะหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เรียกชุดรักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจและทหารเข้าพบที่บ้านพิษณุโลก เพื่อรายงานชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายนวมินทร์ฯ จ.ชลบุรี โดยพล.ต.อ.ธานี ได้ตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของชุดรักษาความปลอดภัย ที่ปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแบบประมาทหละหลวม พร้อมกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯลงจากเวทีได้กล่าวตำหนิทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ ทันทีว่า “ทำอะไรกันอยู่ ปล่อยขึ้นมาได้ยังไง”
ขณะที่นายอิสสระ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นความผิดพลาดของการดูแลความปลอดภัยที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ถือเป็นอันตรายต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น พร้อมกล่าวขออภัยในสิ่งที่เกิด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชุดรปภ.มีประเมินสถานการณ์ผิดพลาด โดยอ้างว่า ผู้หญิงที่เข้าร้องเรียนแต่งกายคล้ายทีมรับจัดงาน จึงไม่ผิดสังเกต และทำให้เกิดความบกพร่องในที่สุด
**ค่าใช้จ่ายรักษาหญิงพิการ 1 ล้าน
วันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ได้รับตัวหญิงหูหนวก เข้ารับการรักษา และตรวจร่างกายจากแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีพบมีภาวะความเครียด จากปัญหาหูหนวก เตรียมให้นักจิตวิทยาพูดคุย ช่วยลดความเครียด ส่วนการรักษาต้องตรวจซีที-สแกน และเอ็มอาร์ไอ ดูว่า หูชั้นในใช้การได้ปกติหรือไม่ ถ้าปกติ เตรียมผ่าตัดใส่เครื่องประสาทหูเทียม โดยใช้เงินของมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว ราคาถึง 850,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท
นางสาวเกศรินทร์ หูหนวกจากการรับประทานเนื้อหมูดิบ ที่มีสเตรปโตคอคคัส ซูอิส (Streptococcus suis ) ในงานฉลองวันเกิดเมื่อปี 2551 ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลที่ออกมาร้องเรียน เพราะต้องการกลับมามีชีวิตปกติ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ
ในช่วงนาทีดังกล่าวนายอภิสิทธิ์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างตกตลึงและคาดไม่ถึง โดยครั้งแรกหลายคนเข้าใจว่า เป็นการแสดงประกอบการจัดงาน (เซอร์ไพร์ซ)แต่เมื่อนางสาวเกศรินทร์ตะโกนส่งเสียงดัง นายอภิสิทธิ์ถึงกับพูดผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงตกใจ ว่า “ เดี๋ยวรับเรื่องไว้ครับ เดี๋ยวจะดูให้น่ะครับ”
แต่เนื่องจากนางสาวเกศรินทร์ไม่ได้ยินคำพูดของนายอภิสิทธิ์ จึงได้พยายามชี้ให้อ่านที่แผ่นป้ายข้อความร้องเรียน เวลาผ่านไปประมาณเกือบ 2 นาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา และเจ้าหน้าบริษัทรับจัดงาน (อีเว้นท์) ประมาณ 5 คน ได้สติ จึงกรูขึ้นไปบนเวทีและพยายามฉุดกระชากลากตัวนางสาวเกศรินทร์ลงมาจากเวที ซึ่งระหว่างนั้นนางสาวเกศรินทร์ก็พยายามตะโกนร้องขอให้นายอภิสิทธิ์ช่วยเหลือ พร้อมดิ้นรนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่าไม่ได้ต้องการมาทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน แต่มาร้องขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์หายตกตลึงได้พูดผ่านไมโครโฟนอีกครั้งเพื่อให้นางสาวเกศรินทร์สงบว่าจะรับเรื่องร้องเรียนไปดูแลและแก้ไขให้ ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้พาตัวนางสาวเกศรินทร์ลงจากเวทีอย่างทุลักทุเลและออกประตูด้านหลังของอาคารเพื่อไปสงบสติอารมณ์ ขณะที่เจ้าหน้าของ พม.พยายามกันผู้สื่อข่าวไม่ให้ไปทำข่าวนางเกศรินทร์โดยขอว่าให้ช่วยไปฟังการพูดของนายอภิสิทธิ์แทน
สำหรับนางสาวเกศรินทร์นั้นได้พยายามอธิบายและชี้แจงว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ดขึ้นสมองมาตั้งแต่ปี 2551 โดยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แต่อาการไม่ดีขึ้นเนื่องจากพิษของโรคจนกลายเป็นคนพิการหูไม่ได้ยิน ซึ่งวิธีรักษามีอยู่ทางเดียวคือต้องใส่ประสาทหูเทียม แต่เนื่องจากเป็นเพียงแม่ค้าไม่มีเงิน ทางโรงพยาบาลจึงไม่ยอมรักษาให้ โดยให้เหตุผลว่าการรักษาต้องใช้เงินจำนวนมาก ตนจึงได้พยายามไปร้องขอที่สภาสังคมสงเคราะห์แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
**ตบหน้ารัฐ!ร้องเรียน 9 ครั้งไม่เห็นผล
“ดิฉันได้เขียนจดหมายมาถึงนายกรัฐมนตรี โดยเขียนส่งไปที่บ้านพัก 1 ฉบับ เขียนส่งมาที่ทำเนียบรัฐบาล 8 ฉบับ แต่ก็ไม่มีการตอบรับหรือความช่วยเหลืออย่างใด การมาในวันนี้ก็ไม่ต้องการมาสร้างความเดือดร้อนสร้างความวุ่นวาย ทำร้ายหรือขอเงิน แต่ต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมเท่านั้น ซึ่งก็ต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ด้วยที่บุกขึ้นไปบนเวทีเพราะต้องการให้นายกรัฐมนตรีช่วยเหลือเพราะเดือดร้อนจริงๆ ” นางสาวเกศรินทร์กล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ของ พม.ได้จดรายละเอียดความเดือดร้อนของนางเกศรินทร์ เพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
**จวกรักษาปลอดภัยต่ำกว่ามาตรฐาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีวันนี้มี พ.ต.ท.นีรนาท ฉินประสิทธิชัย เป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ชุดล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยประชิดตัวทั้งตำรวจและทหาร แต่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปป้องกันได้ทัน หากเป็นการลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีก็คงสำเร็จ
**“มาร์ค” ฉุนซัดทำอะไรกันอยู่ ปล่อยขึ้นมาได้ยังไง
รายงานแจ้งว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง การเมือง ในฐานะหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย ซึ่งแต่งตั้งโดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เรียกชุดรักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจและทหารเข้าพบที่บ้านพิษณุโลก เพื่อรายงานชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายนวมินทร์ฯ จ.ชลบุรี โดยพล.ต.อ.ธานี ได้ตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของชุดรักษาความปลอดภัย ที่ปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแบบประมาทหละหลวม พร้อมกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯลงจากเวทีได้กล่าวตำหนิทีมรักษาความปลอดภัยนายกฯ ทันทีว่า “ทำอะไรกันอยู่ ปล่อยขึ้นมาได้ยังไง”
ขณะที่นายอิสสระ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นความผิดพลาดของการดูแลความปลอดภัยที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ถือเป็นอันตรายต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น พร้อมกล่าวขออภัยในสิ่งที่เกิด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชุดรปภ.มีประเมินสถานการณ์ผิดพลาด โดยอ้างว่า ผู้หญิงที่เข้าร้องเรียนแต่งกายคล้ายทีมรับจัดงาน จึงไม่ผิดสังเกต และทำให้เกิดความบกพร่องในที่สุด
**ค่าใช้จ่ายรักษาหญิงพิการ 1 ล้าน
วันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ได้รับตัวหญิงหูหนวก เข้ารับการรักษา และตรวจร่างกายจากแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีพบมีภาวะความเครียด จากปัญหาหูหนวก เตรียมให้นักจิตวิทยาพูดคุย ช่วยลดความเครียด ส่วนการรักษาต้องตรวจซีที-สแกน และเอ็มอาร์ไอ ดูว่า หูชั้นในใช้การได้ปกติหรือไม่ ถ้าปกติ เตรียมผ่าตัดใส่เครื่องประสาทหูเทียม โดยใช้เงินของมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว ราคาถึง 850,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท
นางสาวเกศรินทร์ หูหนวกจากการรับประทานเนื้อหมูดิบ ที่มีสเตรปโตคอคคัส ซูอิส (Streptococcus suis ) ในงานฉลองวันเกิดเมื่อปี 2551 ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลที่ออกมาร้องเรียน เพราะต้องการกลับมามีชีวิตปกติ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ